ตอนที่แล้วบทที่ 39: ห้องทำงานของเจ้าหญิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 41: วางแผนให้ครอบคลุม! นักยุทธศาสตร์คนใหม่

บทที่ 40: อัศวินมังกรและเลขานุการ


บทที่ 40: อัศวินมังกรและเลขานุการ

เมื่อถึงยามกลางคืน ภายใต้แสงจันทร์อันหนาวเหน็บ เงาดำร่างใหญ่ได้แผ่ขยายทั่วด้านนอกของพระราชวังและก็ได้จางหายไปจากเมืองใหญ่

ความรู้สึกในการขี่มันเปรียบดั่งการขี่รถไฟหรือเครื่องบิน ความเร็วในการบินของไวเวิร์นเร็วกว่าที่คาดไว้มาก มันใช้เวลาไม่นานนักก็ได้ไปถึงทะเลสาบสีฟ้า

ปากลีโรกำลังนอนอยู่บนทุ่งหญ้าริมทะเลสาบและเล่นหมุดไพ่เดี่ยวที่เฉินรุยส่งมาให้ครั้งก่อน ตามคำพูดที่เขาเล่าให้ฟัง เขาได้นอนในทะเลสาปบ้านี้มา 2,000 ปีแล้ว หากไม่จำเป็น เขาก็ไม่คิดที่จะลงน้ำเลย

แต่พอได้เห็นเงาที่เคลื่อนไหวมาอย่างรวดเร็ว ปากลีโรก็สัมผัสได้ถึงมันในทันที เมื่อเขาเห็นว่ามันเป็นไวเวิร์น เขาก็ได้หัวเราะอย่างเย้ยหยัน แม้ว่าไวเวิร์นจะค่อนข้างทรงพลังและมีพิษ แม้แต่มังกรทั่วไปยังต้องระวัง แต่มังกรพิษนั้นแตกต่างออกไป พิษจากไวเวิร์นนั้นไร้ประโยชน์ต่อหน้ามังกรพิษ เมื่อเปรียบเทียบพิษแล้ว มังกรพิษสามารถทำลายระบบย่อยอาหารของไวเวิร์นได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนอยู่บนหลังไวเวิร์น อัศวินมังกร? ไม่ใช่แน่นอน ควรจะเป็นกึ่งอัศวินมังกรหรืออัศวินไวเวิร์น สำหรับมังกรมังกรแล้ว มังกรเทียมที่ด้อยกว่านั้นไม่สมควรที่จะกล่าวคำสูงส่งดั่งชื่อ "มังกร"

ในขณะนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจากไวเวิร์น “ปากลีโร เจ้าอยู่ที่ไหน”

"นั่นใคร!" ปากลีโถูกผนึกไว้อยู่ตอนนี้ เขาจึงไม่อยากที่จะดึงปัญหาเข้ามาอีก เขาต้องการหลีกเลี่ยงภัยอันตรายต่างๆ แต่เมื่อมีคนเรียกชื่อของเขา เขาก็เริ่มตื่นตัวและเริ่มชารจ์พลังไว้

จู่ๆสิ่งนั้นก็เริ่มเข้ามาใกล้และพูดขึ้น “ปากลีโร แซนโดร อะคิลิส สุดยอดเพื่อนคนสำคัญของเจ้ามาถึงแล้ว ก็คนที่เจ้าเคยสัญญาว่าจะมอบสมบัติทั้งหมดในบึงคืนสงบให้ไงเล่า!”

"ไม่มีทาง! มนุษย์จอมโลภเอ้ย!” ปากลีโรบ่นพร้อมกับยิ้มขึ้นมาและยกเลิกพลังที่ชารจ์ไว้

แม้ว่ามังกรพิษจะไม่ได้แปลงร่างเป็นมังกร แต่ไวเวิร์นทั้งสองตัวก็รู้สึกถึงความน่ากลัวของอีกฝ่าย ดังนั้นมันจึงดูหวาดกลัวอย่างมากเมื่อลงมาถึงพื้น

เฉินรุยกระโดดลงมาและตบคอของไวเวิร์น “แม็กดาอย่ากลัวเลย เขาเป็นมิตร รอข้าอยู่ทางโน้นเดี๋ยวนะ”

ไวเวิร์นพอได้ยินก็รีบกางปีกออกและบินไปไกลเลย ปากลีโรดูประหลาดใจมาก “ถึงแม้ว่าพวกมังกรเทียมจะมีสติปัญญาต่ำ แต่ก็ยังมีพละกำลังอยู่บ้าง เจ้าทำให้พวกมันเชื่องอย่างง่ายดายได้ยังไงกัน? เป็นมรดกที่สืบทอดจากปรมาจารย์อีกแล้วงั้นรึ?”

“เจ้าเดาถูกเลย” เฉินรุยอยากที่จะยกย่องมังกรพิษเหลือเกิน “หลังจากดูดซับพลังของศิลาเถาวัลย์สองก้อนโดยไม่ได้ตั้งใจ ข้าก็ได้ความสามารถในการฝึกสัตว์ร้ายมา อย่างไรก็ตาม ความสามารถนี้ต้องใช้พลังงานจากพวกวัตถุดิบพิเศษ หากเจ้ามีอะไรก็อย่าลังเลแล้วเอาออกมาให้ข้าทีเถอะ”

“ฮึ่ม ทำไมโชคถึงเข้าข้างคนโลภเช่นเจ้ากัน” ปากลีโรเหลือบมองไปที่เขาอย่างอิจฉา “ข้าถูกผนึกเป็นเวลาสองพันปี จะมีสมบัติอะไรกันอยู่ติดตัวข้า? ศิลาเถาวัลย์ก็ไม่มี ถ้าเป็นวัตถุเวทมนตร์ ข้านั้นมีของดีๆมากมายในบึงคืนสงบ ขึ้นอยู่กับว่าเจ้ามีความสามารถพอที่จะเอามันมาหรือเปล่า”

"จริงเหรอ?" เฉินรุยดูเหมือนจะได้เห็นค่าออร่าจำนวนมากแล้วในอนาคต ดวงตาของเขาตอนนี้เปล่งประกายเป็นอย่างมาก “ข้าจะไม่ปิดบังเจ้านะ ไวเวิร์นพวกนั้นก็มาจากบึงคืนสงบเหมือนกัน ข้าพยายามที่จะไปที่นั่นให้ได้ เพียงแต่ความแข็งแกร่งตอนนี้ของข้ายังไม่พอ โชคดีที่ตอนนี้ข้ามีไวเวิร์นแล้ว ข้าจะได้มาที่ทะเลสาบสีฟ้าทุกวัน เพื่อที่จะรับการฝึกฝนพิเศษจากเจ้า”

"ไวเวิร์นพวกนั้นก็มาจากบึงคืนสงบเหมือนกัน? ช่างใส่ใจอะไรขนาดนี้!“ปากลีโรไม่รู้ว่าคำพูดของเขานั้นหลอกลวงทั้งสิ้น ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างมีความสุขไปว่า” ข้ามีสมบัติและแร่ธาตุหายากมากมาย หากเจ้าต้องการ ข้าให้เจ้าหมดเลย ยิ่งเจ้าแข็งแกร่งเท่าใด ข้าจักปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม จงอย่าคาดหวังว่าสัตว์ร้ายทุกตัวจะมีจิตใจที่แสนเรียบง่าย หากไวเวิร์นพวกนี้ไม่เชื่อง การสื่อสารกับพวกมันก็จะยากยิ่งนัก ตอนนี้เราไม่เสียเวลาและมาฝึกกันดีกว่า”

“ลอบโจมตีอีกแล้ว! ไอ้มังกรน่ารังเกียจ!”

“ปฏิกิริยาตอบโต้ของเจ้าในครั้งนี้เร็วขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่เพียงพอ!”

“…”

การฝึกอบรมพิเศษที่แสนจะเจ็บปวดและเลวร้ายได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง วึ่งทำให้ตัวเขาคุ้นเคยกับพลังดวงดาวมากขึ้นไปอีก

เมื่อเขากลับไปที่ห้องทดลอง มันก็เป็นเวลาดึกแล้ว เฉินรุยนั้นเหนื่อนมากจนไปอาบน้ำและหลับไป ไม่นานนัก เขาก็ได้ตื่นขึ้นมากับรุ่งเช้าของวันที่สอง

เฉินรุยรู้สึกดีมากและรับรู้ถึงพลังยามที่ตื่นขึ้นมาด้วย เพราะความเชี่ยวชาญของ 'ดวงดาว' ความเจ็บปวดที่ได้รับมาจากการฝึกพิเศษได้หายไปทั้งหมด จากนั้นเขาก็นึกถึงคำสั่งของเชียขึ้นมาได้ เขารีบทำความสะอาดตัวเองและรีบไปที่ห้องโถงของสภาทันที

บางทีเขาอาจจะเข้าประชุมสายแล้วเนี่ย ตาแก่เกาส์ที่เชียบอกก็ไม่ได้อยู่แถวนี้ด้วย แต่กลับมีเจ้าหญิงเชียที่นั่งอยู่บนโต๊ะและคอยพลิกเอกสารไปมา

“ดูเอกสารพวกนี้แล้วแยกส่วนสำคัญและเขียนลงในสมุดบันทึกทรัพย์สิน ถ้าเจ้ามีอะไรจะเขียน ก็เขียนเพิ่มเข้าไปได้เลย” เชียพูดโดยไม่ได้ยกหัวขึ้นมา

เฉินรุยรับเอกสารและจดรายการต่างๆลงสมุดอย่างรวดเร็ว งานไม่ได้ยากเกินไปนัก เนื่องจากไม่มีอะไรสำคัญๆในเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ ตัวอย่างเช่น ศึกประลองเวหา ของเมื่อวานและการท้าทายของปรมาจารย์อัลดาซก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องจดบันทึกไป ทักษะการเขียนของเฉินรุยที่เรียนรู้จากมหาวิทยาลัยไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว ไม่นานนัก เขาก็ได้เขียนทุกอย่างด้วยข้อความแสนจะกระชับ

"ไม่เลว" เชียหยิบสมุดบันทึกที่จดสมบูรณ์ทุกอย่างและมองไปที่เขา “ครั้งหน้าให้มาเร็วกว่านี้ วันนี้เกาส์ได้ออกไปนานแล้ว”

เฉินรุยรู้สึกเขินอย่างมาก เพราะเขามาสายในวันแรกของการทำงานและเจ้านายของเขาก็จับได้อีก

“คือมันเป็นแบบนี้ขอรับท่านเจ้าหญิง” เฉินรุยคิดอยู่พักหนึ่งแล้วก็ตัดสินใจหาข้ออ้างที่ตนต้องออกไปในตอนกลางคืน จนมาทำงานสาย เพราะมีโอกาสที่ในอนาคตอาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ ถามว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น ก็เพราะยามที่วังไม่ได้เป็นของตกแต่งนะเห้ย หากพวกเขารู้ว่ามีอะไรผิดปกติในห้องทดลองยามค่ำคืน พวกเขาจะต้องเอาไปแจ้งและทำให้เชียสงสัยเป็นแน่

หลังจากฟังคำอธิบายของเฉินรุย นางก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “เจ้าไปขี่ไวเวิร์นในตอนกลางคืนเพียงเพื่อแค่ฝึกเท่านั้นรึ?”

"ใช่ขอรับ" เฉินรุยพยักหน้า “หลังจากที่ข้าดูดซับศิลาเถาวัลย์ที่ส่งมาจากเจ้าหญิงใหญ่เมื่อคืน ความสามารถในการฝึกสัตว์ร้ายของข้าก็ได้รับการพัฒนายิ่งขึ้นไปอีก แต่ข้าไม่ต้องการเปิดเผยความสามารถนี้ออกไป ดังนั้นข้าจึงออกไปฝึกซ้อมกลางดึกเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกใครมาเห็น”

“ก็เป็นความจริงที่ตอนนี้เจ้าไม่ควรดึงดูดความสนใจมากนัก”ซึ่งเชียเองก็คิดที่จะใช้เขาเป็นอาวุธลับอยู่แล้ว “นับจากนี้เป็นต้นไป ให้เจ้ามาที่หอประชุมทุกบ่าย ในตอนเช้าก็พยายามพักผ่อนให้มาก”

เจ้านายคนนี้ไม่เลวเลย แต่น่าเสียดายที่ไม่มีการขึ้นเงินเดือนนี้สิ เฉินรุยกล่าวเสริมไปอีกว่า“ข้าได้พูดคุยกับเหล่าไวเวิร์นมา พวกมันบอกว่าพวกมันอาศัยอยู่ในบึงคืนสงบ มีฝูงไวเวิร์นจำนวนมากอยู่ที่นั่น ทั้งสองตัวถูกจับมาในตอนที่มันบินออกมา หากมีโอกาสในอนาคต ข้าอยากไปที่พื้นที่บึงคืนสงบเพื่อสำรวจดู”

นักล่าสัตว์อสูรเป็นอาชีพที่มักจะจับหรือฆ่าพวกสัตว์อสูร ข้อกำหนดก็คือจำเป็นที่จะต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และไวเวิร์นทั้งสองตัวนี้ก็ได้ถูกจับมา

ทันใดนั้น ดวงตาของเชียได้เปล่งประกายและนางก็ได้พูดขึ้นมาว่า “งั้นเจ้าก็จะไปหาพวกมันทั้งฝูง แล้วก็…”

หากเฉินรุยประสบความสำเร็จในการจับฝูงไวเวิร์นฝูงใหญ่มา เมืองพระจันทร์ดับจะมีกองทัพอากาศสุดแสนจะแข็งแกร่งมาเสริม มันสามารถเทียบเท่ากับอัศวินมังกรของเจ้าชายออบซิเดียนได้เลย เชียในตอนนี้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

“แต่นั่นเป็นเพียงแค่การคิดเท่านั้น” เฉินรุยสังเกตเห็นได้เลยว่าเชียเริ่มคล้อยไปกับคำพูดของเขาแล้ว “ไวเวิร์นตัวอื่นไม่อาจเทียบกับไวเวิร์นสองตัวนี้ได้ พวกมันทั้งสื่อสารด้วยยากและก้าวร้าวกว่ามาก ข้าคิดว่านี้จะใช้เป็นแผนระยะยาวเสียมากกว่า ในตอนนี้ ข้าตั้งใจที่จะฝึกทักษะของข้าเสียก่อน”

จุดประสงค์หลักของการเดินทางไปยังบึงคืนสงบคือสมบัติของมังกรพิษ แน่นอนว่ามันคงจะเป็นการดีด้วยถ้าเขาสามารถเอาไวเวิร์นกลับมาเพิ่ม ดังนั้นเขาจะต้องไม่ทำให้เจ้านายสาวสวยและโลลิตัวน้อยผิดหวังอย่างแน่นอน พอบอกเชียล่วงหน้าว่าเขาต้องการจะไปบึงคืนสงบ เขาก็สามารถที่จะไปได้โดยไม่ต้องถูกสงสัยอะไร

เชียสงบลงและเริ่มคิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของแผน “บึงคืนสงบอยู่ทางตะวันตกของเขตจ้าววิญญาณสีชาด อยู่ทางเหนือของเขตดินแดนพระจันทร์ดับและเป็นพื้นที่ครอบคลุมทั้งสองอาณาจักรของนางฟ้าตกสวรรค์กับเงาแห่งความมืด ที่นั่นมีสัตว์อสูรที่มีพลังและอันตรายสูงอยู่มาก ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเจ้า เจ้าคึงไม่สามารถไปที่นั่นได้ ข้าจะพยายามในการหาวัสดุให้เจ้าล่ะกัน แต่ว่าทรัพยากรของข้าในมือตอนนี้ขาดแคลนเป็ยอย่งามาก ดังนั้นความสามารถของข้าที่จะให้สิ่งของกับเจ้าได้ก็มีอยู่จำกัด ภูเขาภูเขาซีหลางเคยเป็นแหล่งแร่ธาตุและเขตเศรษฐกิจที่สําคัญมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัญหาที่เกิดจากสิ่งมีชีวิตใต้ดินและโจรในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ผลผลิตจึงลดลงอย่างมาก จนทําให้สถานการณ์ทางการเงินของเมืองพระจันทร์ดับแย่ลง

เฉินรุยลังเลพร้อมกับถามไปว่า "เจ้าหญิงใหญ่โปรดยกโทษให้ข้าที่ถามตรงๆด้วย ท่านนั้นยังคงคิดที่จะโค่นล้มเจ้าชายออบซิเดียนและหวนกลับคืนบัลลังก์หรือไม่?"

"เจ้าถามมาแบบนี้ แสดงว่าเจ้าได้วางแผนมาแล้วสินะ? ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ข้าก็จะบอกเจ้า" ดวงตาที่สวยงามของเชียดูมีประกายลดลง แต่ความสว่างภายในนั้นกลับยิ่งทำให้ดูสะดุดตายิ่งขึ้น“มันเป็นความปรารถนาตลอดชีวิตของพ่อของข้าที่เขายังคงอยู่ในใจก่อนตาย ดังนั้นแล้ว ข้าต้องทํามันให้ได้ ถึงข้าจะไม่มีเงินสักแดงเดียว แต่ข้าก็สามารถจ่ายได้ด้วยชีวิตของข้า”

เชียตอนนี้ดูเด็ดเดี่ยวและแข็งแกร่งยิ่ง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เฉินรุยเห็นคือความไร้ทุกข์และความเศร้าโศกที่อยู่เบื้องหลัง ผู้หญิงสวยคนนี้ที่อายุเพียง 23 ปีรับภาระหนักมากเกินไปแล้ว แต่นางยังคงต้องแบกพวกมันต่อไป ไม่ว่าจะเป็นหนใดทุกสิ่งอย่างก็ย่อมเป็นไปตามครรลอง มีบางอย่างที่ควบคุมไม่ได้เสมอ

สถานการณ์ในอาณาจักรมารตอนนี้เปรียบดั่งเกมหมากรุก ไม่ว่าจะเป็นดินแดนพระจันทร์ดับหรือสามอาณาจักร ทุกที่ล้วนแล้วแต่อยู่ในสนามหมากรุก เฉินรุยเดิมต้องการที่จะเป็นตัวตนเล็กๆ ไม่ทำให้ตัวเองเกิดปัญหา เพื่อที่ตัวเขาจะสามารถถอยได้ตลอดเวลา แต่สิ่งมันกลับตรงข้ามกับสิ่งที่เขาปรารถนาเสมอ เขาดันเกิดใหม่มาในอาณาจักรมาก แถมตอนนี้ยังอยู่ในเกมหมากอีก แล้วเพราะเขาอยู่ในเกมแล้ว เขาจะทำได้เพียงเป็นแค่คนดูได้ยังไง? แม้ว่าเขาจะเป็นตัวตนที่แสนเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงเป็นหมากรุนชิ้นหนึ่ง กุญแจมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะทํายังไงกับมัน

หากเบี้ยขนาดเล็กเล่นได้ดี ก็อาจส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมได้ นอกจากนี้ ตัวตนเล็กน้อยก็หาใช่จะเป็นตัวตนเล็กน้อยเสมอไป ผู้เล่นที่มีความสามารถก็มีวิธีในการเล่นหมากให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด

รากฐานของอสังหาริมทรัพย์ของเมืองพระจัทร์ดับอ่อนแอเกินไป แค่เจ้าชายออบซิเดียนจากเมืองหลวงคนเดียวก็ยากแล้ว แต่ยังมีจ้าววิญญาณสีชาดที่คอยคุมเส้นชีวิตของเมืองพระจันทร์ดับไว้อยู่ เปรียบดั่งดาบที่แขวนเหนือหัวเมืองพระจันทร์ดับที่คอยฟาดฟันลงมาทุกเวลา

กุญแจสําคัญตอนนี้คือยามใดที่ออบซิเดียนตระหนักถึงเรื่อง "ดาบของนางฟ้าตกสวรรค์" เพราะถ้าเป็นแบบนั้น เมืองพระจันทร์ดับคงไม่สามารถทำให้ตัวเองไม่เป็นที่สนใจได้อีกต่อไป และเรื่องที่จะถูกทำลายคงอีกไม่ไกลนัก พอตัดสินจากการท้าทายปรมาจารย์และศึกชิงเจ้าเวหาแล้ว ดูท่าเจ้าชายออบซิเดียนคงจะค่อยๆหมดความอดทนไปทุกที

แต่ระบบสุดยอดในตอนนี้ก็ดูดีเหมือนกัน ซึ่งเฉินรุยตอนนี้จำเป็นที่จะต้องมีเวลาและใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ในทํานองเดียวกัน ดินแดนพระจันทร์ดับยังต้องการเวลาที่พัฒนาไม่ต่าง สําหรับตัวเขาและเมืองพระจันทร์ดับแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้จบการศึกษาด้านการเมือง แต่ตัวเขานั้นมีแผนที่จะคอยผลักดันอยู่แล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด