ตอนที่ 6 ฉันขายแพนเค้กจริงๆนะ
ในห้องจัดเลี้ยงเงียบไปเกือบหนึ่งนาทีเต็ม
เพื่อนร่วมชั้นทั้งชายและหญิงที่เลียแข้งเลียขาเกาจิ้นรู้สึกต้องเสียใจอย่าสุดซึ้งเพราะไปเลียผิดคน!
พวกเขาต่างรีบวิ่งออกไป .เย่เทียน ไม่สิ ประธานเย่รอฉันด้วย!”
“พี่ชาย เรามาคุยกันดีกว่า”
“พี่เย่เทียน~~”
หน้าของเกาจิ้นกลายเป็นสีเขียว ร่างกายของเขาเริ่มสั่น
เย่เทียน?
คนขายเครปกลายเป็นประธานใหญ่?
เขาไม่อยากเชื่อเรื่องนี้แม้ว่าความจริงจะอยู่ตรงหน้าก็ตาม
“เสี่ยวเย่นั่นเธอจะไปไหน?”
เกาจิ้นดึงตู้เสี่ยวเย่กลับมา
ตู้เสี่ยวเย่มองเกาจิ้นอย่างดูถูกและปัดมือทิ้ง “ฉันรู้สึกไม่สบายเลยจะไปห้องน้ำ”
“ผายลมเถอะ! เธอจะไปหาเย่เทียนล่ะสิ!”
“ใช่ ฉันจะไปหาเย่เทียน เขารวยกว่านายตั้งเยอะ ส่วนกระเป๋านี่ฉันคืนให้!!——เย่เทียน รอฉันด้วย! ฉันมีอะไรจะบอกนาย!! นายจำได้ไหมว่าฉันเคยเขียนจดหมายรักให้นายด้วยนะ~~”
“เธอ....เธอ!!”
เกาจิ้นโกรธจนเป็นลมล้มไป
เมื่อเพื่อนร่วมชั้นกลุ่มหนึ่งออกมาถึง เย่เทียนก็จากไปด้วยรถสามล้อ
เหลียงกวน “จุ๊จุ๊...อะไรคือมหาเทพทำตัวติดดิน พวกเขาช่างตาบอดกันซะจริง”
“เอ่อ...พี่ชาย เย่เทียนรวยขนาดไหนเหรอ?” มีคนถามด้วยเสียงต่ำ
เหลียงกวนเป็นคนๆหนึ่ง หลังจากที่เดาว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องจัดเลี้ยงเมื่อครู่ เขาก็เหลือบมองดูอย่างดูถูกเหยียดหยาม แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ไอ้พวกสุนัขตาต่ำชอบดูถูกคน ถ้าอยากรู้นักว่าท่านเย่รวยแค่ไหน ทำไมไม่ไปถามเขาเองล่ะ?”
“เอ่อ...” เขาโมโหเพราะหน้าแตกอย่างยับเยิน ——ไอ้เวรเกาจิ้น!
ระหว่างทางกลับบ้านก็มีเสียงดังขึ้น ยางรถสามล้อแตก
สวีเหว่ยเหว่ยก้มหน้าลงด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“เย่...ฉันขอโทษนะ ฉันอ้วนเกินไป”
เย่เทียนหัวเราะ “ยางรถฉันเสื่อมมากแล้ว อย่าไปคิดมากเลย เดี๋ยวฉันไปเรียกรถให้มารับเธอเอง”
เย่เทียนโทรหาพ่อบ้านกวง หลังจากยืนยันตำแหน่งแล้ว สิบนาทีต่อมารถโรลส์รอยซ์ก็มาถึง
พ่อบ้านพูดด้วยความเคารพ “คุณเย่ คุณสวี เชิญขึ้นมาเลยครับ”
เย่เทียนดึงสวีเหว่ยเหว่ยเข้าไปในรถ
ในเวลานี้เย่เทียนไม่รู้ว่าฉากขึ้นรถกับสวีเหว่ยเหว่ยถูกเซียวหรงที่พึ่งออกมาจากธนาคารเห็นเข้า
ดีมาก! เย่เทียน!
ไม่แปลกใจเลยที่นายกล้าพูดแบบนั้น ที่แท้นายก็มาอยู่กับผู้หญิงรวยนี่เอง!
อ้วนขนาดนี้ก็ยังเอา! นี่นายกระหายถึงขั้นไม่เลือกเลยหรือไง?
อย่างที่คิดไว้เลย พวกผู้ชายก็ชอบคิดแต่เรื่องใต้สะดือ!
น่ารังเกียจนัก!
ใบหน้าของเซียวหรงดูไม่ดีนัก ดวงตาของเธอหรี่ลงเล็กน้อย
เธอรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาหาเรื่องเย่เทียน
บริษัทเซียวกำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่พร้อมกับบริษัทคู่แข่ง "บริษัทผางซือ" ที่สมรู้ร่วมคิดกับธนาคารและปฏิเสธการให้บริษัทเซียวกู้ยืมเงิน หากไม่มีเงินกู้ก้อนนี้ ห่วงโซ่ทุนของบริษัทเซียวจะถูกทำลาย 100% ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือได้เงินเท่าต้นทุนแต่สิ่งนี้อาจส่งผลต่อความแข็งแกร่งของบริษัทเซียวและอาจถึงขั้นต้องถอนตัวออกจากเวทีการค้า!
“ฉันจะไปกู้เงินสองร้อยล้านได้จากที่ไหน...” เซียวหรงหมดแรงอยู่พักหนึ่ง
อ่าวอิมพีเรียล วิลล่าA1
เย่เทียนรู้สึกมีความสุขมากขณะนั่งอยู่ในสนามท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายและดื่มแชมเปญ
สวีเหว่ยเหว่ยยิ้ม “เย่เทียน ฉันไม่คิดว่านายจะเก่งขนาดนี้”
“ไม่มีอะไรมากหรอกฉันแค่โชคดีนะ เหว่ยเหว่ยเธอมาที่นี่ได้เสมอนะ”
“ถ้านายพูดแบบนั้นฉันจะโกรธแล้วนะ ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเข้ามาในวิลล่าที่สวยแบบนี้มาก่อนเลย เดี๋ยวฉันจะมาบ่อยๆแน่! แล้วพอถึงตอนนั้นนายก็อย่ามารำคาญฉันก็แล้วกัน” สวีเหว่ยเหว่ยร่าเริงมากขึ้นมาก ไม่เหมือนกับตอนที่ยู่ในงานเลี้ยงรวมตัวของเพื่อนร่วมชั้น
เย่เทียนหัวเราะ “จะเป็นแบบนั้นได้ไง!”
สวีเหว่ยเหว่ยอยู่ต่ออีกสักพักหนึ่งค่อยจากไป
“ลุงกวงช่วยไปรับพ่อกับแม่ฉันที่หมู่บ้านหยิ่นหลงที” เย่เทียนแทบรอไม่ไหวที่จะให้พ่อแม่ของเขามีความสุขกับชีวิตที่ร่ำรวย
“ได้ครับ”
พ่อบ้านกวงพยักหน้า และเมื่อเขาหันหลังเดินจากไปเขาก็บันทึกคำศัพท์หนึ่งแถวในสมุดจดของเขาเงียบๆว่า “คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักเป็นคนที่กตัญญูต่อพ่อแม่”
ในเวลาต่อมา
พ่อและแม่ของเย่เทียนก็มาที่อ่าวอิมพีเรียลพร้อมกับถุงใบใหญ่และถุงใบเล็ก
เย่เทียนรับสัมภาระจากพ่อแม่ของเขา เขาทั้งร้องไห้และหัวเราะ “ทำไมพ่อกับแม่เอาของมาเยอะแบบนี้ ผมบอกแล้วไงว่าที่นี่เตรียมพร้อมไว้ให้ทุกอย่างแล้ว”
“ไม่ว่าจะมีกี่ชิ้นก็ต้องมีกระเป๋าหนึ่งใบเสมอ แล้วลูกเป็นยังไงบ้าง ลูกพาพวกเรามาที่สวนสัตว์ทำไม” คนชราสองคนไม่รู้จะมองไปทางไหน
ในฐานะที่เป็นชาวนาที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมาทั้งชีวิต พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าเลี้ยงสัตว์ในสวนสาธารณะขนาดใหญ่แบบนี้ พวกเขาไม่กลัวโดนขโมยหรือไง?
“ที่นี่เป็นชุมชน ไม่ใช่สวนสัตว์”เย่เทียนยิ้ม
“ไก่สีฟ้านั่นใหญ่จังเลย”
“ถ้าพ่อจำไม่ผิด นั่นน่าจะเป็นนกยูงนะ”
“ห๊ะ! นกยูง!”
“นี่มันม้านิ! แต่ทำไมมันหัวเล็กจัง”
“ม้าแคระครับแม่...”
“ลูกเอ๋ย พ่อว่าคืนนี้เรามากินลูกแกะตัวนี้กันดีกว่า เดี๋ยวคืนนี้พ่อจะจัดการมันให้”
“พ่อครับ ตัวนั้นเรียกว่าอัลปาก้าเป็นสัตว์สวยงาม ปกติเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงไม่ได้เอาไว้กิน...”
“โอ้! มันคือเป็นอัลปาก้านี่เอง!”
อัลปาก้า: ฮี่~ตุ้ย! จะโดนแดรกแล้วไหมล่ะ...
ที่ห้องนั่งเล่น
เย่เทียนโกหกพ่อแม่ของเขา โดยหาเหตุผลมาบอกว่าทำไมเขาถึงได้มาอยู่ที่อ่าวอิมพีเรียล
ส่วนเรื่องระบบเขาคงต้องเก็บเอาไว้ไม่บอกใคร เพราะเขายังไม่อยากโดนพาตัวไปเข้าห้องทดลองทำวิจัย
“เฮ้ย! แกก็กำลังดูบ้านให้เจ้านายอยู่ไม่ใช่เหรอ? แกไม่ควรให้เรามาที่นี่สิ ทำแบบนี้แล้วครอบครัวเราจะไม่มีปัญหาเหรอ?” พ่อของเย่เทียนรู้สึกกังวลเล็กน้อย
“ไม่ต้องห่วง เจ้านายเขาไว้ใจผมมาก พ่อกับแม่อยู่อย่างสบายใจได้เลยถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกลุงกวงเอา เขาเป็นพ่อบ้านของที่นี่ พ่อกับแม่ทำงานหนักมาทั้งชีวิตแล้ว ถึงเวลาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆบ้าง”
เย่เทียนจับมือแม่ของเขาด้วยรอยยิ้มที่สดใส “ถ้าพ่อกับแม่ไม่อยากอยู่เฉยๆก็หาพวกผักมาปลูกก็ได้เพราะที่ลานกว้างพื้นที่ค่อนข้างเยอะอยู่”
“พ่อกับแม่คิดจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว ปล่อยให้ที่มันว่างแบบนั้นก็น่าเสียดายออก”
“...”
ทั้งสามคนพูดคุยกันอย่างมีความสุข
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและก็ถึงตอนกลางคืนในพริบตา
พ่อกำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่นส่วนแม่กำลังเตรียมอาหารเย็นในครัว
ทันใดนั้นกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น
เมื่อเย่เทียนเปิดประตูเขาก็เห็นว่าเป็นฉินเยี่ยนและสาวสวยที่คุ้นเคยซึ่งเขาเห็นในตอนเช้า
“สวัสดีเพื่อนบ้าน”
ฉินเยี่ยนยิ้มและยื่นกล่องของขวัญให้เย่เทียน “นี่เป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ชุมชนของเรา”
“ฉันก็มีเหมือนกัน” ผู้หญิงคนนั้นก็ยิ้มและยื่นกล่องของขวัญให้
“เข้ามาก่อนสิ”
เย่เทียนเชิญให้ทั้งสองคนเข้ามา และเมื่อเขามองไปที่แผ่นหลังของผู้หญิงคนนั้น เขาก็ตบหน้าผากแล้วพูด “คุณคือจื่อฉีใช่ไหม?”
จื่อฉียิ้มแล้วพูด “ใช่ คุณลุงกับคุณป้าก็อยู่ด้วยเหรอ สวัสดีค่ะคุณลุงกับคุณป้า”
“เอ่อ สวัสดีครับ” พ่อของเย่เทียนรีบดับบุหรี่
“ขึ้นไปคุยกันที่ชั้นบนเถอะ”
เย่เทียนพาผู้มาเยือนทั้งสองขึ้นไปชั้นบน
โดยมีสระว่ายน้ำกลางแจ้งบนชั้นสาม
ฉินเยี่ยนกล่าว “ครั้งนี้เรามาเพื่อต้อนรับเพื่อนบ้านคนใหม่ ดังนั้นอย่าทำให้คุณเย่ต้องขุ่นเคือง”
เย่เทียนฮัมเพลงและเรียกให้พ่อบ้านกวงนำขวดแชมเปญที่ยังดื่มไม่หมดมาด้วย
“ArmanddeBrignacRose…” ฉินเยี่ยนและจื่อฉีต่างก็เป็นคนที่มีความรู้เรื่องเหล้า เมื่อพวกเขามองหน้ากันพวกเขาก็เทบพูดไม่ออก
สองคนนี้คนหนึ่งเป็นเจ้าของบริษัทและอีกคนเป็นท็อปสตาร์ ทั้งคู่มีทรัพย์สินมูลค่ามากกว่า 100 ล้านหยวนแต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ต้องลังเลใจถ้าให้พวกเขาดื่มแชมเปญเกือบสองล้านเป็นเครื่องดื่มธรรมดา
นี่คือมหาเทพที่มองไม่เห็น!
ตอนนี้ทั้งคู่ประเมิณเย่เทียนไว้สูงมาก
“ตอนนี้คุณเย่ทำงานอะไรอยู่เหรอ? บางทีพวกเราอาจสามารถร่วมงานกันได้” ฉินเยี่ยนถามพร้อมกับจิบแชมเปญและยิ้มน้อยๆ
ฉินเยี่ยนเป็นคนแบบนี้ เขาไม่มีทางพลาดทุกโอกาสที่สามารถทำธุรกิจได้
“ฉัน...” เย่เทียนคิดอย่างจริงจัง
“งานหลักคือขายเครปหน้าโรงเรียน”
“อั่ก...” จื่อฉีเกือบสำลัก
“เย่เทียน แม้ว่าพวกเราพึ่งพบกันเป็นครั้งแรกแต่คุณสามารถหลอกคนอื่นว่าคุณขายเครปได้ด้วยเหรอ?”
“ธุรกิจหลักของฉันคือขายเครปจริงๆ ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวผมทำให้พวกคุณลอง” เย่เทียนพูดอย่างจริงจัง
“เอาสิ ผมก็อยากชิมฝีมือของคุณเย่เหมือนกัน” ฉินเยี่ยนดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม