ตอนที่แล้วบทที่ 9 ผู้หญิงสำส่อน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 11 โชคเข้าข้าง

บทที่ 10 แฟนคนที่สอง


กำลังโหลดไฟล์

บทที่ 10 แฟนคนที่สอง

หลินถงซูตั้งใจฟังแล้วถามออกไปโดยที่ไม่ทันคิดว่า “ทำไมคุณกับเธอถึงไม่...”

“อะแฮ่ม!” เฉินฉีตัดบทที่หลินถงซูกำลังพูดก่อนจะถามเฉินจุนว่า “คุณทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน?”

“ผ่านเกมออนไลน์ที่ชื่อ...”

“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมหมายความว่าพวกคุณเห็นหน้าอีกฝ่ายมาก่อนจะเจอกันรึเปล่า?”

“นอกจากรูปการ์ตูนในเกมผมก็ไม่ได้รู้เลยว่าหน้าตาเธอเป็นยังไง เรามีเวลาว่างตรงกันเลยได้เล่นด้วยกันบ่อย ๆ เธอเลยนัดเจอผม ครั้งแรกนัดของเราล่มเพราะเธอมีธุระด่วนต้องไปทำ สัปดาห์ต่อมาเราเลยเจอกันที่ร้านกาแฟ เรารู้สึกดี ๆ ต่อกันก็เลยตัดสินใจคบกัน”

เฉินฉีลูบคางอย่างใช้ความคิด “เวลาว่างของพวกคุณคือช่วงเวลาไหนบ้าง?”

“งานที่บริษัทยุ่งมาก ผมจะว่างแค่ช่วงกลางวันที่ผมไม่เผลองีบหลับ แล้วก็เลิกงานตอนสามทุ่มทุกวัน ผมหยุดวันพุธตรงกันกับเธอ”

“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือนะครับ!”

เฉินฉีกล่าวคำลาตามแบบฉบับตำรวจก่อนจะเดินออกไป เมื่อเขาเดินลงบันไดไปหลินถงซูก็เอ็ดเขา “คุณยุ่มย่ามกับเรื่องส่วนตัวของคนอื่นแต่ไม่คิดจะปลอบเขาสักคำสองคำหน่อยเหรอ?”

“ปลอบเขาเหรอ? คุณเป็นตำรวจนะไม่ใช่นักบำบัด”

“คุณมันคนเย็นชาจิตใจดำจริง ๆ ! เขาทุ่มเทมากถึงจะเกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นเขาก็ยังไม่เลิกกับเธอ”

“กฎหมายประเทศเราไม่ได้จำกัดสิทธิ์ใครนี่ ระดับการยอมรับเรื่องพวกนี้ได้ของแต่ละคนมันแตกต่างกันนะ บางคนแค่ครั้งเดียวก็ทนไม่ได้แล้ว แต่บางคนทนได้แม้จะโดนสวมไปสักร้อยเขา! ซึ่งถ้าเป็นผมคงทนไม่ได้แม้แค่ครั้งเดียว...”

จู่ ๆ เฉินฉีก็หยุดพูดไปชั่วขณะ “รอผมอยู่ตรงนี้นะ ผมลืมถามอะไรไปบางอย่าง”

เฉินฉีรีบเดินกลับไปทางเดิม ระหว่างที่หลินถงซูกำลังรอก็มีสายเรียกเข้าจากสวีเสี่ยวตงถามว่า “คุณอยู่ที่ไหน?”

“จะอยู่ที่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องของคุณซะหน่อย”

“ฮิฮิ ผมได้สุดยอดเบาะแสของเจ้าผู้ต้องสงสัยของเรามาจากเพื่อนคนขับรถของหมอนั่น เขาเพิ่งเข้าวงการนี้ได้ไม่ถึงปีด้วยซ้ำ แม้แต่ใบขับขี่เขาก็เพิ่งได้มาเมื่อปีที่แล้วนี่เอง”

“เขาทำอะไรมาก่อนจะเป็นคนขับรถเหรอ?”

“ในปี 2015 เขาติดคุกที่เมืองอื่น หลังจากปล่อยตัวออกมาก็ไม่มีใครเจอเขาเลย จริง ๆ แล้วต้องบอกว่าไม่มีประวัติอะไรเลยมากกว่า มีข่าวลือว่าเขาตายไปแล้วด้วยซ้ำ แต่จู่ ๆ เขาก็ปรากฏตัวที่หลงอันตัวคนเดียวเมื่อปี 2018”

“ตัวคนเดียว? ไม่ใช่ว่าที่บ้านเขามีแม่เหรอ?”

“เขาพูดแบบนั้นเหรอ? ไม่นี่ เขาไม่มีคนในครอบครัวเลย เขาอ้างว่ามีญาติอยู่ที่บ้านเกิดแต่เราไปตรวจสอบดูแล้วไม่เห็นเจอ อีกอย่างที่ที่เขาเรียกว่าบ้านเกิดก็ไม่มีชื่อเขาอยู่ในทะเบียนบ้านเลย เหมือนกับเขาโผล่มาจากอากาศยังไงยังงั้น”

เสียงคนเดินลงบันไดใกล้เข้ามา หลินถงซูรีบวางสายก่อนมองไปยังเฉินฉี เธออดสงสัยไม่ได้ว่าประวัติจริง ๆ ของชายคนนี้เป็นยังไงกันแน่?

“มีอะไรเหรอ?” เมื่อเห็นท่าทางของหลินถงซูเฉินฉีก็ถามพร้อมรอยยิ้ม

“ไม่มีอะไร เราจะไปที่ไหนกันต่อ?”

“คุณคิดว่ายังไงล่ะ?”

หลินถงซูคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าจะสืบหาความสัมพันธ์ของคนรอบข้างกับกู้เหมิงซิงก็น่าจะเริ่มจากการหากิ๊กของเธอ?”

เฉินฉียิ้มแล้วส่ายหน้า “เราทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ? ไปที่บ้านกับบริษัทของเธอกันก่อนเถอะ!”

หลังจากที่ทั้งคู่ขึ้นรถหลินถงซูก็มองไปยังฝั่งของเฉินฉีพลางคิดในใจว่าชายคนนี้ต้องเป็นอันธพาลที่มีคดียาวเป็นหางว่าวแน่ ๆ แต่หลังจากที่เธออยู่กับเขามาระยะสั้น ๆ แล้วเธอก็ไม่เห็นว่าเขาจะทำตัวหยาบคายหรือก้าวร้าวเลย ตรงกันข้ามรอบตัวเขามีแต่กลิ่นอายของความยุติธรรมลอยออกมา

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีทักษะการไขคดีที่สูงมากสำหรับคนที่ไม่เคยประสบการณ์มาก่อน ไม่มีทางเลยที่จะสืบมาได้ไกลขนาดนี้จากการเรียนรู้ด้วยตัวเอง

เกิดอะไรขึ้นกับเขาในสามปีที่เขาไม่มีประวัติ? อะไรทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้?

ทั้งสองมุ่งตรงไปยังบริษัทยาที่กู้เหมิงซิงเคยทำงานอยู่ เธอเพิ่งเสียได้ไม่นานโต๊ะของเธอจึงยังไม่ถูกเก็บของออกไป บนโต๊ะมีดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ถูกวางไว้ เฉินฉีพูดสรุป “ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานมากทีเดียวเลยล่ะ!”

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบห้าโมงแล้ว พนักงานส่วนใหญ่จึงออกไปทานข้าวมื้อเย็น ทำให้ออฟฟิศนี้ว่างเปล่า

เฉินฉีนั่งลงที่โต๊ะทำงานของเธอแล้วเริ่มกวาดสายตาสำรวจสิ่งของรอบ ๆ หลินถงซูรีบเตือนเขาว่า

“นี่! ระวังรอยนิ้วมือของคุณด้วยสิ!”

“ผมใส่ถุงมือแล้วน่า!” เฉินฉีชูมือขึ้นมาเผยให้เห็นถุงมือสะอาดสีขาวที่ได้รับจากบริษัทของกู้เหมิงซิงบนมือของเขา

เขาเปิดดูลิ้นชักจึงเห็นว่าข้างในนั้นมีกล่องยาอยู่หลายกล่องที่ถูกกินหมดไปแล้วหลายแผง

เฉินฉีกล่าวว่า “ยาพวกนี้เหมือนกับที่เจอในบ้านเฉินจุนเลย ยาที่เขาใช้รักษาโรคหนองในน่ะ”

เฉินฉีมองไปที่โต๊ะแล้วตั้งข้อสังเกต “ผู้ตายน่าจะเป็นคนไม่ถือตัว น่าจะเชื่อคนง่ายและชอบลองสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอแต่ก็ยังมีความหัวดื้ออยู่ลึก ๆ คนแบบนี้มักจะเก่งในเรื่องการตอบสนองความต้องการของตัวเอง”

“แค่ดูโต๊ะเธอแค่นี้จะรู้ขนาดนั้นได้ยังไง?”

เฉินฉีชี้ให้เห็นว่า “โต๊ะทำงานบ่งบอกถึงนิสัย รสนิยม และบุคลิกเฉพาะตัว ถ้าคุณดูที่โต๊ะของเธอจะเห็นได้ว่าของบนโต๊ะจะถูกวางให้มองเห็นง่าย หนังสือที่เธออ่านถูกวางแบบลวก ๆ ที่กั้นหนังสือก็เป็นซองผ้าอนามัยแบบสอดทำให้เห็นว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนยึดติดอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ดูที่บันทึกนี่สิลายมือยุ่งเหมือนไก่เขี่ย แสดงว่าเธอเป็นคนอบอุ่นและกระตือรือร้น แต่ลงน้ำหนักเยอะตรงหางตัวหนังสือแสดงว่าเธอเป็นคนหัวรั้น”

หลินถงซูถึงกับอึ้ง เฉินฉียิ้มแล้วมองมาที่เธอ

“ผมเป็นคนขับรถเห็นผู้คนมาหลากหลายก็เลยค่อนข้างจะมองคนออกน่ะ”

ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินถือกล่องอาหารเข้ามาก่อนจะเห็นทั้งคู่นั่งอยู่ที่โต๊ะของกู้เหมิงซิงเขาจ้องมองอย่างสงสัย “พวกคุณทำอะไรกันอยู่น่ะ? ใครอนุญาตให้คุณเข้ามาที่ส่วนบุคคลแล้วยุ่มย่ามกับข้าวของแบบนี้?”

หลินถงซูแสดงตราให้เห็น จากนั้นท่าทีของเขาก็อ่อนน้อมลงทันที

“ที่แท้พวกคุณก็เป็นตำรวจนี่เอง คุณกำลังสืบคดีของเธออยู่เหรอ?”

“เรากำลังสืบหาความสัมพันธ์ของเธอกับคนอื่น ๆ” เฉินฉีตอบกลับไป เขาสังเกตเห็นว่าชายคนนี้มองที่ดอกไม้บนโต๊ะจึงถามว่า “ช่อดอกไม้นี่คุณเอามาวางเหรอ?”

“มะ... ไม่... เพื่อนร่วมงานของเธอรวมเงินกันซื้อมาน่ะ ผู้หญิงดี ๆ จากไปเร็วขนาดนี้ทุกคนเลยสะเทือนใจกันมาก”

“แล้วความสัมพันธ์ของคุณกับเธอล่ะ?”

ชายคนนั้นเกิดประหม่าขึ้น “เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันทั่วไป”

“งั้นเหรอ?” เฉินฉีหยิบโน้ตจากดอกไม้ขึ้นมาแล้วเทียบกับชื่อบนกล่องอาหารของชายคนนั้น “ลายมือเหมือนกันเลยนะ พูดกันตามหลักแล้วคนที่เอาดอกไม้ช่อนี้มาวางก็คือคุณเอง เพื่อนร่วมงานทั่วไปที่ไหนเขาจะทำแบบนี้กัน?”

“ผม...”

“ที่นี่ไม่มีคนอื่นอยู่หรอก พูดออกมาเถอะ!”

แก้มของชายคนนั้นแดงขึ้นมา “ผม... เรากำลังคุย ๆ กันอยู่น่ะ!”

“อะไรนะ?!”หลินถงซูอึ้ง

“ผมติดต่อกับเธอมาครึ่งปีแล้ว เอาจริง ๆ ผมหลงรักเธอตั้งแต่ผมเข้ามาทำงานที่นี่ เธอเป็นคนสวยแล้วก็อ่อนโยนมาก เธอเป็นเหมือนนางฟ้าในใจของทุกคน ผมรู้สึกว่าผมคงไม่มีหวังกับเธอแล้ว แต่วันหนึ่งพวกเราไปคาราโอเกะกันทั้งออฟฟิศ ผมสารภาพรักกับเธอเพราะฤทธิ์ไวน์ ผมไม่คิดว่าเธอจะตอบตกลงวันนั้น ผมรู้สึกตายตาหลับแล้ว เราเริ่มสนิทกันมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่มีบางเรื่องดูแปลก ๆ ก็คือเธอไม่คุยกับผมในที่ทำงานเลย เราไม่เคยกลับบ้านด้วยกันหลังเลิกงาน เราแค่นัดเจอกันทุกวันอาทิตย์แต่ผมก็ยังรู้สึกมีความสุขมากอยู่ดี หลังจากเธอเสียไปผมก็ได้รู้ว่าเธอมีแฟนอยู่แล้ว ผมรู้สึกเจ็บมากแต่ก็รักเธอมากเหมือนกัน ช่อกุหลาบจึงเป็นสิ่งของจากผมเพื่อไว้ทุกข์ให้เธอ”

“ช่างเป็นความรักที่ซื่อสัตย์จริง ๆ!” เฉินฉียิ้ม

“ผมขอถามเรื่องส่วนตัวของคุณหน่อยได้ไหม? ช่วงนี้คุณรู้สึกป่วยบ้างรึเปล่า?”

“ไม่นะครับ”

“แล้วคุณได้รับเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ไหม?”

เมื่อได้ยินถึงกับอึ้งชายหนุ่มโยนกล่องอาหารทิ้งแล้วลุกขึ้นมาด้วยความโมโห “ไอ้สารเลวนี่! คุณกำลังพูดเรื่องอะไร?!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด