ตอนที่แล้วบทที่ 17: การท้าทาย! วิกฤตของอัลดาซ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 19: ความคืบหน้า 100%! นักปรุงยาผู้ทรงพลัง

บทที่ 18: ศึกชีวิตและความตาย! เด็กฝึกงาน vs อัจฉริยะ


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 18: ศึกชีวิตและความตาย! เด็กฝึกงาน vs อัจฉริยะ

ในบรรดาผู้เยี่ยมเยือนจากเมืองหลวงนั้นมีอัศวินที่ดูยิ่งใหญ่คนหนึ่งและทหารที่มีอุปกรณ์ครบครัน แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือ ชายวัยกลางคนที่ขี่ม้าเวทมนตร์สีดำ

เขาเป็นลิชที่แสนผอมบางและดูธรรมดามาก อย่างไรก็ตาม แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญนักปรุงยาสองคนที่อยู่ถัดจากตัวเขาก็ไม่กล้าที่จะละเลยชายผู้นี้ซึ่งเป็นเพียงนักปรุงยาฝึกหัดเลย ในฐานะที่เขาเป็นถึง แซนโดร นักปรุงยาอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมที่สุดของจักรวรรดินางฟ้าตกสวรรค์ในรอบสามร้อยปี!

กลุ่มผู้มาเยือนได้รับการต้อนรับโดยเจ้าหญิงเชียที่ประตูเมือง แม้ว่าผู้คนจะได้รับความอนุเคราะห์และเคารพต่อเจ้าหญิงผู้สืบเชื้อสายมาจาก ราชกุมาร แต่หลายคนที่อยู่ระหว่างทางก็ดูจะเหยียดหยามนางพอสมควร ด้านหน้าของพวกเขานั้นเป็นสิ่งก่อสร้างสีดำใหญ่ มันให้ความรู้สึกว่านี้สมควรที่จะอยู่ที่เมืองหลวงหลักเสียจริง

หลังจากเข้าไปในวัง แขกและเจ้าภาพก็นั่งพากันนั่งลง แล้วเชียก็ได้พูดขึ้นมาว่า“พวกเจ้าหลายคนเดินทางมาไกล พวกเจ้าคงจะหมดแรงกันแล้ว ทำไมไม่พักสักวันค่อยไปท้าทายละ”

จากนั้นแซนโดรก็ได้ลุกขึ้นแล้วพูดขึ้นมาว่า“เรียนท่านเจ้าหญิง ข้ามาที่นี้เพื่อท้าทายปรมาจารย์อัลดาซ ข้าขอเริ่มท้าทายตั้งแต่นี้เป็นต้นไป โปรดท่านเข้าใจถึงความกระตือรือร้นของข้าที่จะกลายเป็นปรมาจารย์ด้วย”

ทั้งปรมาจารย์โซล่าและ ปรมาจารย์เคมที่อยู่ด้านข้างก็ได้ยิ้มขึ้นมา แผนเดิมของพวกเขาคือการทำให้อัลดาซประหลาดใจ ด้วยการแจ้งบอกว่าพวกเขาจะบุกมาในอีกสองวันตามกฏของสมาคมนักปรุงยา ไม่อย่างนั้นแล้ว มันคงจะดูไม่ดีเท่าไหร่หากไม่ให้พวกเขาเตรียมพร้อม แล้วตอนนี้ทำไมเขาถึงกล้าให้พวกเขารอคอยกันละ?

“สถานที่แบบนี้ไม่เหมาะที่จะพักเลยสักนิด” แขกผู้มาเยือนได้พูดขึ้นมา เสียงนั้นเป็นของอัศวินหนุ่มที่สวมเกราะสีเงิน

เชียจำได้ว่ามันเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งในกองทัพ เชลต์ พ่อของเขาเป็นคนแรกในบรรดาสามนายพลของอาณาจักรที่ไปทรยศต่อออบซิเดียน เชียขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่นางทำท่าราวกับว่านางไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น ในทางตรงกันข้าม อาเธน่าอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นและพูดขึ้นมาว่า“เจ้าคนขี้ขลาด แกกล้าที่จะดูหมิ่นท่านเจ้าหญิงอันแสนปราดเปรื่องอย่างงั้นเรอะ! ดึงดาบออกมาซะ ข้าจะดูว่าขี้แพ้อย่างเจ้าจะทำอะไรได้!”

เชลต์แพ้อาเธน่าในการประกวดนักดาบระดับแรกเริ่มเมื่อสองสามปีก่อน เมื่อได้รับการเปิดเผยเรื่องราวพวกนี้จากนางในที่สาธารณะ เขาก็ทั้งโมโหและกำลังจะเข้าไปโจมตี แต่เขาก็ถูกหยุดโดยปรมาจารย์เคม ในเวลานี้ หากพวกเขาเริ่มสร้างปัญญา พวกเขาก็คงจะตกกับดักแผนของเชีย ตอนนี้พวกเขาควรมุ่งเป้าไปที่เป้าหมายหลักแทน

ปรมาจารย์โซล่าเองก็เป็นดาร์คเอลฟ์เช่นกัน เขาพูดขึ้นมาว่า“ทำไมข้าถึงไม่เห็นปรมาจารย์อัลดาซกัน? ปรมาจารย์จะต้องยอมรับคำท้าทายตามกฏของสมาคมนักปรุงยาสิ ไม่ต้องมาพูดคุยอะไรให้เปลืองน้ำลายอีกแล้ว ทำไมเราไม่ไปที่ห้องทดลองของเขาเลยละ”

เชียที่ได้ยินว่าปรมาจารย์โซล่าต้องการแบบนี้ นางก็ดูเหมือนจะไม่ได้ตกใจอะไรนัก จากนั้นนางก็พูดอย่างยากลำบากว่า “ที่จริงแล้ว ปรมาจารย์อัลดาซได้ประสบอุบัติเหตุเมื่อสองสามวันก่อน เพราะเขากำลังปรุงยาที่ทรงพลังขึ้นมา” เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนที่ไปแล้ว ดังนั้นเขาคงจะไม่สามารถมาได้ นั่นคือสาเหตุที่ข้าต้องบอกพวกเจ้าก่อน”

"โห้?" ปรมาจารย์หัวเราะเยาะ: “เหตุใดท่านปรมาจารย์อัลดาซจึงได้ประสบอุบัติเหตุยามที่เรามาอยู่ที่นี่กัน? เขาอาจจะกลัวความเก่งกาจของแซนโดรและบิดพลิ้วคำท้าทายนี้ใช่มั้ย?”

เชียไม่เปลี่ยนสีหน้าของนางและพูดอีกว่า“อาจารย์อัลดาซประสบอุบัติเหตุเมื่อสามวันที่แล้ว เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแซนโดรจะมาท้าทาย แล้วมาลองคิดถึงเรื่องที่ว่าการเดินทางจากเมืองหลวงมายังที่นี่จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนสิ ทำไมจดหมายเวทย์มนต์จากสมาคมนักปรุงยาถึงเพิ่งมาถึงเมื่อสองวันที่พวกเจ้าจะมาถึงกัน?”

ประโยคนั้นกระแทกเขาไปใส่หัวของพวกเขาในทันที ไม่เพียงแต่จะแสดงถึงความบริสุทธิ์ของอัลดาซ แต่ยังชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาคิดไม่ซื่อด้วย ปรมาจารย์โซล่าและลิชเองก็รู้สึกตะลึงงันในทันที ปรมาจารย์เคมจึงได้พูดขึ้นว่า“เจ้าหญิงเชีย ท่านคงเข้าใจผิดแล้ว เดิมทีเราได้รับเชิญจาก เจ้าวิญญาณสีชาดจอช ให้มาเยี่ยมเยือนที่เมืองวิญญาณสีชาด แซนโดรเองก็ได้ตัดสินใจอย่างฉับพลันและตัดสินใจมาที่เมืองพระจันทร์ดับเพื่อท้าทายปรมาจารย์อัลดาซเช่นเดียวกัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงต้องรีบเร่งส่งจดหมายเวทย์มนต์ หากท่านเจ้าหญิงไม่เชื่อ ท่านสามารถถามโจเซฟลูกชายของจอชได้เลย ข้าจำได้ว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ด้านการคลังของเมืองพระจันทร์ดับ”

เมืองวิญญาณสีชาดนั้นอยู่ใกล้กับเมืองพระจันทร์ดับ ในฐานะที่เป็นคนสนิทของเจ้าชายออบซิเดียนแล้ว เจ้าวิญญาณสีชาดก็คือ "ดวงตา" ของเมืองหลวงเพื่อเฝ้าดูเมืองพระจันทร์ดับ เนื่องจากทรัพยากรและเงินทุนส่วนใหญ่ของพระจันทร์ดับมาจากวิญญาณสีชาด เชียจึงต้องวางโจเซฟที่ "สาบานตนภักดี" ให้อยู่ในตำแหน่งสำคัญ ผิวเพินแล้ว โจเซฟก็เป็นส่วนหนึ่งของเมืองพระจันทร์ดับ ถ้าเขาเป็นพยาน เรื่องนี้ก็จะไม่สามารถปฏิเสธได้

อย่างไรก็ตาม การท้าทายของแซนโดรจะเปลี่ยนไป เพราะจะไม่อาจถกเถียงกันเรื่องเวลาได้อีก

"ถ้าอย่างงั้นก็ดี ทำไมข้าจะไม่เชื่อปรมาจารย์เคมละ“เชียพยักหน้าอย่างใจเย็น” ข้าเพิ่งส่งคากูลอนไปบอกให้ปรมาจารย์อัลดาซที่บาดเจ็บอยู่ เพื่อที่จะดูว่าเขาต้องการที่จะขยายระยะเวลาการท้าทายหรือไม่"

เคมและโซล่ามองหน้ากันและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครที่จักซ่อนความคิดไว้ได้เสมอหรอกนะ หากอีกฝ่ายต้องการที่จะเลื่อนเวลาออกไป แซนโดรก็สามารถอยู่ที่เมืองพระจันทร์ดับได้จนกว่าอัลดาซจะ“ฟื้นตัว” มาต่อสู้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะไม่ยอมแพ้จนกว่าอัลดาซจะถูกเนรเทศ

ในไม่ช้า รายงานของหัวหน้าหน่วยพิทักษ์คากุรอนก็ได้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้เยี่ยมเยือนจากเมืองหลวง แม้แต่แซนโดรเองก็ได้ ปรมาจารย์อัลดาซที่ได้รับบาดเจ็บไม่ต้องการที่จะเลื่อนระยะเวลาการท้าทายออกไปและพร้อมที่จะแข่งขันที่กลางสนามเมืองพระจันทร์ดับ!

แต่เดิม แซนโดรคิดว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะยื้อเวลาออกไป แต่เขากลับยอมรับคำท้าทายโดยตรงเลย ถึงกระนั้น เขาก็ยังพูดขึ้นมาว่า“นั่นเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากที่ปรมาจารย์อัลดาซจะแข่งขันทั้งที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อแสดงความเคารพต่อเขา ตัวข้าพร้อมจะไปที่สนามกลางเมืองพระจันทร์ดับเพื่อท้าทายในทันที”

ใบหน้าที่เย็นชาของเชียดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงและนางก็พูดอย่างใจเย็นว่า“เนื่องจากมันเป็นเช่นนี้แล้ว ได้โปรดรอสักครู่เถอะ ข้าจะส่งคนไปจัดเตรียมสนามทุกๆอย่างให้เอง”

สนามเมืองพระจันทร์ดับเป็นหนึ่งในอาคารที่ใหญ่ที่สุดในเมือง มันมีชื่อเสียงมากเมื่อสี่ร้อยปีก่อน ราชวงศ์เบลเซบับที่หายตัวไปจากเวทีประวัติศาสตร์ในเวลานั้นได้ปรากฎตัวขึ้นมาในเมืองพระจันทร์ดับ พวกเขาควบคุมเมืองพระจันทร์ดับและพวกเขาก็พยายามที่จะเอาชนะวิญญาณสีชาดพร้อมกับคุกคามเมืองหลวง ท่านเจ้าพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่ได้ยินข่าวก็ได้เข้ามาต่อสู้กับตระกูลเบลเซบับในเวทีแห่งนี้ ในท้ายที่สุด เขาก็ได้รับบาดเจ็บจากคู่ต่อสู้ ไม่มีใครเคยได้ยินเกี่ยวกับชายคนนั้นมาก่อนเลย

สนามแห่งนี้ได้ทรุดโทรมไปตามกาลเวลาของประวัติศาสตร์ ด้วยการพยายามอย่างหนักของคากุรอนและทหาร จึงทำให้สนามแห่งนี้ได้รับการทำความสะอาดอย่างรวดเร็ว มีการตั้งส่วนเวทีและมีการจัดที่นั่งพิเศษไว้ด้วย สำหรับผู้คนที่เหลือ พวกเขาไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีเช่นนี้ แต่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความกระตือรือร้นของพวกเขาเลยสักนิด เวทีทิ้งร้างก่อนหน้านี้ได้ถูกอัดแน่นโดยผู้คนในทันที

แม้ว่าทุกคนจะกลัวปรมาจารย์อัลดาซซึ่งมักเป็นต้นเหตุทำให้เกิดเสียงกรีดร้องที่น่าหวาดกลัวขึ้น แต่พวกเขาก็ยังหวังว่าเขาจะสามารถเอาชนะคนนอกพวกนั้นได้

ภายใต้สายตาของฝูงชน คนรับใช้ของแซนโดรก็ได้จัดชุดอุปกรณ์และวัสดุอย่างชำนาญ ในอีกด้านหนึ่ง ปรมาจารย์อัลดาซก็ได้ถูกพาตัวเข้าไปในสนามโดยเปลหาม ตามด้วยลูกศิษย์คนใหม่อย่างเฉินรุย ซึ่งนั้นทำให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่ผู้ชมพอสมควร

มนุษย์งั้นเหรอ? การปรากฏตัวของเฉินรุยทำให้แซนโดรขมวดคิ้ว หลังจากฟังคำพูดของเชียเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเฉินรุยแล้ว เขาก็ได้แสดงใบหน้าออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม เมื่อโซล่าและเคมที่ด้านข้างได้ยินว่าอัลดาซคัดเลือกทาสมนุษย์มาเป็นเด็กฝึกหัด พวกเขาก็รู้สึกเหยียดหยามในตัวของอัลดาซเช่นเดียวกัน

มันเป็นครั้งแรกที่เฉินรุยเผชิญหน้ากับฝูงชนจำนวนมากขนาดนี้ เมื่อมองดูใบหน้าที่แปลกประหลาดของมารรอบตัวเขาแล้ว เขาก็พยายามสงบจิตสงบใจและโค้งคำนับให้กับโซนที่นั่งพิเศษ“ข้าเป็นเด็กฝึกงานคนใหม่ของปรมาจารย์อัลดาซ เฉินรุย ด้วยความที่ปรมาจารย์ได้รับบาดเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจระหว่างการทดลองและเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ดังนั้นตัวข้าจะเป็นผู้รับคำท้าทายแทน ท่านแซนโดรเห็นด้วยไหม?”

ลูกศิษย์รับคำท้าทายแทนงั้นเหรอ? แล้วมันเป็นเพียงแค่เด็กฝึกงานด้วย! นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของการท้าทายปรมาจารย์ แม้ว่าอัลดาซจะมีเหตุผลว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถทำหน้าที่นี้ได้ แต่ซานโดรยังรู้สึกว่านี้เป็นการดูถูก เป็นเพราะอัลดาซรู้ดีว่าเขาจะแพ้ เขาก็คงจะต้องการให้คู่แข่งของเขาอับอายแทนงั้นเหรอ?

“ข้ายอมรับ” แซนโดรมองไปที่อัลดาซจากระยะไกลและสายตาของเขาก็เผยแววฆ่าฝันออกมา “ข้าขอต่อสู้ด้วยศึกชีวิตและความตาย ข้าไม่รู้ว่าปรมาจารย์อัลดาซมีความกล้าพอที่จะให้มนุษย์มาเป็นตัวแทนของท่านเองหรือเปล่านะ?”

ศึกชีวิตและความตาย! โซล่าและแคมดูประหลาดใจมาก ศึกชีวิตและความตายคือการปรุงยาของพวกเขาโดยตรงแทนพร้อมกับใช้มันในทันที คนแรกที่ถูกพิษแล้วตายก็จะแพ้ เหตุการณ์แบบนี้มักจะเกิดขึ้นยามที่มีใครเกลียดกันมากๆ ภายใต้กฎนี้ แม้ว่าอัลดาซจะส่งเด็กฝึกหัดมาเข้าร่วม แต่ยามใดที่เด็กฝึกหัดของเขาตายเพราะพิษ ตัวของเขาก็จะต้องถูกลงโทษด้วยความตายเช่นเดียวกัน

โซล่าและเคมมีความมั่นใจอย่างมากในความแข็งแกร่งของแซนโดร แม้ว่าพวกเขาจะประหลาดใจ แต่พวกเขาก็สงบสติอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่าอัลดาซที่อยู่ตรงข้ามกำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ ดูเหมือนว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ใบหน้าของมนุษย์คนนั้นก็ดูแย่มาก เขามองไปที่อัลดาซและกระซิบไปอย่างหวาดกลัว ดาร์คเอลฟ์ดูโกรธมากพร้อมกับชี้นิ้วมืออันสั่นคลอนของเขาไปยังมนุษย์ แต่เขาก็ยกนิ้วขึ้นได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น อาการบาดเจ็บของเขาดูจะไม่ใช่ของปลอมเลยสักนิด

จากนั้นบริเวณโดยรอบก็ได้มีเสียงดังขึ้น แม้แต่คนที่มีความสามารถในการได้ยินก็ไม่สามารถฟังเสียงกระซิบของทั้งสองได้อย่างชัดเจนเลย

โจเซฟเห็นทุกอย่างและก็ได้แต่ขมวดคิ้ว จากข้อมูลของสายลับ อัลดาซไม่ได้รับบาดเจ็บเมื่อสามวันก่อน เขาอยู่ในห้องทดลองในสองวันที่ผ่านมา เป็นเพราะการจัดการกับแซนโดร ดังนั้นเขาคงพยายามปรุงยาและได้รับบาดเจ็บโดยบังเอิญสินะ?

ในที่สุด อัลดาซก็ได้ตัดสินใจที่จะให้ลูกศิษย์ของเขา เฉินรุย เข้ามาแทนที่เขาเพื่อต่อสู้ในศึกชีวิตและความตายนี้ ดูเหมือนว่าปรมาจารย์ดาร์คเอลฟ์กำลังวางแผนที่จะวางเดิมพันทั้งหมดที่เขามีกับการตายของเขา เพื่อตอบแทนความเอื้อเฟื้อของเจ้าหญิง

หลังจากที่ได้ประกาศกฎของศึกชีวิตและความตายให้กับผู้ชมที่ไม่รู้ ชาวเมืองในเมืองพระจันทร์ดับต่างก็ตกอยู่ในความโกลาหล พวกเขารู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้นมาก พวกเขาไม่เข้าใจการปรุงชา แต่พวกเขาสามารถเข้าใจเรื่องของชีวิตและความตายได้!

แซนโดรยิ้มออกมาอย่างโหดเหี้ยม เขาไม่สงสัยเลยว่าการต่อสู้นี้จะจบลงยังไง ด้วยพิษที่พัฒนาขึ้นใหม่ของเขา แม้ว่าอัลดาซเองก็คงจะไม่ไหว แล้วนี้ยังมีเพียงมนุษย์ที่แสนอ่อนแอเท่านั้นอีก

เจ้าหญิงเชียได้ประกาศการเริ่มต้นของการแข่งขันและเสียงรอบข้างก็ได้หยุดลงในทันที สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่มนุษย์ผู้แสนน่าสงสาร ในตอนนี้มีคนเดิมพันแล้ว นานแค่ไหนกันที่มนุษย์จะตายเพราะพิษ? หนึ่งวินาที? สองวินาที?

แซนโกดรนั้นเริ่มปรุงยาอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวที่ชำนาญของเขาทำให้ผู้ตัดสินทั้งสองคนคือ ปรมาจารย์โซล่าและปรมาจารย์แคมได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหวาดกลัว นักปรุงยาอัจฉริยะผู้นี้สมควรจริงๆกับชื่อเสียงที่มีอยู่

ในเวลาเพียงสองนาที ขวดยาของเขาก็เตรียมพร้อมแล้ว ในทางกลับกัน เฉินรุยเป็นเพียงเด็กฝึกหัดที่ทำตามคำสั่งของอัลดาซอย่างเงอะงะ เขาไม่ได้จำแนกประเภทของวัตถุดิบจนเสร็จเลยสักนิด

ตามกฎ ถ้าฝ่ายหนึ่งทำการต้มแล้ว อีกฝ่ายจะต้องหยุดและปรุงยาแก้พิษในเวลาที่กำหนดเพื่อลองยาพิษ ศึกชีวิตและความตายไม่เพียงแต่เกี่ยวกับความแรงของยา แต่ยังเป็นการทดสอบทักษะและภูมิปัญญาของนักปรุงยาด้วย หากคนใดคนหนึ่งพยายามที่จะทำมันเร็วเกินไป ความแรงของมันก็อาจจะไม่เพียงพอ แต่หากคนใดช้าเกินไป อีกฝ่ายก็จะทำเสร็จเสียก่อน

แซนโดรนั้นทำเสร็จก่อนและกำลังให้อีกฝ่ายดื่มยาพิษไป เฉินรุยดูกังวลมากๆ เขาหลับตาก่อนแล้วจึงสวดอ้อนวอน จากนั้นจึงหยิบขวดยาสีเขียวเข้มลงไปใส่ขวดแก้วก่อน ไม่มีใครรู้เลยว่าเขากำลังสวดอ้อนวอนเพื่อให้การบูตมันเพิ่มขึ้น! เพิ่มขึ้น!

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด