ตอนที่แล้วบทที่ 18: ศึกชีวิตและความตาย! เด็กฝึกงาน vs อัจฉริยะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 20: ตำนาน อัลดาซ โด่งดังเพียงหนึ่งคำท้าทาย

บทที่ 19: ความคืบหน้า 100%! นักปรุงยาผู้ทรงพลัง


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 19: ความคืบหน้า 100%! นักปรุงยาผู้ทรงพลัง

สายตาของทุกคนต่างก็จับจ้อง เฉินรุยเองก็มองไปที่ขวดยาพิษในมือและก็ได้เดินไปหาปรมาจารย์อัลดาซ เขาปล่อยให้ปรมาจารย์ได้กลิ่นของมันและฟังเสียงกระซิบเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ได้ต้มยาแก้พิษอย่างวุ่นวาย เขาดื่มยาแก้พิษก่อน จากนั้นก็ได้กัดฟันและดื่มพิษของแซนโดรเข้าไป

หนึ่งวินาทีสองวินาที ... หนึ่งนาทีผ่านไป สองนาทีผ่านไป มนุษย์ยังคงมีชีวิตอยู่ ทัทนใดนั้น เขากลับประหลาดใจแทน ดูเหมือนยาแก้พิษของปรมาจารย์อัลดาซจะใช้ได้ผล ผู้ชมส่งต่างส่งเสียงเชียร์ในทันใด อย่างน้อย ชื่อเสียงของเมืองพระจันทร์ดับก็จะถูกบันทึกไว้ เฉพาะผู้ที่เดิมพันกับมนุษย์ที่ถูกพิษฆ่าตายเท่านั้นที่มีใบหน้าเสีย

แน่นอน เฉินรุยเองก็รู้สึกประหลาดใจ เพราะความคืบหน้าของระบบสุดยอดที่หยุดนิ่งก็ได้เลื่อนขึ้นมาที่ระดับ 91.5%!

ผลที่ได้ไม่เลวนัก ที่จริงแล้ว การเพิ่มขึ้น 1.5% ก็เป็นเงื่อนไขที่สูงมากพอแล้ว!

ผู้ตัดสินสองคนมองไปที่เฉินรุยที่ปลอดภัยและก็ได้ชำเลืองตามองไปที่แซนโดร แซนโดรเองก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นเดียวกัน เขาไม่เคยคิดเลยว่าอัลดาซมีพลังมากจนเขาสามารถวิเคราะห์องค์ประกอบของพิษได้เพียงแค่ดมกลิ่นเท่านั้น

“ฮืม เขาแค่โชคดีมาก” ดูเหมือนแซนโดรจะประหลาดใจเพียงชั่วเสี้ยววินาที และเขาก็เริ่มปรุงยาใหม่ในทันที นี้ก็แค่น้ำจิ้มเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าเด็กฝึกงานเป็นเพียงมือใหม่ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความเร็วเลยสักนิดเดียว เขาสามารถทำพิษที่ซับซ้อนด้วยความใจเย็นตามที่ต้องการได้เลย

สิบนาทีต่อมา ยาใหม่ของแซนโดรก็ได้โผล่ขึ้นมาอีกแล้ว ส่วนเฉินรุยก็เพิ่งจะผสมส่วนผสมของยาเท่านั้นเอง แม้แต่ผู้ชมมือสมัครเล่นก็สามารถบอกได้จากความกังวลของอัลดาซเลยว่า สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ดีแน่นอน

เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่เฉินรุยเอายาพิษเดินเข้ามาด้วยความกังวล หลังจากรับฟังการวิเคราะห์และแนวทางของอัลดาซแล้ว จากนั้นเขาก็เริ่มดื่มยาแก้พิษที่ปรุงมาใหม่อีกพร้อมกันนั้นก็ได้ดื่มยาพิษของแซนโดร

ผลที่ได้ก็เหมือนเดิม ทั้งนักปรุงยาอัจฉริยะและปรมาจารย์ด้านการปรุงยาต่างก็ต้องตกตะลึง หลังจากนั้นครู่หนึ่ง มนุษย์ก็ยังคงปรุงยาต่อไปและความคืบหน้าของระบบก็ได้สูงถึง 94% เหล่าผู้ชมเองต่างก็ส่งเสียงเชียร์มากมาย

เฉินรุยได้แต่ซ่อนความตื่นเต้นของเขาไว้ภายในใจ: พายุจงโหมกระหน่ำให้มากกว่านี้สิว่ะ!

เพื่อกระตุ้นความปรารถนาของแซนโดรที่จะเอาชนะ เฉินรุยจึงทำเป็นเจ็บปวดในการลองยาครั้งที่สาม เขานั่งลงบนพื้นอย่างช้าๆพร้อมกับกุมท้องและแสดงท่าทีว่าร่างกายสั่นๆเล็กน้อย การแสดงของเขาดูละเอียดอ่อนมากจนกระทั่งทำให้เหล่าผู้ชมรู้สึกตกใจแทน แม้แต่อาเธน่าก็ยังทดไม่ไหวจนเป็นห่วงด้วยเหมือนกัน

เมื่อทุกคนกำลังจับจ้องอยู่ มนุษย์ก็ได้ยืนขึ้นอย่างสั่นเทา หลังจากเดินโซเซไปไม่กี่ก้าว ในที่สุดเขาก็ได้ยืนหยัดและจ้องมองไปที่โต๊ะ ราวกับเขากำลังแสดงออกมาว่าเขากำลังจะตายแล้ว

อาเธน่าและทุกๆคนต่างก็กำลังส่งกำลังใจไปให้เขา ยกเว้นเสียแต่โลลิตัวน้อยที่ด้านข้างที่ส่ายหัวของนางเบาๆไปมา : จากคำพูดของมนุษย์ผู้นี้แล้ว การแสดงของเขาก็ไม่มีความหมายต่อสายตาของนางเลยสักนิด เขาเป็นคนที่เล่นละครได้ถึงระดับมากที่สุด แต่ถ้าตรงจุดนั่นเป็นโลลิตัวน้อยแทน อย่างน้อยนางก็คงจะได้รับรางวัลออสการ์เลย....

"นั่นมันเป็นไปไม่ได้!" ใบหน้าของแซนโดรเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เขากัดฟันแล้วตะโกนออกมา

เขาได้รับฉายาว่าเป็นอัจฉริยะมาเกือบร้อยปี เมื่อชื่อของเขาได้ดังกระช่อน ดาร์คเอลฟ์ผู้นั้นก็เป็นเพียงแค่เด็กฝึกงานที่ไหนก็ไม่รู้ ถ้าไม่ใช่เพราะคำสาบานที่จะสร้างพิษใหม่ เขาคงจะเป็นปรมาจารย์นานแล้ว แม้แต่ปรมาจารย์คนอื่นๆเองก็ยังแสดงความเคารพต่อตัวเขาเลย

ไอ้ดาร์คเอลฟ์นั้นมันได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหญิงก็เลยสามารถผ่านระดับปรมาจารย์มาได้ แต่อัลดาซสามารถรักษาพิษใหม่ของเขาได้ยังไงกัน รักษาพิษใหม่ที่ปรมาจารย์อัจฉริยะผู้นี้เพิ่งทำเสร็จปีที่แล้วเลยนะ!

มันเป็นความจริงเลยว่า การแก้พิษนั้นยากเสียยิ่งกว่าการปรุงยาพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งเรื่องของเวลาและวัตถุดิบ เป็นไปได้หรือไม่ที่บางคนจะให้พิษใหม่กับอัลดาซก่อนหน้านี้ แล้วอัลดาซก็ได้ใช้เวลานานหลายปีเพื่อค้นคว้ายาแก้พิษงั้นเหรอ? สมมุติฐานนี้เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

มันก็เหมือนกับเมืองอื่นของอาณาจักรมาร เมืองพระจันทร์ดับเป็นเขตระดับสูง แม้ว่าเฉินรุยจะเป็นมนุษย์และเขาก็ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ดีนัก แต่สำหรับตอนนี้ เขาได้กลายเป็นลูกศิษย์ของอัลดาซ เปรียบเสมือนตัวแทนของเมืองพระจันทร์ดับในสายตาของผู้ชมพวกนี้ ในขณะที่ผู้ที่มาจากเมืองหลวงเป็นเพียงคนนอก ดังนั้นพวกเขาจึงได้โห่ใส่แซนโดร

“ด้วยร่างกายที่อ่อนแอเช่นนี้ยังกล้าที่จะท้าทายปรมาจารย์อัลดาซอีก!”

"อัจฉริยะบ้าบออะไรกัน? เขากลับไม่สามารถสู้กับลูกศิษย์ที่อ่อนแอที่สุดของเราในเมืองพระจันทร์ดับได้ กลับเมืองหลวงไปเลยไป แล้วไปฝึกก่อนที่แก้จะมาท้าทายซะเถอะ!"

"ข้าคิดว่าพิษของเขาคงฆ่าไม่ได้แม้กระทั่งหนอน ถ้าข้าเป็นเขาละก็ การฆ่ามนุษย์นั้นช่างแสนจะง่ายดาย!"

“…”

การได้รับยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 มาหลายปีทำให้แซนโดรไม่เคยประสบกับการดูถูกเช่นนี้ เขาโกรธจนใบหน้านั้นซีดเผือกเลย แต่การตอกหน้าอย่างจังก็คือให้มนุษย์ผู้นี้ได้รับยาพิษ จนกระทั่งมันตายไป แล้วไอ้พวกผู้ชมบ้าๆนี้จะได้หุบปากสวะๆของมันเสียที

แซนโดรหายใจเข้าลึกๆ ตอนนี้ความหยิ่งทระนงของเขาได้หายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ในที่สุด เขาก็กลับมาสงบได้ เนื่องจากอัลดาซเป็นเหมือนกับปรมาจารย์ลึกลับที่ซ่อนอยู่ใต้แสงไฟ แซนโดรจึงต้องงัดทุกอย่างที่เขามีมาเพื่อเอาชนะศัตรูของเขา

ในคราวนี้ แซนโดรจะลองใช้ความสำเร็จสูงสุดของเขาในปีนี้ พิษกลืนวิญญาณ หลังจากการวิจัยประสบความสำเร็จ เขาก็ได้ลองพิษนี้กับพวกไวเวิร์น ผลลัพธ์ก็คือ แม้แต่ไวเวิร์นก็ไม่สามารถทนพิษได้ มันยากมากที่จะสามารถปรับปรุงพิษกลืนวิญญาณได้ แม้แต่ในระดับของแซนโดร ก็มีโอกาสที่ปรุงมันล้มเหลว ซึ่งนั้นทำให้เกิดผลเสียอย่างมากแน่นอน กระนั้นก็ตาม แซนโดรไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว เขาต้องการพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญยาพิษที่โดดเด่นที่สุดและอัจฉริยะที่เหลือก็เป็นเพียงหินที่คอยให้เขาก้าวข้ามผ่านเท่านั้นเอง!

เมื่อมองไปที่แซนโดรที่กำลังหอบอยู่ในตอนนี้ เฉินรุยก็กังวลเหลือเกินว่าเขาจะถูกโรคหัวใจกินหรือจะทำอุบัติเหตุฆ่าตัวตายหมู่แบบที่อัลดาซทำในคราวก่อนหน้านี้ ขณะนี้ระบบสุดยอดบูตได้ถึง 98% ขอเพียงอีกเล็กน้อย… เพื่อนแซนโดรเอ๋ย การวิวัฒนาการนี้ยังไม่สำเร็จเลยนะ สหาย แกยังต้องพยายามมากกว่านี้ เชื่อมั่นในตัวเองสิ!

ถ้าแซนโดรรู้ว่าเฉินรุยเองก็ให้กำลังใจเขาอยู่ เขาจะต้องเลือดออกจากจมูกกับปากและตาแน่ แต่ในเวลานี้ ลิชผู้นี้สนใจเพียงการปรุงยาเท่านั้น ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า ลิชผู้นี้มีทักษะด้านเวทย์มนต์เสียยิ่งกว่าด้านการปรุงยาเสียอีก เมื่อเขาเอาหน้าเข้ากับหม้อปรุงยา ความกังวลและความโกรธเกรี้ยวก็ได้หายไป

ปรมาจารย์เคมมองเฉินรุยและเขาก็กลัวว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาก็ไม่สามารถระบุได้ว่ามีอะไรที่ผิดปกติกัน

ตั้งแต่ความล้มเหลวครั้งที่สองของแซนโดร ปรมาจารย์เคมก็เริ่มให้ความสนใจกับการกระทำของมนุษย์ผู้นี้ จากการเคลื่อนไหวที่ซุ่มซ่ามและการกระทำที่ไม่คุ้นเคยของเฉินรุย เขาต้องเป็นมือใหม่อย่างแน่นอน “ยาแก้พิษ” ที่ถูกต้มช้าๆดูเหมือนจะเป็นสูตรอาหารพื้นฐานอะไรสักอย่าง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้ในศึกชีวิตและความตายนี้ นอกจากนี้ การปรุงแต่ง "ยาแก้พิษ" ของคนๆนี้ยิ่งดูเลอะเทอะและเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย บางอย่างมันมีผลให้เป็นพิษเสียอีก เขาไม่รู้จริงๆว่าอัลดาซได้ให้คำแนะนำอะไร แต่มันสามารถแก้พิษที่ทำให้ถึงตายของแซนโดรได้!

ในขณะที่ปรมาจารย์เคมรู้สึกงงงวย ในที่สุดแซนโดรก็สามารถปรุงพิษกลืนวิญญาณได้สำเร็จ นักปรุงยาอัจฉริยะที่มีจิตวิญญาณของการต่อสู้ของได้กระตุ้นความสมบูรณ์ในตัวเขาและทำให้มันสำเร็จขึ้นอีกครั้ง

แซนโดรได้ถือยาไว้ในมืออย่างระมัดระวัง เขารู้สึกมั่นใจอย่างแรงกล้าว่านี้แหละคือความแข็งแกร่งของอัจฉริยะ เขาเชื่ออย่างหนักแน่นว่า แม้แต่มังกรมาดื่มยานี้ มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีอะไรบางอย่างไม่เกิดขึ้น!

ดูเหมือนว่าแซนโดรจะลืมไปอย่างหนึ่งว่ามีมังกรตัวหนึ่งที่มีชื่อเรียกว่า "ต้นกำเนิด"แห่งพิษ ถึงแม้ว่าพิษจากกลืนวิญญาณจะแข็งแกร่งกว่า แต่มันก็ยังห่างไกลจากยอดเขานี้ แม้กระทั่งพิษที่น่ากลัวจากมังกรก็ไม่สามารถทำอะไรกับเด็กฝึกงานมือใหม่คนนี้ได้หรอกนะ!

เมื่อเฉินรุยรับยามาแล้ว เขาก็ได้ไปหาอัลดาซตามแบบเดิม แต่คราวนี้แซนโดรกลับพูดขึ้นมาว่า“รอเดี๋ยว!”

“ก่อนที่พวกเจ้าทั้งคู่จะตาย ข้าขอพูดอะไรอย่าง” แซนโดรมองที่อัลดาซและเฉินรุยด้วยท่าทางที่ดูดี “อัลดาซ ข้ารู้ว่าท่านไม่ได้รับบาดเจ็บ! ท่านทำให้ลูกศิษย์ของท่านมีส่วนร่วมด้วย เพราะท่านอิจฉาคนที่มีความสามารถอย่างข้า ดังนั้นแล้ว ท่านจึงต้องการทำให้ข้าขายหน้าในที่สาธารณะสินะ!”

คำพูดของแซนโดรใช้ <เวทย์มนต์ขยายเสียง> และดังก้องไปทั่วที่แข่งขัน ผู้ชมโดยรอบเงียบลงในทันทีทันใด

“อัลดาซ ก่อนอื่นเลย ข้าต้องยอมรับก่อนว่าท่านเป็นอัจฉริยะที่ถูกคนอื่นดูถูกไว้มาก ท่านสามารถรักษาพิษได้ด้วยเพียงแค่ใช้ลูกศิษย์เท่านั้น ด้วยความสามารถของท่าน ท่านไม่ควรที่จะอยู่ที่เมืองแสนโสมมและน่าเกลียดแบบนี้! ช่างน่าเสียดายที่ท่านเป็นคนงี่เง่าอย่างยิ่ง ท่านปฏิเสธความใจดีของปรมาจารย์ทั้งสองและท่านอุปราช ดังนั้นแล้ว ท่านจะต้องตายในวันนี้เสีย!”

คำพูดพวกนั้นดูหยิ่งมาก ไม่สนใจเจ้าหญิงเชียที่อยู่ที่นี่เลยด้วยซ้ำไป ผู้ชมเองก็รู้สึกโกรธมากหลังจากที่ได้ยินแซนโดรดูถูกเมืองพระจันทร์ดับแห่งนี้

ดวงตาของโจเซฟเองก็หรี่ลงเล็กน้อย แซนโดรมาที่เมืองพระจันทร์ดับโดยได้รับคำสั่งให้มาท้าทายจากอุปราชออบซิเดียน ไม่เพียงแต่จะขับไล่และกำจัดอัลดาซเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนคำเตือนเจ้าหญิงอีกด้วย ดูเหมือนว่าการกระทำของเจ้าหญิงเชียจะทำให้อุปราชผู้นั้นเพ่งเล็งเป้าพอสมควร สิ่งที่อุปราชออบซิเดียนต้องการคือ สัตว์ที่ถูกฆ่าได้ตลอดเวลา ไม่ใช่สัตว์ที่สามารถกัดเขาคืนได้!

สายตาของโจเซฟแอบมองไปที่ใบหน้าของเชีย เจ้าหญิงไม่ได้แสดงความโกรธหรือตกใจใดๆเลยบนใบหน้าของนาง นางยังคงดูสงบนิ่งอยู่บนเวทีเหมือนก้อนน้ำแข็งที่ไม่เคยละลาย

“ด้วยความตายของท่านมันไม่เพียงพอที่จะใช้ความอัปยศของท่านหมดลงได้หรอก ข้าต้องการให้คนที่อยู่ใกล้ตัวของท่านต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดที่ยากเกินจินตนาการ!” น้ำเสียงของแซนโดรช่างน่ากลัวเหลือเกิน “อัลดาซ ทำไมท่านไม่ดื่มพิษจากพิษกลืนวิญญาณขวดนี้ด้วยตัวเองละ ข้าจะรักษาชีวิตของลูกศิษย์ของท่านไว้ แต่ข้าจะขว้างเขาทิ้งแล้วมอบมันให้กับมารที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ เพื่อเขาจะรู้สึกดีก่อนตาย…”

ไอ้ชิบหาย! เฉินรุยรู้สึกขนลุกทั่วร่าง เขาไม่คิดเลยว่าแซนโดรจะดุร้ายแบบนี้ นับตั้งแต่การข้ามวิญญาณมา มีครั้งนี้แหละที่เขามีเจตนาจะฆ่าคนเป็นครั้งแรก ไม่ว่าในกรณีใด ไอ้ลูกหมานี้จะต้องตายแน่!

การแสดงของแซนโดรเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นและเขาก็ได้ยิ้มในทันที“ใช่แล้ว เจ้ายังมีน้องสาวที่หายไปตั้งแต่ยังเด็กอยู่นี้ ข้าจะตามหานางและพยายามฝึกฝนให้นางเป็นอีตัวราคาถูก ถ้าข้าเบื่อ ข้าก็จะใช้นางเป็นหนูทดลองแทน มันช่างเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมเสียจริงเลย”

ดวงตาของอัลดาซกลายเป็นประกายดุร้ายและเหมือนกับมีประกายสายฟ้าปรากฏขึ้นทั่วร่างของเขา เห็นได้ชัดว่ามันกำลังจะระเบิดออกมา

แซนโดรนั้นไร้ความหวาดกลัว ลิชเป็นเผ่าพันธุ์ที่ใช้เวทย์มนต์เป็นพิเศษอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้น เมื่ออัลดาซทำร้ายร่างกายเขา อัลดาซก็จะถูกตัดสินว่าแพ้ในศึกชีวิตและความตาย ซึ่งเท่ากับโทษประหารสำหรับดาร์คเอลฟ์

ผู้ชมส่วนใหญ่เองก็ไม่เข้าใจกฎ เมื่อมองดูสถานการณ์นี้ ดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นการต่อสู้ซึ่งๆหน้า นั้นทำให้เสียงเชียร์ของผู้ชมเริ่มดังขึ้นไปยิ่งขึ้นอีก

"อาจารย์!" เฉินรุยสังเกตว่าสถานการณ์กำลังผิดพลาด ดังนั้นเขาจึงไปที่ด้านข้างของอัลดาซและกระซิบว่า“หากท่านต้องการให้ไอ้สวะนี้ตายก็ฟังข้า ข้ามีแผน!”

อัลดาซพยายามดึงความคิดของเขากลับมาและระงับความโกรธที่อยู่ในจิตใจของเขาชั่วคราว“เจ้ามีแผนยังไง?”

เฉินรุยเอนตัวใกล้กับหูของอัลดาซและบอกความคิดของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ อัลดาซซึ่งตอนแรกกำลังโกรธอยู่ก็มองไปที่เฉินรุยด้วยใบหน้าแปลกๆ ลูกศิษย์มนุษย์ของเขาพยักหน้าให้เขาอย่างแน่วแน่พร้อมกำลังทำตามคำสั่งของเขา จากนั้น เขาก็เดินไปที่แซนโดรไม่กี่ก้าวและพูดเสียงดังว่า "ท่านอาจารย์เพิ่งบอกว่าเจ้ามันแค่ขยะ แกล้งทำเป็นอัจฉริยะและหลอกทั้งจักรวรรดิมานานหลายปี ท่านแค่ผายลมก็สามารถทำให้เจ้าตายด้วยพิษได้แล้ว! สำหรับพิษนี้ ... มันก็เหมือนกับอาหารเสริม มันไม่ได้มีพิษมากนักหรอก”

ในขณะที่พูด เขาก็มาที่โต๊ะพร้อมกับผสมยาสองสามขวดและดื่มมันเป็นยาแก้พิษ จากนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วก้มลงกินยาพิษกลืนวิญญาณ

สายตาของทุกคนจดจ้องไปที่การแสดงออกของมนุษย์ผู้นี้ พวกเขาเห็นร่างของเฉินรุยสั่นเล็กน้อยและใบหน้าของเขาก็ดูแปลกไป

มันจะเป็นการแสดงออกแบบไหนกันนะ? ดูเหมือนว่าเขาจะตื่นเต้นมากเลยนี้? ทั้งตัวแซนโดรเองก็รู้สึกตะลึงงัน มันเป็นอาหารเสริมจริงๆงั้นเหรอ?

แน่นอนว่าความตื่นเต้นของเฉินรุยไม่ได้เกิดจากเหตุผลแบบนั้น แต่เป็นเพราะยาพิษกลืนวิญยษณนี้มีประสิทธิภาพมากจริงๆ! ความคืบหน้าของระบบสุดยอดในที่สุดก็มาถึง 100%!

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด