ตอนที่แล้วบทที่ 25 ไฟแห่งสงคราม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 27 ทดสอบด้วยตัวเอง

บทที่ 26 อลันฮิล เกรนาเดียร์


เมฆดำแห่งสงครามลอยอยู่เหนือ ทูเปา จริงๆแล้ว หลังจากที่รู้ว่าเมย์และเฟอร์รี่ถูกเซริสยึดไป ตง ปู้หลาน ลอร์ดแห่ง ทูเปา ก็เริ่มระมัดระวังเพื่อนบ้านของเขาแล้ว

  เจ้าเมือง ทูเปา อายุเกือบหกสิบปีคนนี้ถือได้ว่าเป็นตัวละครที่ทรงพลัง เทียบไม่ได้กับเจ้าเมืองเมย์และเฟอร์รี่ ทูเปายังเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแหล่งแร่มากมายและเศรฐกิจที่ดี

  มีทหารม้ามากถึง 1,000 คนใน ทูเปา ซึ่งเป็นกองทัพที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของเขาทหารม้าเหล่านี้มีม้าศึกที่ดีที่สุด พวกมันได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและสามารถต่อสู้ได้อย่างดีเยี่ยม แม้จะเผชิญหน้ากับชนเผ่าเร่ร่อนทางตอนเหนือ ที่มีทัพม้าที่ทรงพลัง ก็ยังไม่พ่ายแพ้

  และเมื่อหกเดือนก่อน เขาได้เป็นพันธมิตรกับ เป่ยจุน  และ ฮั่นไห่ เพื่อนบ้านของเขาทางทิศตะวันออก เพื่อกำหนดเป้าหมายไปยังอาณาเขตของอลันฮิล ซึ่งได้ครอบครองดินแดนเพิ่มถึงสามแห่ง

  ในทางกลับกัน เขายังเพิ่มราคาเหล็กที่ขายให้กับอลันฮิล โดยจำกัดปริมาณเหล็กที่ขายอย่างเคร่งครัด รีดไถเหรียญทองมากกว่า 150,000 เหรียญทอง นำมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง และทำให้อลันฮิล อ่อนแอลงในระดับหนึ่ง

  อาจจะเพราะมาจากสาเหตุนี้จึงเป็นผลให้เมื่อเช้านี้ เมืองอลันฮิลได้ส่งทูตมาประกาศสงครามกับทูเปาอย่างเป็นทางการ “แจ้งไปยัง เมืองเป่ยจุน และ เมืองฮั่นไห่สองเมืองถึงสงคราม รวบรวมกองกำลัง! ฉันอยากให้ไอ้โง่ คริส คนนั้นเห็นว่ากองทัพทหารม้า 2,500 นายแข็งแกร่งขนาดไหน!” เจ้าเมือง ตง ปู้หลานโบกมือสั่งผู้ใต้บังคับบัญชา

  "เป่าแตรศึก! รวบรวมทหารม้า! บุกเข้าไปในอาณาเขตของอลันฮิล เผา ฆ่า และปล้น เพื่อให้พวกที่อ่อนแอในอลันฮิล เห็นว่าสงครามที่แท้จริงเป็นอย่างไร!" เขาเริ่มจากตัวเขาเอง ยืนขึ้นเป็นคนแรก

  เจ้าหน้าที่หมดข้างก้าวไปข้างหน้าและสวมชุดเกราะไว้บนตัว ทหารม้าหนักของทูเปา ทหารม้าทีี่มีชื่อเสียงที่สุดภายในอาณาจักรอลันเต้ ไม่มีทหารราบหน่วยไหนที่จะรับมือกับการโจมตีที่หนักหน่วงจากทหารม้าทูเปาได้

  “ท่านต้องการรอให้ทหารม้าจากเป่ยจุนและฮั่นไห่มาถึงก่อนหรือไม่” เจ้าหน้าที่ถามด้วยเสียงต่ำ

  ตง ปู้หลาน โบกมือแล้วพูดว่า “การทหารต้องเร็ว! ถ้าฉันไม่ฉวยโอกาลอบโจมตีก่อน แล้วรอให้อลันฮิลมาถึง พวกมันจะใช้อาวุธที่เราไม่รู้จักยิงใส่เมืองของเรา เหมือนกับที่ยิงใส่เมย์และเฟอร์รี่ ถึงเราจะชนะแต่จะมีความเสียหายมากเกินไปสำหรับเมืองของเรา  ”

  ขญะที่เขาพูด เขาได้สวมชุดเกราะของเขาแล้ว: "ฉันต้องการใช้ความคล่องตัวของทหารม้าในการสกัดกั้น และจัดการพวกทหารราบทั้งหมดในที่ราบ !... ไม่ต้องกังวล ฉันเป็นทหารม้ามาทั้งชีวิต เรื่องแค่นี้ฉันทำได้' เอาชนะอลันฮิลที่มีแต่ทหารราบเป็นเรื่องง่ายๆ ”

  อีกด้านหนึ่ง บนพรมแดนระหว่างเมือง เซริส และ ทูเปา ทหารของ คริส ข้ามพรมแดนและเดินทัพไปข้างหน้าอย่างเข็มแข็ง

  “ฉันนึกไม่ออกว่าทหารของเราไม่สวมเกราะ... แบบนี้ในสนามรบ….” วากอน ยืนข้างคริส พูดด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว

  ก่อนสงคราม เขาเคยรายงานกับคริสเกี่ยวกับการขาดแคลนชุดเกราะและอุปกรณ์ในกองทัพ แต่จนถึงวันนี้ ปัญหานี้ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์

  ในกองทหารที่ 1 ทั้งหมดที่เข้าร่วมการต่อสู้ มีเพียงเจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้นที่สวมเกราะ และทหารคนอื่น ๆ ได้ใส่เครื่องแบบใหม่ทั้งหมด

  เครื่องแบบทหารรูปแบบใหม่เหล่านี้ประกอบด้วยเสื้อกางเกงแบบปกติและเข็มขัดติดอาวุธ ทหารแต่ละคนจะพกกระสุนปืนไรเฟิล 10 นัดในถุงกระสุนที่เอว นี่เป็นจำนวนกระสุนที่มากที่สุดสำหรับเราที่จะจัดหาได้ในตอนนี้

  ทหารแต่ละคนจะมีหอกยาวฟาลังซ์ สามารถเพิ่มระยะการต่อสู้กับทหารม้าได้ดี - และการออกแบบนี้ใช้เทคโนโลยีน้อยที่สุด วัสดุถูกที่สุดและการผลิตที่ประหยัดแรงงานที่สุด .

  อย่างไรก็ตามหอกยาวฟาลังซ์ไม่ได้ไม่มีข้อบกพร่อง กล่าวคือ อาวุธนี้สามารถใช้สำหรับแทงไปข้างหน้าเท่านั้นโดยไม่สามารถต่อสู้ในรูปแบบอื่นๆได้ แต่ตอนนี้ คริสไม่สนใจข้อเสียของมัน สิ่งที่เขาต้องการคือความยาวของหอกเพื่อให้ทหารของเขาสู้กับทหารม้าของทูเปาได้

เพื่อเพิ่มความได้เปรียบของทหารในการต่อสู้ระยะประชิด: เขาต้องการใช้ความยาวหอกเพื่อชดเชยการขาดแคลนกระสุนปืน

  อีกด้านของเอวมีกระเป๋าใส่ระเบิดแขวนอยู่: สิ่งนี้คือ "ของเล่น" ของคริส มันคือระเบิดมือ ที่ผลิตมาใช้เพื่อชดเชยการขาดแคลนของกระสุนปืน

  เพื่อเพิ่มความเร็วในการเดินทัพของทหาร ทหารแต่ละคนได้รับการแจกจ่ายรองเท้าบูทหนังยาวที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ รองเท้าประเภทนี้ก่อนหน้านี้เคยแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่ตอนนี้ เนื่องด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกลง พวกมันจึงได้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานของกองทัพอลันฮิล

  กระเป๋าเดินทางกลายเป็นสิ่งที่ทหารทุกคนต้องพกติดตัว กระเป๋าเป้ที่ออกแบบมาอย่างดีนั้นสะดวกมาก มีเครื่องนอนสำหรับพักผ่อนและของใช้ส่วนตัวที่สำคัญบางอย่าง เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้วที่อุปกรณ์เกือบทั้งหมดที่ผลิตโดยสายการผลิตเชิงอุตสาหกรรมของ อลันฮิล อยู่ในกระเป๋าใบนี้

  ประกอบด้วยสบู่ก้อนเล็กๆ สำหรับล้างมือ คู่มือการบำรุงรักษาอาวุธ กระจกทรงกลม เทียนหนึ่งเล่ ไม้ขีดไฟสองกล่อง หวีไม้ และที่โกนหนวด

  นอกจากนี้ยังสามารถเห็นได้จากสิ่งของที่ติดตัวทหารเหล่านี้ว่าผลิตภัณฑ์ของ อลันฮิล ได้เปลี่ยนแปลงโลกอย่างเงียบ ๆ และเปลี่ยนชีวิตของพลเรือนของอลันฮิล

  สิ่งที่ทำให้ผู้คนมีความสุขมาก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สวมชุดเกราะ เพราะทุกคนในกองทัพนี้ได้รับหมวกเหล็ก ซึ่งเป็นอุปกรณ์ป้องกันตัวที่ดูสง่างามมากในสายตาของเหล่าทหาร

  หมวกกันน็อคเหล็กประเภท M42 ประเภทนี้ง่ายต่อการผลิตและที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือหมวกชนิดนี้ทำให้ทหารธรรมดามีกำลังใจขึ้นมาในทันที ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้สึกว่าตัวเองดูดีมากเมื่อได้สวมหมวก

  หลังจากการจัดการดังกล่าว ภาพรวมกองทหารบกรุ่นแรกที่ ก็พร้อมจะเข้าสู่สนามรบแล้ว: สวมเข็มขัดติดอาวุธรูปตัว Y, กระเป๋าใส่กระสุนที่ห้อยลงมาจากเอวข้างขวา, หอกยาวแบบฟาลังซ์ ระเบิดมือสามลูกใส่กระเป๋าเล็กๆคาดไว้ที่อก กระเป๋าเดินทางแบกไว้บนหลัง สวมหมวกเหล็ก M42 อยู่บนหัว และสวมรองเท้าบูทหนังยาวหนึ่งคู่..

  มองยังไงก็ตาม หน่วยนี้มีเสน่ห์ของทหารราบสมัยใหม่อยู่แล้ว โดยรวมอุปกรณ์ทั้งหมดนี่ เทียบได้กับทหารราบตะวันตกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1

  น่าเสียดายที่ตอนนี้กระสุนของพวกเขามีไม่เพียงพอ และอุปทานด้านลอจิสติกส์ที่ย่ำแย่เป็นอย่างมาก ครั้งนี้ กองกำลังที่ เซริสระดมพลไม่ใช่แค่ทหาร 1 กองพัน 1,500 นาย แต่เขาทำมาถึง 2400 นายถึงถือว่าเป็นกองกำลังเกือบทั้งหมดของอาณาจักรที่เขาสามารถระดมออกมารบได้

  เนื่องจากคริสค้นพบก่อนการเดินทางว่ากองพันเดียว ไม่สามารถรับประกันการสนับสนุนด้านลอจิสติกส์ของสงครามได้ทั้งหมด เขาทำได้เพียงดึงกองกำลังบางส่วนจากกองกำลังอื่นเพื่อให้แน่ใจว่ากองกำลังทั้งหมดสามารถปฏิบัติการได้อย่างเป็นปกติ

  เขาดึงทหารม้า 500 นายจากกองพันที่ 2 และใช้เป็นหน่วยลาดตระเวน เพื่อหลีกเลี่ยงการซุ่มโจมตีจากทหารฝ่ายตรงข้าม ทหารม้าเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับศัตรูโดยตรง พวกเขาเพียงแค่ต้องแจ้งเตือนกองกำลังหลักล่วงหน้าเท่านั้น

  อีก 400 คนคือกองร้อยปืนใหญ่และกองกำลังขนส่งของเขา สองร้อยคนเป็นกองทหารขนส่งที่ซึ่งรับผิดชอบในการขนส่งเสบียงและวัสดุสำหรับการพิชิตอาณาเขตในครั้งนี้ พวกเขาถูกดึงมาจากหน่วยทหารม้าและรับผิดชอบในการขับรถเกวียนเพื่อให้แน่ใจว่าเสบียงของทหารจะถูกส่งมาถึงแนวหน้าอย่างต่อเนื้อง

  นอกจากนี้ยังมีคน 200 คนในหน่วยปืนใหญ่ แบ่งเป็น ปืนใหญ่สนามแบบ 75mm รุ่นใหม่ 20 กระบอก และปืนใหญ่รุ่นเก่า 90mm 10 กระบอก ดังนั้นคริสจึงมี ปืนใหญ่ 30 กระบอกมี แต่การที่มีขนาดลำกล้องของปืนใหญ่ที่แตกต่างกัน 2 แบบ สิ่งนี้ทำให้การจัดหากระสุนซับซ้อนยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ปัญหาใหญ่มากนัก เนื่องจากจำนวนกระสุนมีน้อย ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาด้านอุปทานลอจิสติกส์

  ด้วยเหตุนี้ การโจมตีภายนอกอาณาเขตตนเองครั้งแรกของอลันฮิล จึงเริ่มขึ้นอย่างกะทันหันระหว่างฤดูเก็บเกี่ยวในช่วงใบไม้ร่วง เหตุผลในการเลือกฤดูกาลนี้ส่วนใหญ่เป็นเพราะความคาดไม่ถึงและความต้องการของอุตสาหกรรมของอลันฮิลที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง - คริสเชื่อว่าเขามีความสามารถในการต่อสู้ที่รวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลว่าสงครามจะยืดเยื้อไปจนเข้าสู่ฤดูหนาว

  

ในทำนองเดียวกัน  ตง ปู้หลาน คิดว่ากองทหารม้าหนักของเขามีข้อได้เปรียบด้านในการใช้ทหารม้าเตรียมที่จะกำจัดทหารม้าของอลันฮิลให้สิ้นซาก ก่อนที่กองกำลังหลักของ คริส จะจะมาถึง

  แต่  ตง ปู้หลาน จอมวางแผนไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าทหารม้าของฝ่ายตรงข้ามจาก อลันฮิล จะกลายเป็นหน่วยสอดแนม ไม่ยอมสู้กับเขา หลังจากที่คู่ต่อสู้เห็นว่าว่าทหารม้าของเขากำลังมุ่งหน้าเข้าหา พวกมันได้วิ่งหนีไปทันทีด้่วยความที่ฝ่ายตรงข้ามสวมเกราะเบา ทหารม้าเกราะหนักเขาเขาจึงไล่ตามไม่ทัน ทหารม้าที่มาสอนแนมในระยะไกลเป็นเหมือนผีและพวกเขาจะไม่ยอมเข้าปะทะ  สิ่งนี้ทำให้ ตง ปู้หลาน รู้สึกหงุดหงิดมาก

ผมสร้างเพจแล้วนะครับ เข้ามาร่วมพูดคุยกันได้ที่

https://www.facebook.com/แปลทั้งวัน-102827605542947/?notif_id=1635775599713090&notif_t=page_fan&ref=notif

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด