ตอนที่แล้ว805-806
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป809-810

807-808


Ep.807

ใบหน้าของซูเฉินแข็งค้างไปเล็กน้อย ครุ่นคิดตริตรองอยู่พักหนึ่ง ก่อนเอ่ยถามอู๋หยาจื่อว่า “ผู้อาวุโส มีขุมกำลังอยู่ในมิติภายนอกด้วยหรือ?”

ตามความเข้าใจเดิมของเขา มิติภายนอกเต็มไปด้วยจุดมิติโกลาหล ซึ่งไม่น่าอยู่อาศัยได้ แล้วตระกูลฉีใช้กลวิธีใดกัน จึงสามารถยืนยงอยู่ในมิติภายนอก?

อู๋หยาจื่อตอบ “เจ้าน่าจะรู้จักมิติท้ารบใช่หรือไม่? มิติท้ารบที่ว่า แท้จริงแล้วคือทวีปเล็กๆท่ามกลางมิติภายนอก ซึ่งป้อมปราการมิติเองก็เป็นทวีปเล็กๆที่อยู่ข้างในนั้นเช่นกัน”

“ซึ่งท่ามกลางมิติภายนอก พวกเขามักถูกโจมตีโดยสัตว์ร้ายมิติตลอดเวลา ขณะที่ตระกูลฉียังยืนหยัดได้เสมอมา นี่แสดงให้เห็นว่ากำลังรบของพวกเขาเข้มแข็งเพียงใด”

“เห~”

ซูเฉินพยักหน้า อดทึ่งไม่ได้ในความแข็งแกร่งของตระกูลฉี ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่เฉพาะเรื่องที่สามารถต่อกรกับสัตว์ร้ายมิติ ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าตระกูลฉีไม่ใช่พวกอ่อนแอ!

“มนุษย์ ในเมื่อเจ้ารู้สถานะของพวกเราแล้ว ยังจะกล้ารั้งตัวพวกเราอีกไหม? ยังไม่รีบมอบนกสำรวจและอาวุธคืนมา แล้วอ้อนวอนขอให้พวกเราให้อภัยอีกหรือ?”

ฉีมู่เสวี่ยกล่าวอย่างมีชัย ในความคิดเธอ  อิทธิพลของตระกูลฉียิ่งใหญ่มากพอที่จะเขย่าโลกทั้งใบได้ เวลานี้ซูเฉินคงกำลังหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อแน่ๆ

ได้ยินแบบนั้น ดวงตาของซูเฉินค่อยๆหรี่ลง ปลดปล่อยพลังจิตออกมาโดยไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ พันธนาการฉีมู่เสวี่ยไว้ ก่อนก้าวเข้าไป ยกมือและตบไปที่หน้าเธอ

เสียงเพี๊ยะ! กังวานฟังชัด

บริเวณโดยรอบ ตกอยู่ในความเงียบงันอันน่าขนลุก

ไม่เพียงแต่ฉีมู่เสวี่ยเท่านั้นที่ตกตะลึง แม้แต่อู๋หยาจื่อและคนอื่นๆยังรู้สึกตกใจ

ฉีมู่เสวี่ยคือทายาทสายตรงแห่งตระกูลฉี มียอดฝีมือระดับเทวะขั้น 5 คอยหนุนหลังเธอ แต่ซูเฉินพอคิดจะตบก็ตบได้หน้าตาเฉย?

อย่างไรก็ตาม เมื่อลองนึกดูถึงอุปนิสัยของซูเฉินแล้ว อู๋หยาจื่อและคนอื่นๆต่างเห็นพ้องว่านี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

เพราะนับแต่ที่พวกเขาได้พบเจอซูเฉิน พวกเขาไม่เคยเห็นซูเฉินกลัวใครเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนทวีปแผ่นดินใหญ่แห่งนี้  ซูเฉินเรียกได้ว่าเป็นการดำรงอยู่ที่สามารถเดินเหินได้อย่างอิสระทั่วทุกสารทิศ

ต่อให้เป็นระดับเทวะขั้น 5 แล้วอย่างไร? ตราบใดที่อีกฝ่ายกล้าเหยียบย่างบนทวีปแผ่นดินใหญ่ คงมิแคล้วถูกซูเฉินทุบตี ทุกข์ทรมานเจียนตาย

นี่แหละหนอที่คนมักจะพูดกันว่า หากคุณแข็งแกร่ง คุณก็จะสามารถทำอะไรได้ดั่งใจนึก!

เป็นแค่ผู้เยาว์ของตระกูลฉี แต่กล้าตวาดต่อหน้าซูเฉิน ถูกสั่งสอนไป ก็สมควรแล้ว

“นี่เจ้ากล้าตบข้า?”

ฉีมู่เสวี่ยยกมือขึ้นกุมหน้าครึ่งซีกของเธอ ในดวงตาลุกโชนไปด้วยความโกรธอย่างหาที่เปรียบมิได้

ซูเฉินจ้องเขม็งสบตาเธอ ตวาดกลับว่า “ถ้ากล้าเปล่งเสียงอีกแม้แต่คำเดียว ฉันจะฆ่าแกทันที!”

ฉีมู่เสวี่ยกล้าวางตัวแสดงอำนาจต่อหน้าเขา คิดหรือว่าเขาจะยอม? ไม่มีทางเด็ดขาด!

“เจ้า ..!”

ฉีมู่เสวี่ยมุมปากสั่นระริกด้วยความโกรธ เดิมต้องการสาปแช่งด่าทอ แต่ภายใต้การจับจ้องของซูเฉิน เธอกลับไม่อาจแสดงความกล้าออกมา ได้แต่หุบปากลงอย่างเชื่อฟัง

“สหาย นี่เจ้าจะไม่ทำเกินไปหน่อยหรือ?” ฉีมู่อวี้ใบหน้าบึ้งตึง กล่าวอย่างไม่พอใจ

ตระกูลฉีมีชื่อเสียงมาก ตอนแรกที่เธอยอมอ่อนข้อให้ก็นับว่ามากพอแล้ว แต่ซูเฉินกลับไม่ไว้หน้าพวกเธอเลย แถมยังกล้าลงมือต่อหน้าคนอื่นๆ ทำให้เธอเริ่มมีน้ำโหขึ้นมา

“ทำเกินไป?”

ซูเฉินแค่นเสียงหัวเราะ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “พวกแกต่างหากที่โจมตีฉันก่อน แถมยังพยายามขโมยสัตว์เลี้ยงวิญญาณของฉันอีก กล้าดียังไงมาบอกว่าทำเกินไป? ช่างหน้าไม่อาย!”

ถูกทวงถามโดยซูเฉิน ฉีมู่อวี้พูดไม่ออก

เป็นอย่างที่ซูเฉินบอก มันเป็นความผิดของพวกเธอตั้งแต่แรกจริงๆ

“แล้วเจ้าจะให้พวกเราทำอย่างไร?” ฉีมู่อวี้คิดครู่หนึ่ง ลองถามหยั่งเชิง

ความคิดของซูเฉินเริ่มหมุนวนอย่างช้าๆ หากสังหารสองพี่น้องตระกูลฉี อย่างน้อยน่าจะได้รับชิ้นส่วนหลายพันชิ้น บกกับสิ่งประดิษฐ์เทวะอีกสองชิ้น

แต่ถ้าทำแบบนั้น เขาจะกลายเป็นศัตรูกับตระกูลฉี ซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อการเดินทางสู่มิติภายนอกในภายหลัง ฉะนั้น–

–จะดีกว่าไหมหากใช้โอกาสนี้รีดไถพวกเธอ?

Ep.808

“เรื่องปล่อยพวกแก ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แค่ต้องมีค่าไถ่ตัวที่สมน้ำสมเนื้อ” ซูเฉินถูจมูก กล่าวเสียงเรียบ

“แล้วเจ้าต้องการอะไร?”

สีหน้าของฉีมู่อวี้เริ่มตึง เอ่ยถามกลับ

ก่อนหน้านี้เธอก็เอ่ยปากว่าจะมอบสมบัติให้ แต่ซูเฉินกับไปแม้จะชายตาแล

ฟังจากสิ่งที่เขาพูดมา แสดงว่าซูเฉินละโมบยิ่งกว่านั้น คิดทำตัวเป็นสิงโตปากใหญ่

“พวกแกทั้งคู่ไม่เพียงแต่เป็นทายาทสายตรงของตระกูลฉีเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ฝึกตนขั้น 10 อีกด้วย ถ้ามอบขยะมา มันมีแต่จะเพิ่มความอัปยศให้แก่สถานะของตัวเอง” ซูเฉินหรี่ตาลง กล่าวด้วยคำพูดที่แฝงไปด้วยความหมาย

“เป็นอย่างที่คิด เจ้าคิดทำตัวเป็นสิงโตปากกว้างจริงๆ” ฉีมู่อวี้กัดฟัน พึมพำกับตัวเอง

ซูเฉินจงใจจี้ให้เห็นถึงสถานะของพวกเธอ  เห็นได้ชัดว่าเจตนาจะเพิ่มราคารีดไถ เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

ซูเฉินผ่อนลมหายใจอย่างช้าๆ กล่าวต่อว่า “ตระกูลฉีของพวกแกคือขุมกำลังที่มีอำนาจในมิติภายนอก ฉะนั้นคงสั่งสมทรัพย์สมบัติมาไม่น้อย ลองบอกฉันมาสิ ว่าอะไรถึงจะคู่ควรกับชีวิตของพวกแก?”

ความหมายในคำพูดย่อมชัดเจน นั่นคือหากไม่นำสมบัติดีๆออกมา เรื่องหนีไปจากเงื้อมมือเขา เกรงว่าคงเป็นแค่ความฝัน

ฉีมู่อวี้ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ กล่าวอย่างช้าๆว่า “ข้าสามารถมอบผลึกมิติขั้น 1 แก่เจ้าได้ นอกจากนี้ยังมีอาวุธชั้นดีอีกบางส่วน”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

ซูเฉินแค่นเสียงหัวเราะ ก่อนที่สีหน้าของเขาจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นเย็นชา

อาศัยแค่ขยะพวกนั้น … คิดหรือว่าเขาจะยอมปล่อยไป?

ผลึกมิติคือสิ่งที่ได้มาจากสัตว์ร้ายมิติ คุณภาพของมันสูงกว่าหินพลังงานมากก็จริง ทว่าผลึกมิติขั้น 1 เทียบเท่าได้กับหินพลังงานขั้น 6 เท่านั้น

ซึ่งประเด็นก็คือ ในถุงเก็บของของซูเฉิน มีหินพลังงานขั้น 6 อยู่มากมาย แล้วค่าไถ่ตัวแค่นี้จะทำให้เขาสะดุดตาได้อย่างไร?

โดยเฉพาะอาวุธธรรมดา ยิ่งเป็นขยะในสายตาเขา

เห็นซูเฉินเริ่มโมโห หัวใจของฉีมู่อวี้สั่นสะท้าน เอ่ยถามอย่างร้อนรนว่า “งั้นเจ้าต้องอะไร?”

“หินพลังงานขั้น 9 ขึ้นไป ไม่ก็สมบัติศักดิ์สิทธิ์ของพวกพืชปีศาจ หรือจะเป็นแร่ล้ำค่าอย่างหัวใจจักรกลก็ได้” ซูเฉินกล่าวอย่างสบายๆ

ได้ยินแบบนั้น สองพี่น้องตระกูลฉีตะลึงลาน

พวกเธอก็พอรู้อยู่หรอกว่าซูเฉินคิดทำตัวเป็นสิงโตปากกว้าง แต่ไม่นึกว่าจะขอเวอร์วังซะขนาดนี้

หินพลังงานขั้น 9 ยังพอพูดได้ ตระกูลฉีของพวกเธอยังมีอยู่บ้าง แต่สมบัติศักดิ์สิทธิ์ของพืชปีศาจและหัวใจจักรกลเป็นสิ่งที่ยากนักจะครอบครอง กระทั่งขุมกำลังใหญ่เช่นตระกูลฉีของพวกเธอก็ไม่มีเช่นกัน

อู๋หยาจื่อและคนอื่นๆต่างอ้าปากค้าง ราคาที่ซูเฉินเสนอโหดเหี้ยมมาก กระทั่งหัวใจจักรกลยังกล้าเอ่ยออกมา

เห็นได้ชัดว่าเขาคิดใช้โอกาสนี้รีดไถตระกูลฉี

ใต้แผ่นฟ้า ผู้ที่กล้ารีดไถตระกูลฉี เกรงว่าคงมีซูเฉินเพียงคนเดียวเท่านั้น

“สมบัติศักดิ์สิทธิ์ของพืชปีศาจและหัวใจจักรกล พวกเราตระกูลฉีไม่มี แต่หินพลังงานขั้น 9 สามารถมอบให้เจ้าได้ เจ้าต้องการเท่าไหร่?” ฉีมู่อวี้กัดฟันถาม

“เห็นแก่หน้าตระกูลฉี ฉันจะยอมเสียเปรียบซักเล็กๆน้อยๆ เอาแค่ 100 ก้อนก็พอแล้ว” ซูเฉินกล่าวอย่างสบายๆ

จุดประสงค์ที่ขอหินพลังงานขั้น 9 เหตุผลส่วนใหญ่ก็เพื่อ [รถศึกอัจฉริยะ] และ [นักรบจักรกล]

แน่นอน เขายังทราบด้วยว่า อีกฝ่ายไม่สามารถนำหินพลังงานขั้น 9 ถึง 100 ก้อนออกมาได้

ส่วนเหตุผลที่เขาทำเช่นนี้ ก็เพื่อรอให้อีกฝ่ายต่อรอง

100 ก้อน?

ฉีมู่อวี้อ้าปากค้าง แทบสำลักลมหายใจตาย

ตอนแรก เธอคิดว่าซูเฉินขอมากสุดก็แค่ 8-10 ก้อน

เพราะท้ายที่สุดแล้ว หินพลังงานขั้น 9 มิใช่กะหล่ำปลี ที่หันไปทางไหนก็เจอ

ใครจะนึกฝันกัน  ว่าคำ 100 ก้อน จะออกจากปากซูเฉิน

ตอนนี้เธอชักเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้ว ว่าซูเฉินกำลังจงใจทำให้พวกเธอตกที่นั่งลำบาก ไม่ได้ตั้งใจปล่อยพวกเธอไป

“พวกเราไม่มีเยอะขนาดนั้น ข้าให้ได้สูงสุดแค่ 10 ก้อน” ฉีมู่อวี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเดือดดาล

“อ้อ ดูเหมือนว่าพวกแกคงไม่คิดไว้หน้าฉัน” ซูเฉินหรี่ตาลง รังสีฆ่าฟันแพร่กระจายออกจากร่างเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด