ตอนที่แล้ว244 - มาเริ่มกันเถอะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป246 - สหายเก่า

245 - ของที่ระลึก?


245 - ของที่ระลึก?

วังจันทราเปรียบเสมือนภูเขาที่สง่างามและไร้ขอบเขต มันเป็นไปไม่ได้ที่จะต่อต้าน!

“ไม่คิดว่าเจ้าจะยอมตายจริงๆ แต่ขอโทษด้วยข้ายังไม่คิดจะสนองต่อความต้องการของเจ้า” เย่ฟ่านรีบถอยกลับด้วยความกลัว

เนื่องจากเขาไม่สามารถฆ่านางได้ดังนั้นที่เขาควรทำในตอนนี้คือหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เดิมทีเขาทำก็เพื่อความอยู่รอดเท่านั้นแต่เมื่อเหยาซีได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถไล่ตามเขาได้มันก็ทำให้เย่ฟ่านพอใจแล้ว

“สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง น่าเสียดายจริงๆข้าสัญญาว่าปีหน้าจะเผากระดาษเงินกระดาษทองให้เจ้า” ในชั่วพริบตาเย่ฟ่านได้วิ่งหนีออกไปไกลหลายสิบวาแล้ว

วังจันทรานั้นแม้ว่ามันจะแข็งแกร่งแต่ก็ใช่ว่าเหยาซีจะสามารถบังคับให้มันเคลื่อนไหวได้ตามใจนึก ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างสบายใจเมื่อหลบหนีออกจากรัศมีสังหารของนางได้

อย่างไรก็ตามรอยยิ้มของเย่ฟ่านก็หายไปอย่างรวดเร็ว

เสียงหัวเราะอันเยือกเย็นของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงดังขึ้นจากด้านหลังของเขา

“จิตสำนึกอันศักดิ์สิทธิ์ของข้าอาจถูกเผาผลาญก็จริง แต่ข้าทิ้งเศษเสี้ยววิญญาณไว้ในวังจันทราแม้ว่าจะต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัวแต่ข้าก็ยินยอมแลกหากมันจะทำให้ข้าฆ่าเจ้าได้”

ปัง!

ในขณะนี้ความผันผวนของพลังที่น่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมา พลังศักดิ์สิทธิ์นี้รุนแรงมากกว่าตอนที่เหยาซีระเบิดทะเลแห่งจิตสำนึกปลอมๆของนางหลายเท่า

เมื่อสิ้นเสียงระเบิดเทพธิดาที่งดงามสวมชุดเกราะสีเงินก็ยืนอยู่ไม่ไกลจากค่ายกลเคลื่อนย้าย นี่คือเทพที่ออกมาจากตำหนักเต๋าของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง

"อย่าคิดว่าจะหนีรอดไปได้!" สตรีศักดิ์สิทธิ์ร้องด้วยความโกรธเกรี้ยว

ใบหน้าของเย่ฟ่านเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

เทพที่ปรากฏตัวออกมาจากตำหนักเต๋าของเหยาซีไม่มีพลังเพียงพอที่จะฆ่าเย่ฟ่านได้ ดังนั้นนางจึงสั่งให้เทพที่อยู่ในตำหนักเต๋าจุดไฟทำลายค่ายกลเคลื่อนย้ายโดยไม่ยอมให้เย่ฟ่านหลบหนีได้สำเร็จ

“นังบ้า!”

เย่ฟ่านสาปแช่งและรีบวิ่งหนีเอาชีวิตรอดก่อนที่แท่นบูชานั้นจะระเบิด ซึ่งเขาคิดว่าจากปริมาณของต้นกำเนิดที่ใส่ไว้ในแท่นบูชามันเพียงพอที่จะทำลายรัศมีร้อยลี้รอบบริเวณนี้อย่างแน่นอน

พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาถูกผนึกและเขาไม่สามารถใช้หม้อเพื่อปกป้องร่างกายของเขาได้ ดังนั้นสิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้ก็มีเพียงการใช้ขาวิ่งไปข้างหน้าเท่านั้น

ขณะหลบหนีเขายังคว้าเสื้อชั้นในของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงติดมือไปด้วย

“เหยาซีหากว่าเจ้ามีวาสนารอดชีวิตไปจากที่นี่ได้ เจ้าสามารถแลกเปลี่ยนคัมภีร์โบราณของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงกับเสื้อผ้าเหล่านี้…”

“อย่าให้ข้าจับเจ้าได้ก็แล้วกัน!” ภายใต้แสงแดดสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงก็วิ่งหนีไปคนละทางด้วยความโกรธแค้น

"ข้าจะรอเจ้า ถ้าเจ้าไม่มาข้าจะเปิดประมูลเสื้อผ้าชุดนี้เพื่อถอนทุนคืน เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะตำหนิข้าไม่ได้นะ ฮ่าฮ่าฮ่า…”

ในขณะที่พวกเขาพยายามวิ่งหนีปากของพวกเขายังคงเล่นสงครามจิตวิทยาอย่างต่อเนื่อง

บูมมมม!

ดินแดนในรัศมีร้อยลี้เปลี่ยนเป็นทะเลทรายอย่างสมบูรณ์ เมื่อค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่ระเบิดมันก็สร้างความหายนะให้กับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณโดยรอบ

แม้แต่ความว่างเปล่าที่เป็นตัวแทนของเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ของโลกนี้ก็ยังเกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย พลังแบบนี้ต่อให้เป็นผู้อาวุโสที่ฝึกฝนอยู่ในอาณาจักรลับที่สามก็ยากที่จะรอดชีวิตได้

เย่ฟ่านที่ไม่สามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีข้อยกเว้น แม้ว่าฝีเท้าของเขาจะเร็วมากแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่มันจะพาเขาออกจากพื้นที่รัศมีร้อยลี้ในเวลาไม่ถึงสิบลมหายใจ

เย่ฟ่านไม่ได้อยู่ในภูมิภาคที่ความว่างเปล่าได้แหลกสลายโดยตรงเขาอยู่ใกล้บริเวณรอบนอกของรัศมีการระเบิด ดังนั้นมันจึงไม่ได้บดขยี้ร่างกายของเขาให้กลายเป็นฝุ่นละออง

ในเวลานี้แม้แต่ร่างกายอันล้ำค่าอย่างเขาก็ยังทนไม่ได้ เสียงแตกดังไปทั่วร่างกายของเย่ฟ่านอย่างต่อเนื่อง และเย่ฟ่านในสภาพที่สลบไสลก็กระเด็นออกไปหลายลี้

…..

เย่ฟ่านได้ยินเสียงแตกจากกระดูกของเขาอย่างชัดเจน เมื่อเขาตื่นขึ้นเขาก็มองเห็นร่างกายที่บิดเบี้ยวไม่เป็นรูปเป็นร่างของเขา เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนคาดไม่ถึง

โชคดีที่เขากระแทกลงไปในแม่น้ำไม่เช่นนั้นกระดูกทั่วร่างกายของเขาคงแหลกละเอียดไปหมดแล้ว

เย่ฟ่านล่องลอยไปตามกระแสน้ำ ธารน้ำจากภูเขาไหลผ่านไปหลายพื้นที่แต่เขาก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แม้จะมีสติอยู่ก็ตาม

แม่น้ำสายนี้ไหลไม่เร็วนัก ครึ่งวันต่อมาเขามาถึงทุ่งแห่งหนึ่งและถูกดูดลงไปในแม่น้ำที่มีกระแสน้ำเชี่ยวกราก

เย่ฟ่านตื่นขึ้นเป็นครั้งคราว แต่เขาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย ในแม่น้ำสายใหญ่นี้ เขาร่างกายของเขาขึ้นและลงอยู่ตลอดเวลาเขารู้สึกว่ากระดูกของเขาหักอย่างน้อยสิบชิ้น

ร่างกายของเขาเปรียบได้กับสมบัติล้ำค่า แต่ก็ยังได้รับอันตรายถึงขนาดนี้ ดังนั้นจึงสามารถจินตนาการได้ว่าการระเบิดครั้งนั้นทรงพลังเพียงใด

เย่ฟ่านลอยอยู่สามวันก่อนที่จิตใจของเขาจะค่อยๆฟื้นตัว เขาทำหน้าบูดบึ้งทันทีเมื่อรู้สึกเจ็บไปทุกสัดส่วน

ในเวลานี้แม่น้ำก็สงบลง ไม่ไกลนักก็มีท่าเรือซึ่งมีเรือเทียบท่าอยู่ไม่กี่ลำ และเมืองหนึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำ

ปัง!

เขาถูกทุบลงที่ท่าเรือริมแม่น้ำ จากนั้นเขาก็ชนกับเรือลำใหญ่ และถูกสังเกตเห็นในทันที

“โชคร้ายจริงๆมีศพลอยมากระแทกเรือของข้า มันจะทำให้ข้าโชคร้ายทั้งปี” มีคนสาปแช่งอยู่บนเรือ

“เขายังไม่ตาย เขายังหายใจอยู่”

“พาเขาขึ้นมา”

บางคนลงไปในน้ำแล้วพาเย่ฟ่านขึ้นเรือ

“เป็นยอดฝีมือจากโลกแห่งการบ่มเพาะหรือไม่?” ลูกเรือของเรือสั่นสะท้าน “เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและตกลงไปในแม่น้ำ?”

ชายคนหนึ่งยื่นมือเข้าหาทะเลแห่งความทุกข์ของเย่ฟ่านแล้วคำรามว่า

“มันก็แค่ขยะ ไม่มีความผันผวนของพลังศักดิ์สิทธิ์”

คนอื่นๆก็ขึ้นมาและสังเกตเย่ฟ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วน

“ใบหน้าของเขาเสียโฉม ปากและตาของเขาเอียงอย่างประหลาด ขาข้างหนึ่งของเขายาว อีกข้างหนึ่งสั้นและมีรูปร่างผิดปกติ ข้าไม่เคยเห็นคนขี้เหร่ขนาดนี้มาก่อน”

“เจ้าขี้เหร่คนนี้คงกำลังแอบดูหญิงสาวอาบน้ำแน่ๆเขาถึงได้พลัดตกลงน้ำแบบนี้ ดูสิในมือของเขายังถือชุดชั้นในของหญิงสาวอยู่เลย?”

“แต่เสื้อผ้าพวกนี้ก็งามจริงๆ มันเป็นเรื่องน่าอับอายหากมันจะตกอยู่ในมือของเจ้าขี้เหร่นี่”

“เฒ่าหลี่เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเจ้าขี้เหร่นี่จะต้องตาหญิงงาม? บางทีเจ้าของเสื้อผ้านี้อาจจะขี้เหร่พอๆกันกับเขาก็ได้”

ผู้คนในท่าเรือต่างพูดคุยอย่างต่อเนื่อง

เย่ฟ่านเข้าใจอย่างรวดเร็วว่าร่างกายของเขาได้รับบาดแผลรุนแรงจากความว่างเปล่าที่แตกเป็นเสี่ยงๆและกลายเป็นความผิดปกติอย่างสมบูรณ์

เพื่อที่จะฟื้นตัวเขาต้องเชื่อมต่อกระดูกของเขาอีกครั้ง ตอนนี้สภาพร่างกายของเขาคงดูน่าเกลียดอย่างถึงที่สุด

เราจะจัดการกับเขายังไงดี?”

“โยนเขาไปที่ท่าเรือแล้วปล่อยให้มันวิ่งไปตามทางของมันเอง แค่นี้ก็ถือว่าช่วยมากแล้ว”

นายเรือเฒ่าเดินไปรอบๆเย่ฟ่านและกล่าวว่า

“เราควรเอาเขาไปขายที่เมืองฉีฟู ที่นั่นกำลังต้องการคนทุกประเภท อย่างน้อยๆได้มาซักสี่ห้าเหรียญทองแดงก็ยังดี”

“เมืองฉีฟูจะรับคนแบบนี้ไปทำงานทำไม?” คนรอบข้างถาม

“ว่ากันว่าพวกเขาจะส่งคนเหล่านี้ไปขุดเหมืองที่ภาคเหนือ”

“ว้าว ภาคเหนือ คนธรรมดาไม่สามารถเดินทางไปที่นั่นได้ต่อให้ใช้เวลาถึงสิบชั่วอายุคนก็ตาม เด็กน้อยนี่มีวาสนานัก”

“ผู้บ่มเพาะตระกูลเซียนมีวิธีสำรวจความว่างเปล่า เราอาจจะไปที่นั่นไม่ได้ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขา”

เดิมทีเย่ฟ่านต้องการยืนขึ้นและเดินจากไป แต่เมื่อเขาได้ยินคำเหล่านี้ หัวใจของเขาก็สั่นและเขาเลิกล้มแผนการทั้งหมดอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ เจ้าอัปลักษณ์ เจ้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือเปล่า” คนเรือคนหนึ่งถามเย่ฟ่านเพราะเห็นว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้ว

"ไม่มีปัญหาถ้าข้าพักผ่อนสักสองสามวันข้าก็จะสบายดี” เย่ฟ่านเห็นด้วยโดยธรรมชาติ

เมื่อได้ยินเช่นนี้นายเรือก็หัวเราะด้วยความพอใจจากนั้นก็ตะโกนขึ้นว่า

“ให้อาหารเขา แล้วเราจะส่งเขาไปยังเมืองฉีฟู”

เมืองฉีฟูเป็นเพียงเมืองเล็กๆที่มีผู้ฝึกตนอยู่เพียงไม่กี่คน แต่สำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้พวกเขาถือเป็นมหาอำนาจอันยิ่งใหญ่

ภูมิภาคนี้อยู่ใกล้กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงและนิกายทั้งหมดในภูมิภาคนี้ก็ถือเป็นผู้คนในสังกัดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เมืองฉีฟูก็ไม่เว้นเช่นกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด