ตอนที่แล้วตอนที่ 11 : นางเอกของแฟรี่เทล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13 : สโตกเกอร์นามว่าเควิน

ตอนที่ 12 : อดีตของเควินและเอลซ่า


เอลซ่า ราชินีภูติแห่งแฟรี่เทล จอมเวทย์หญิงที่แข็งแกร่งที่สุด และเป็นหนึ่งในหกของจอมเวทย์ระดับ S เพียงแค่ได้ยินชื่อของเธอไม่ว่าใครก็ตามในแฟรี่เทลต้องหลั่งเหงื่อเย็นด้วยความหวาดกลัว

และด้วยนิสัยซึ่งเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ไม่มีใครนอกจากจอมเวทย์ระดับ S ที่กล้าขัดคำสั่งของเธอ แม้แต่ตัวแสบอย่างนัตสึ เกรย์ หรือคาน่าเองก็ไม่มีข้อยกเว้น

ทันทีที่เธอก้าวเข้ามาภายในกิลด์ เธอก็ต่อว่าทุกคนทันทีและไม่มีใครแสดงทีท่าขัดขืน ขนาดนัตสึและเกรย์ยังกอดกันกลมราวกับเป็นเพื่อนรักกันมาช้านาน

“พึ่งเคยเห็นนัตสึทำท่าหวาดกลัวขนาดนั้น…” ลูซี่มองการเปลี่ยนแปลงอันน่าเหลือเชื่อของนัตสึและเกรย์อย่างพูดไม่ออก

“นัตสึกับเกรย์ทั้งคู่กลัวเอลซ่ามาก นัตสึเคยท้าสู้กับเอลซ่าก่อนจบลงที่เขาไปจูบกับพื้น ส่วนเกรย์เคยถูกเอลซ่าเห็นตอนโป๊ทำให้เขาโดนอัดจนน่วม และที่น่าเศร้าที่สุดคือโลกิ เขาเคยจีบเอลซ่าสุดท้ายก็โดนอัดจนเกือบตายเลยล่ะ…” มิร่าเล่าวีรกรรมทั้งหมดของเอลซ่าออกมา

จากนั้นเธอก็หันมามองเควินอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายหาตัวไปโดยไม่เหลือแม้แต่เงา

‘แสดงว่าในตอนนี้นอกจากมาสเตอร์แล้ว คนที่แข็งแกร่งที่สุดในแฟรี่เทลก็คือคุณเอลซ่า จากนั้นก็ตามด้วย นัตสึ เกรย์ เควิน และฉันสินะ’ ลูซี่แอบจัดลำดับความแข็งแกร่งของสมาชิกแฟรี่เทลไว้ในใจ แถมยังลำเอียงเอาตัวเองมาไว้ในลำดับสูงๆอีกด้วย

แต่ช่างเรื่องการจัดอันดับที่แสนมั่วนิ่มของลูซี่ไปก่อน การที่จอมเวทย์ระดับ S อย่างเควินที่ไม่แม้แต่จะหวาดกลัวเอลซ่า ถึงกลับเลือกหลบหน้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วนั้นมีสาเหตุมาจากเมื่อหลายปีก่อน

ในช่วงเวลานั้นหลังจากเควินได้กลายเป็นจอมเวทย์ระดับ S มาได้เพียงแค่หนึ่งปี เอลซ่าก็ได้เข้าร่วมทดสอบเพื่อเลื่อนลำดับเป็นจอมเวทย์ระดับ S ซึ่งมีเควินเป็นหนึ่งในกรรมการในครั้งนั้น

“ทำไมมาสเตอร์ถึงต้องให้ฉันเป็นคนเลือกหัวข้อทดสอบด้วยเนี่ย?” หนึ่งสัปดาห์ก่อนเริ่มการทดสอบ มาคารอฟได้มอบหมายงานให้เควินเป็นคนคิดและเลือกบททดสอบสำหรับขั้นแรก

ในแฟรี่เทลนั้นการคัดเลือกจอมเวทย์ระดับ S จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน โดยเนื้อหาในส่วนแรกจะถูกจัดขึ้นโดยจอมเวทย์ระดับ S ทั้งหมด ซึ่งในตอนนั้นมีกันอยู่แค่เพียงสามคนเท่านั้น

ได้แก่กิลดาซ ลัคซัส และเควิน ทั้งสามล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในแฟรี่เทล ณ ตอนนั้น แต่แน่นอนว่ามีสองรายที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งใดๆของมาสเตอร์อย่างมาคารอฟ

สุดท้ายภาระเลยตกมาที่ตัวของเควิน

จากนั้นเควินก็เริ่มจัดทำเนื้อหาของการทดสอบพิเศษสำหรับผู้เข้าแข่งขันทั้งสาม โดยในเวลานั้นนอกจากเอลซ่าแล้วยังมีผู้เข้าร่วมอีกสองคนได้แก่มิร่าและคาน่า

ถึงภายนอกเควินจะดูเป็นคนเรียบน้อย แต่ภายในเขาเองก็จิตสกปรกไม่น้อยเช่นกัน เนื่องจากทั้งคาน่าและมิร่าเป็นหญิงสาวที่มีสัดส่วนอันยิ่งใหญ่ ดังนั้นบททดสอบของสองคนนั้นเลยค่อนข้างง่าย

ในวันสอบทั้งสามตามมาคารอฟมาที่ถ้ำหัวกระโหลกซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของอาณาจักฟิโอเร่

“เอาล่ะ มีทางเข้าอยู่สามทางกติกาก็คือใครก็ตามที่หาตัวเควินได้เร็วที่สุดจะเป็นผู้ผ่านเข้ารอบ! เอาล่ะ การทดสอบเริ่มได้!” มาคารอฟไม่พูดอะไรมากและสั่งเริ่มการทดสอบทันที

เมื่อสิ้นเสียง ทั้งสามก็วิ่งตรงเข้าไปข้างในทันที ภายในถ้ำนั้นแยกออกจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง แม้แต่คาน่าเองก็ไม่สามารถทำนายได้ แต่อันที่จริงหากคาน่าเลือกที่จะอยู่ทำนายเลือกทางที่ดีที่สุดก่อน ป่านนั้นมิร่ากับเอลซ่าก็คงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

ภายในถ้ำค่อนข้างอันตรายเป็นอย่างมาก แต่การเอาตัวรอดให้ได้ในสถานการณ์แบบนี้ถือเป็นเงื่อนไขขั้นต่ำสำหรับการเป็นจอมเวทย์ระดับ S

ทว่านอกจากนั้นแล้วในทั้งสามเส้นทางเควินยังได้แอบเตรียมบางอย่างเอาไว้ด้วย

นั่นคือของสีแดงสด ที่นุ่มฟู และมีกลิ่นหอมตลบอบอวลไปหมด

“นี่...นี่มัน…” เอลซ่ามองโต๊ะที่ถูกวางเอาไว้เบื้องหน้าของเธอ สิ่งที่เควินได้เตรียมเอาไว้คือเค้กสตรอว์เบอร์รี่แสนอร่อย

“นี่มัน...บ้าที่สุด…” เอลซ่าจ้องมองเค้กพร้อมน้ำลายที่ไหลย้อยออกมาไม่หยุด ในตอนนั้นเธอยังไม่ได้รับฉายาราชินีภูติไททาเนีย แม้ว่าจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่เธอยังควบคุมสติเอาไว้ได้ไม่ดีพอ

“แบบทดสอบครั้งนี้หินจริงๆ นี่มันถูกออกแบบมาเพื่อทดสอบฉันชัดๆ!”

ดวงตาของเอลซ่าเต็มไปด้วยความกระหาย เธอระเบิดพลังเวทย์ออกมาและใช้เวทมนตร์ที่รุนแรงที่สุดออกมาทันที ในท้ายที่สุดเธอก็ตกรอบ

เมื่อเธอออกจากถ้ำมาได้ เธอก็พบว่าเธอนั้นเป็นคนสุดท้าย โดยมีมิร่าคู่ปรับของเธอได้อันดับหนึ่ง

“โฮ่ โฮ่ เอลซ่า เธอได้ที่สุดท้ายงั้นเหรอ? น่าหัวเราะจริงๆ” หลังจากที่เอลซ่าเดินออกมาจากถ้ำสิ่งแรกที่เธอได้ยินคือเสียงหัวเราะเยาะจากมิร่าเจน

ในตอนนี้เธอรับรู้แล้วว่าเธอได้ที่โหล่ แถมยังรู้อีกด้วยว่าเควินแอบใช้เค้กในการทำลายสมาธิของเธอ จนทำให้เธอต้องตกรอบแรก

สายตาคมจ้องเขม็งมาที่เควินอย่างผิดธรรมชาติ แน่นอนว่าเควินรีบหลบสายตาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว จิตสำนึกส่วนดีบอกให้เขาสารภาพความจริงกับเอลซ่าซะ ในท้ายที่สุดในปีนั้นมิร่าก็ได้เลื่อนขั้นเป็นจอมเวทย์ระดับ S โดยที่เอลซ่าต้องรอไปอีกหนึ่งปี

ถ้าหากเป็นในตอนนี้มันคงไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ แต่ในช่วงเวลานั้นมิร่าและเอลซ่าคือคู่อริฟ้าประทาน ในทุกครั้งที่เอลซ่าทำอะไรพลาดไปมักจะถูกมิร่าล้อเลียนแทบจะทันที และข่าวลือเกี่ยวกับการที่เอลซ่าตกรอบเพราะเค้กสตรอเบอร์รี่ก็แพร่สะพัดไปทั่วกิลด์ จนทำให้เอลซ่าถึงกับแค้นฝังลึก

และด้วยเหตุนี้เองทุกครั้งที่เอลซ่าว่างเธอจะมองหาเควินและบังคับให้อีกฝ่ายต่อสู้กับเธอ แม้ว่าเควินจะแข็งแกร่งกว่าเอลซ่ามาก แต่เอลซ่านั้นดื้อรั้นเกินไป จนทำให้เควินรู้สึกรำคาญไม่น้อย

ทั้งคู่ยังคงสู้กันมาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นเควินจึงพยายามเลี่ยงเอลซ่ามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

“นัตสึ เกรย์ ฉันมีเรื่องจะขอร้อง อันที่จริงฉันควรปรึกษามาสเตอร์ก่อน แต่เรื่องนี้ยิ่งจบเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น” ทันใดนั้นเอลซ่าก็หันมาพูดกับทั้งสอง “ฉันอยากยืมพลังของพวกนายทั้งคู่”

แม้จะดูเหมือนว่าเป็นการเชิญชวน แต่น้ำเสียงที่ใช้แฝงไปด้วยความแข็งกร้าว

“พวกเราจะออกเดินทางกันพรุ่งนี้ พวกนายไปเตรียมตัวซะ! รายละเอียดของภารกิจฉันจะอธิบายระหว่างทาง” หลังจากที่เอลซ่าพูดจบเธอก็หันหลังออกจากกิลด์ไปทันที เหลือทิ้งไว้เพียงแค่ความประหลาดใจของคนภายในกิลด์

“ในที่สุดเอลซ่าก็ต้องการเพื่อนร่วมทีมแล้วสินะ…”

“นี่มันเรื่องใหญ่จริงๆ!”

“เอลซ่า นัตสึ เกรย์ คิดไม่ถึงเลย...แต่นี่ต้องเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดของแฟรี่เทลอย่างแน่นอน!” มิร่าพึมพำกับตัวเองด้วยความตื่นเต้น ลูซี่ที่อยู่ข้างๆเองก็แสดงอาการออกมาไม่ต่างกันนัก

“เควิน นี่นายไปเรียนเทคนิคการซ่อนตัวมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” คาน่าหันไปพูดกับพื้นที่ว่างข้างตัวเธอ

ทันใดนั้นร่างของเควินก็ปรากฎออกมา

“เวทย์อามาเทราสุลำดับ 10 เป็นไงล่ะขนาดเอลซ่ายังหาตัวฉันไม่เจอเลย” เควินยิ้มด้วยสีหน้าของผู้ชนะ

“พูดก็พูดเถอะ มิร่าลืมทีมอันแสนยอดเยี่ยมระหว่างฉันกับลัคซัสไปแล้วรึไง ถึงกล้าพูดว่าเอลซ่ากับนัตสึเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุด”

“นายกับลัคซัสเนี่ยนะ? พวกนายทำงานด้วยกันไม่ได้ด้วยซ้ำ!”

***

คาน่า มิร่า เอลซ่าตอนเด็ก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด