ตอนที่แล้วลูกเขยพ่อมารร้ายตอนที่ 64
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปลูกเขยพ่อมารร้ายตอนที่ 66

ลูกเขยพ่อมารร้ายตอนที่ 65


บทที่ 65: อุบัติเหตุ? การยิงลำแสงไปยังที่นั่ง VIP

หมายเหตุ: มารระดับสูงสุดที่เคยใช้จะเปลี่ยนเป็น มารระดับสูง เนื่องจากมีการสับสนระหว่างการใช้ มารระดับสูง(เผ่า) และ มารระดับสูงสุด (ความสามารถ) . .

เรก้าได้มาถึงมารขั้นกลางเมื่อ 15 ปีก่อน และอีกเพียงก้าวเดียวมันก็จะถึงขั้นมารระดับสูงสุด ตัวมันนั่นติดคอขวดขั้นนี้มานานแล้ว ด้วยเหตุนี้ มันจึงไปฝึกฝนตัวเองอยู่ทุกที่ แม้กระทั่งเข้าร่วมสนามประลอง มันสามารถเอาชนะได้ทุกศึก จนกลายเป็นราชาของมารระดับกลางในสนามประลอง

หลังจากที่มันได้กลายเป็นราชาของมารระดับกลางในสนามประลองแล้ว ความคิดของมันก็ได้เปลี่ยนไป มันเริ่มสนุกกับแรงสนับสนุนและรางวัลมากมายที่มันได้รับ เพราะในทางกลับกัน แม้มันจะพยายามมากเพียงแค่ไหน ตัวมันก็ไม่สามารถที่จะยกระดับไปเป็นมารระดับสูงได้ สิ่งที่หลงเหลือในตัวมันคือความกลัว กลัวที่จะผิดหวังและกลัวที่จะสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นเงินทองหรือลาภยศ แต่เหนือสิ่งอื่นใดนอกจากการยกระดับเป็นมารระดับสูง มันต้องการเผชิญหน้ากับตัวตนที่หน้ากลัวเฉกเช่นอรัค โอกาสที่มันจะรอดเรียกได้ว่าน้อยกว่า 10%

อรัคเป็นพวกหัวรุนแรงมาก ด้วยความที่จำนวนมารระดับสูงสุดในสนามประลองนี้มีจำนวนน้อย จึงมักไม่มีใครกล้าท้าทายตัวมันเลย ดังนั้นบางคราอรัคก็มักจะจัดการแข่งขันบังคับเป็นครั้งคราว หากคู่ต่อสู้ของเขาสามารถอดทนได้ถึงเวลาที่กำหนด พวกเขาก็จะได้รับรางวัลตอบแทนเป็นอย่างมาก แต่ถ้าไม่ก็ตาย นั่นเป็นอะไรที่ดีแน่นอน แต่ในทางกลับกันมันก็น่ากลัวเช่นเดียวกัน

นับตั้งแต่ที่มีการประลองของมารระดับสูงสุดมาจนกระทั่งหยุดลง รายล่าสุดที่ถูกอรัคคร่าชีวิตไปก็เมื่อ 4 เดือนก่อน

ภายใต้ปัจจัยเหล่านี้ เรก้าจึงอ่อนแอลงไปโดยปริยาย แต่ความขี้เกียจของมันกลับเพิ่มมากขึ้นเมื่อ 20 วันก่อน เพราะอรัคได้จัดการประลองให้มันกับหมายเลข 64 หลังจากนั้นสักพัก มันก็ได้เข้าพบกับตระกูลคารอน ภายใต้คำเชิญของไมค์ เรก้าก็ได้ตัดสินใจว่าจะออกจากสนามประลองและเข้าร่วมกับตระกูลคารอน หลังจากที่การต่อสู้ครั้งนี้จบลง

อย่างไรก็ตาม หมายเลข 64 ผู้นี้คือสัตว์ประหลาดโดยแท้จริง เรก้านั่นคือผู้ที่ยอดเยี่ยมทั้งด้านพลังและความอดทน กระนั้นแล้วมันเหมือนไม่มีอะไรเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรูด้านหน้า นอกจากนี้ คู่ต่อสู้ของมันยังมีความเร็วที่น่ากลัวอีกด้วย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป มันย่อมไม่มีโอกาสชนะเลย

เรก้าเคยเอาชนะคู่ต่อสู้ที่มีพลังทัดเทียมหรือสูงกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ ถ้าหากเป็นเบอร์ล็อกเมื่อ 5 ปีก่อน มันคงสู้ถวายชีวิตไปโดยไร้ซึ่งความกลัว อย่างไรก็ตาม เรก้าในตอนนี้สูญเสียจิตวิญญาณนักสู้และความอาจหาญที่เคยมีแล้ว

“ดูเหมือนข้าจำเป็นต้องคืนคำพูดให้กับเจ้า เจ้าพร้อมตายหรือยัง?” เสียงแหบแห้งหลังหน้ากากได้ดังขึ้น มันยิ่งทำให้หัวใจของเรก้าสั่นด้วยความกลัวเข้าไปอีก มันเริ่มกรีดร้องและชกไปด้วยความหวาดกลัว

อย่างไรก็ตาม เฉินรุยบอกได้เลยว่าหมัดที่ต่อยออกมานี้มีเพียงรูปลักษณ์ที่น่ากลัว นอกจากนั้นก็มีเพียงความอ่อนแอ จากนั้นเขาก็ได้เอื้อมมือไปคว้าหมัดของเรก้า

เมื่อเขาเข้ามาใกล้ เรก้าก็ได้พูดเสียงต่ำพร้อมกับกล่าวไปว่า “ข้าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลคารอนนะ! เจ้ากล้าฆ่าข้าหรือไง? เจ้าไม่กลัวตระกูลคารอนจะโกรธเกรี้ยวงั้นหรือ?”

เฉินรุยหยุดชั่วคราว จากนั้นเขาก็ได้บิดกำปั้นของเรก้า เขาพลิกตัวพร้อมกันโยนเรก้าออกไปและตะโกนว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าเองก็คงรู้อยู่แล้วว่าอลันขู่ว่าให้ข้ายอมแพ้เจ้า! เจ้าช่างทำให้ข้าผิดหวังเสียจริง!”

เฉินรุยพูดออกมาด้วยความรู้สึกผิดหวังจริงๆ ตอนแรกเขาต้องการที่จะทำลายคอขวดด้วยการต่อสู้นี้ น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ที่เขากำลังเผชิญหน้าตอนนี้คือคนที่สูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไปแล้ว แม้ว่ามันจะแข็งแกร่งมาก แต่มันก็เป็นเพียงร่างที่ไร้ซึ่งวิญญาณ มันไม่มีคุณสมบัติเป็นหินลับมีดเลย

เกือบทุกคนในสนามประลองต่างได้ยินเสียงดังก้องของเฉินรุยที่ใช้พลังดวงดาวเพิ่มเข้าไป ผู้ชมบนสนามประลองต่างรู้สึกโกรธ ประหลาดใจในคราเดียวกัน รอยซ์หัวเราะเยาะ ในขณะที่อรัคจ้องมองไปที่อลันด้วยความโกรธเกรี้ยวราวกับมีดแหลมคมที่พร้อมแทงตลอดเวลลา แม้ว่าจะไม่ได้จ้องตรงๆ แต่อลันก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูกสันหลัง ใบหน้าของมันสลับไปมาระหว่างสีน้ำเงินและแดง ในที่สุดมันก็ทนไม่ได้จนต้องลุกขึ้นยืน มันแทบทนรอไม่ไหวแล้วที่จะฉีกร่างภายใต้หน้ากากให้กลายเป็นชิ้นๆ

เอกิล! ไอ้องคชาติ! ไม่ใช่แค่ไม่ได้แกล้งแพ้ แต่ถึงขั้นเปิดเผยเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคนด้วย!

พฤติกรรมของอลันยิ่งเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่เอกิลพูดเป็นความจริง จิตสังหารของอรัคยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเข้าไปอีก

มารทุกตนล้วนแล้วแต่เคารพผู้แข็งแกร่ง และพวกมันต่างจงเกลียดจงชังการกระทำอันแสนขี้โกงแบบนี้ทั้งสิ้น ผู้ชมในสนามประลองต่างตะโกนขึ้นมาคำเดียว “ฆ่ามัน! ฆ่าไอ้เจ้าขี้ขลาดนั่นเลย!”

เฉินรุยไม่รีรอและพุ่งเข้าไปหาเรก้าทันที เรก้าตกใจมากเลยไม่คิดเลยว่าจะมีคนกล้าหาเรื่องตระกูลคารอนอย่างเปิดเผย มันไม่มีความกล้าที่จะสู้ต่อแล้ว ตอนนี้มันได้แต่วิ่งไปที่นั่ง VIP เพื่อขอความคุ้มครองจากอลัน

เฉินรุยกระโจนไปและมองไปที่ รอยซ์และอรัคที่อยู่บนที่นั่ง VIP จู่ๆก็ได้มีแสงประหลาดสว่างวาบในดวงตาเขา พร้อมๆกับที่เขายื่นมือขวาออกมาและกางห้านิ้ว เขาได้ตะโกนออกไปว่า “เรก้า! ถึงเวลาของแกแล้ว!”

ลูกบอลแสงสีขาวขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เมตรได้ถูกปล่อยออกมาจากมือเขา ร่างกายของเฉินรุยเอนไปข้างหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ค่อยๆร่อนลงกับพื้น

ขณะเดียวกันเรก้าผงะในทันที ตัวมันหวาดกลัวลูกบอลสีขาวนี้มาก เมื่อถึงภาวะวิกฤต การฝึกฝนของมันหลายต่อหลายปีก็ไม่เสียเปล่า มันใช้พละกำลังเฮือกสุดท้ายในการเทเลพอร์ตหนี

พลังของ ‘ยิงแสงสว่าง’ ไม่ได้ลดลงเลยและมันพุ่งตรงไปที่นั่ง VIP ด้วยความเร็วสูง ในตอนนั้นใบหน้าของอลันก็ได้เปลี่ยนไป

ในพริบตาร่างของอรัคก็ได้ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าบอลแสงสว่าง มันเอื้อมมือซ้ายออกมาและรับบอลแสงไว้ อย่างไรก็ตาม เมื่อบอลแสงสว่างสัมผัสเข้ากับมือ ตัวของอรัคก็เริ่มสั่นสะท้าน มันจึงได้รีบเอื้อมมืออีกข้างมาผสานรับมันไว้

อรัครับรู้ได้ถึงพลังของบอลแสงสว่างนี้ในทันที ประกายไฟในดวงตาของมันยิ่งสว่างโชดช่วงเข้าไปอีก มันตะโกนออกมาและกางมือออก ‘ยิงแสงสว่าง’ ได้ถูกแยกออกเป็นสองส่วน แสงสีขาวที่หลงเหลือค่อยๆจางหายไปจากมือของเขา

อรัครู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นมือของมันเองมีบาดแผล แต่จากนั้นบาดแผลก็ค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ ไฟในรูม่านตาของมันค่อยๆดับลง แต่ความร้อนแรงก็ยังไม่ลดลงเลย มันจ้องมองไปที่เฉินรุยด้วยความประหลาดใจ

เพราะเฉินรุยตะโกนเรียกชื่อของเรก้าตอนที่เขาใช้ ‘ยิงแสงสว่าง’ มันก็ได้พุ่งตรงไปยังที่นั่ง VIP ดังนั้นมารหลายต่อหลายตนจึงคิดว่ามันเป็นเพียงอุบัติเหตุ แน่นอนว่ามีเพียงบางตนเท่านั้นที่รู้ถึงหัวใจเลยว่ามันหาใช่อุบัติเหตุอันใดไม่

ในตอนที่อรัคฉีกกระชากบอลแสงสว่างให้แยกเป็นสองส่วน ด้านหลังของตัวมันก็เกิดลมฉีกกระชากพัดไปมา นั่นแสดงให้เห็นเลยว่าตัวมันต้องใช้แรงมากขนาดไหนในการหยุดมัน

เฉินรุยเองก็แอบตกใจ นอกเหนือจากมังกรพิษแล้ว นี้คือครั้งแรกของเขาเลยที่เห็นมารสามารถรับมือกับท่าไม้ตายของเขาได้ด้วยมือเปล่า นอกจากนี้อรัคเองก็ยังไม่ได้ใช้เพลิงมารเพิ่มพลังด้วย ดูเหมือนว่าหากเขาไม่สามารถสถานะอัลไคน์ไปได้ เขาก็ไม่มีทางเทียบติดเลย

พลังของ ‘ยิงแสงสว่าง’ ก็ได้ทำให้เรก้ารีบใช้เทเลพอร์ตหนีไปด้วยความตกใจ เมื่อมันเพิ่งจะถอนหายใจออกมา จู่ๆมันก็ได้เห็นร่างสูงใหญ่อยู่เบื้องหน้าของมัน ดวงตาสองคู่เผยแววสังหารออกมาอย่างชัดเจน

“ท่านอรัก…” ร่างของเรก้านิ่งงันด้วยความกลัว เสียงของมันสั่นเป็นอย่างมาก

อรัคตะคอกกลับไปโดยไม่สนใจเรก้าเลย มันเดินไปข้างหน้าเรื่อย เมื่อถึงก้าวที่ 5 ร่างกายของเรก้าก็ได้ล้มลงพร้อมกับเลือดที่กระจายไปทั่วพื้น

แทบจะไม่มีใครเห็นเลยว่าอรัคสามารถฆ่าเรก้าได้เช่นไร แม้แต่เฉินรุยก็ด้วย

“หลอกหลวง โทษคือ ตาย!” อรัคไม่ได้หันกลับมามองร่างของเรก้าเลย มันเพียงมองไปที่เฉินรุยที่สวมเสื้อคลุมชุดใหม่ “การประลองนี้ หมายเลข 64 ได้รับชัยชนะ!”

เมื่อพวกมันได้ยินว่าหมายเลข 64 จากปากของอิรัค เสียงของผู้ชมก็ได้ดังขึ้นแทบจะในทันที เอกิลในตอนนี้คือราชามารระดับกลางตนใหม่ของสนามประลอง!

อลันโกรธมาก ตัวมันได้แต่หันหลังและจากไป นาจิบที่ยืนอยู่ข้างๆก็ได้แต่ตกใจ

อลันในตอนนี้รู้สึกหงุดหงิดจริงๆ คราวนี้ไม่เพียงแต่การเดิมพันที่เขาวางไว้จะสูญเปล่า แต่เรก้าที่กำลังจะเข้าร่วมกับตระกูลคารอนก็ดันถูกอรัคฆ่าอีก สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ เอกิลกล้าที่จะคุกคามมันต่อหน้าสาธารณะ ชื่อเสียงของมันครานี้ได้หายไปแล้ว อีกทั้งมันยิ่งรู้สึกอับอายมากหากต้องก้าวมายังสนามประลองแห่งนี้

เฉินรุยเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเสียงเชียร์นัก ตัวเขาเองได้แต่รู้สึกเสียใจ ในความเป็นจริง ตอนที่เขาสู้กับเรก้าก่อนหน้านี้ เขาเหมือนกับจะสามารถผ่านข้ามขั้นคอขวดไปได้เลย นั่นเป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในห้องฝึก อย่างไรก็ตาม เมื่อความมุ่งมั่นของเรก้าได้พังทลายลง คุณภาพของการต่อสู้ก็ลดลงและการที่จะข้ามขั้นคอขวดของเฉินรุยแทบไม่มีทางทำได้ ซึ่งโอกาสแบบนี้คงจะหาไม่ได้อีกแล้ว

ไม่นานนัก เสียงของผู้ชมก็ได้เงียบลงเพราะเสียงดั่งเหล็กกล้าเสียงหนึ่งได้ดังขึ้น "เอกิล เจ้ายังคงห่างชั้นกับการเป็นคู่ต่อสู้ข้านัก สำหรับหินลับคมของเจ้า เจ้าคงต้องหาด้วยตัวเอง เจ้ายังมีเวลาเหลืออีก 1 เดือน ข้าจะรอคอยเด็ดหัวผู้แข็งแกร่งอย่างเจ้าเอง"

ทั่วทั้งเวทีที่เต็มไปด้วยเสียงเชียร์กลับเงียบลง แม้แต่รอยซ์บนที่นั่ง VIP ก็เรียกได้ว่าไม่ต่างกันนัก

คำพูดของอรัคแทบทำให้ทุกตนกตใจ โดยเฉพาะดาร์คเอล์ฟเจสซี่และชนชาวแก๊งค์เสื้อคลุม

หนึ่งเดือนหลังจากนี้ คู่ต่อสู้ของเอกิลคืออรัค! ผู้เป็นเจ้าแห่งสนามประลอง! และมันก็ดูเหมือนจะเป็นมารที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วในเมืองพระจันทร์ดับแห่งนี้!

ไม่ว่าการต่อสู้ครั้งก่อนจะยากมากเพียงใด แต่การต่อสู้ระหว่างมารระดับกลางและมารระดับสูงสุดนั้นเหมือนฟ้ากับเว ไม่มีใครเคยได้ยินการที่ระดับต่างกันแล้วจะสามารถเอาชนะกันได้มาก่อนเลย แม้ว่าเอกิลจะสามารถยกระดับกลายเป็นมารระดับสูงสุดได้ภายใน 1 เดือน แต่ตัวมันก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับอรัคเมื่อ 4 เดือนก่อนอยู่ดี แม้แต่มารระดับสูงสุดขั้นกลางก็ไม่สามารถรับมือกับอรัคได้ภายใน 10 นาที

ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร เอกิจะเป็นดั่งตำนานในสนามประลองแห่งนี้ มันจะกลายเป็นหัวข้อพูดคุยที่ร้อนที่สุดในเมืองพระจันทร์ดับ หลังจากที่การท้าทายปรมาจารย์และการประลองเวหาได้ผ่านพ้นนานไป

ดวงตาที่สงบของรอยซ์กำลังเปล่งประกายด้วยความแปลกประหลาด อรัคได้เชิญมันมาเพื่อดูการประลองที่น่าสนใจ จากการแสดงบนสนามประลอง เห็นได้ชัดว่าหน่วยก้านของหมายเลข 64 นี้ดีมากแน่นอน เขาต้องการที่จะรับเอกิลเข้าร่วมหน่วย แต่ไม่คิดเลยว่าเอกิลจะเป็นเป้าหมายของอรัค! หรือข้าควรโน้มน้าวให้อรัคเลิกล้มความตั้งใจดี? หรือข้าควรตรวจสอบอีกเพิ่มเติมก่อน?

"ข้ายังคงรอคอยผู้ที่จะกลายเป็นเจ้าของคนใหม่ของสนามประลองแห่งนี้" เฉินรุยหายใจเข้าลึกๆและเดินไปที่ห้องพักนักแข่ง โดยไม่หันกลับมามองอีก

สายตาของรอยซ์ขยับไปมา ความอยากรู้อยากเห็นของเขาเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด: เอกิผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย ถึงขนาดนี้แล้วยังกลับใจเย็นอยู่ได้ มันไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน

ภายใต้สายตาอันหวาดกลัวของเหล่ายาม เฉินรุยไม่แม้แต่จะไปพบคนแคระชราและคนอื่นๆ เขารีบวิ่งออกไปจากสนามประลองในทันที

อย่างไรก็ตาม ในซอยที่ไม่ไกลนักจากสนามประลอง เขาก็ได้ถูกใครบางคนขวางไว้

"เอกิล!" เสียงที่ดูโกรธเกรี้ยวได้ดังขึ้น เฉินรุยสามารถจำเสียงนี้ได้ทันที เขาสามารถเอ่ยนามนี้ขึ้นมาโดยไม่ลืมตาก็ยังได้: อลัน!

"หัวหน้าหน่วยอลัน ก็อย่างที่ข้าบอกไป ข้าจักทำให้ท่านพึงพอใจ ตอนนี้ท่านรู้สึกเช่นไรหรือ?" เฉินรุยแสยะยิ้ม แต่ตอนนี้เขากำลังมองไปยังมารระดับสูงข้างๆอลันต่างหาก

มารระดับสูงสุดนี้มีเพียงตาดวงเดียว อีกตาได้ถูกปิดไว้ด้วยผ้าคาดตา คงมีเพียง 'ดวงตาวิเคราะห์' เท่านั้นที่จะแสดงความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามออกมา: D!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด