ตอนที่แล้วระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 16 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงของมณฑล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 18 คำขอของหมอเฉิน

ระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 17 ลงมือรักษา


ตอนที่ 17 ลงมือรักษา

เมื่อทั้งคู่มาถึงโรงพยาบาล เฟิงกั๋วตงก็รีบพาเย่โม่ตรงไปที่ห้องพักของหวงเจิ้งหมิงที่อยู่ชั้น 5 แผนกผู้ป่วยในทันที

ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้อง เย่โม่ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่มีแต่ความโศกเศร้าท้อแท้ ในเวลานั้น มีผู้หญิงสองคนกำลังนั่งอยู่ข้างเตียงคนไข้ ใบหน้าของทั้งคู่ดูเคร่งเครียดหนักอกหนักใจเป็นอย่างมาก

ในเวลานั้น เฟิงกั๋วตงก็ได้ร้องเรียกหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ ซึ่งใบหน้าของเธอมีความละม้ายคล้ายคลึงกับเขามากทีเดียว

“มาแล้วเหรอ?”

หญิงวัยกลางคนเอ่ยปากทักทายด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว บ่งบอกถึงความหนักอกหนักใจ และความเหนื่อยล้าของร่างกาย

“อาสองคะสวัสดีค่ะ”

หญิงสาวที่ดูเหมือนจะยังอยู่ในวัยเพียงแค่ยี่สิบลุกขึ้นยืนทักทายทันทีที่เห็นเฟิงกั๋วตงเดินเข้ามา

“พี่เฉียน ฉันพาคนๆหนึ่งมาด้วย รับรองได้ว่าเขาจะต้องช่วยพี่เขยได้แน่ๆ! อย่ามองว่าเขายังเป็นแค่เด็กล่ะ พวกพี่ยังไม่รู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของเขา!”

หลังจากพูดจบแล้ว เฟิงกั๋วตงก็หันมาแนะนำเย่โม่ให้รู้จักกับพี่สาวและหลานสาวของตนเอง

“เสี่ยวโม่ นั่นพี่สาวของฉันเองชื่อว่าเฟิงเฉียน ส่วนนั่นก็หวงหยาน หลานสาวของฉันเอง”

ทันทีที่ได้ยินว่า มีคนที่สามารถรักษาหวงเจิ้งหมิงได้ สีหน้าของเฟิงเฉียนก็เปลี่ยนเป็นสดใส และมีความหวังขึ้นมาทันที แต่เมื่อเหลือบไปเห็นเย่โม่เข้า สีหน้าและแววตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นตกใจและไม่เชื่อ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นผิดหวังในที่สุด

“จะเป็นไปได้ยังไงกัน? แม้แต่หมอเก่งๆดังๆระดับอาจารย์ทั่วทั้งเมืองก็ยังไม่สามารถรักษาพ่อได้ แล้วนี่แค่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งเท่านั้น จะสามารถรักษาพ่อหนูได้ยังไงคะคุณอา? นี่คุณอาคงจะไม่ได้ถูกเด็กนี่หลอกเอาใช่มั๊ยคะ?”

หวงหยานร้องบอกเฟิงกั๋วตงด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่อยากจะเชื่อ และยังกำลังสงสัยว่าเย่โม่จะเป็นพวกสิบแปดมงกุฏที่เที่ยวหลอกต้มตุ๋นคนอื่นด้วยซ้ำ

“หยาน! หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้ว่าอาเป็นคนยังไง? เธอคิดว่าคนอย่างอาจะถูกคนหลอกได้ง่ายๆอย่างงั้นเหรอ? เสี่ยวเย่เป็นคนที่มีพรสวรรค์ แล้วก็เก่งมากคนหนึ่ง ไม่ใช่สิบแปดมงกุฏอย่างที่เธอคิด!”

จากนั้นเฟิงกั๋วตงก็ได้หันไปทางเย่โม่พร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด “หลานสาวของฉันยังเด็กไม่รู้อะไร เธออย่าได้ถือสาหลานสาวของฉันเลยนะเสี่ยวโม่!”

เย่โม่พยักหน้าอย่างไม่ใสใจอะไรนัก เขาเข้าใจดีว่า เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะเชื่อว่า เด็กหนุ่มในวัยยังไม่ถึงยี่สิบ และยังเรียนอยู่แค่มัธยมปลายอย่างเขา จะมีความสามารถรักษาโรคที่แม้แต่หมอเก่งๆยังไม่สามารถรักษาได้อย่างไร

“แต่… คุณอาคะ…”

แต่ยังไม่ทันที่หวงหยานจะได้พูดจบประโยค เธอก็ได้ยินเสียงของเฟิงเฉียนผู้เป็นแม่ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“อะไรกัน! นี่หมดหวังถึงขนาดต้องไปคว้าเด็กเมื่อวานซืนมารักษาเจิ้งหมิงแล้วเหรอ? อย่าลืมว่าเจิ้งหมิงเป็นพี่เขยแท้ๆ ทำไมเธอถึงได้กล้าเชื่อคำพูดของเด็กเมื่อวานซืนแบบนี้? หรือเห็นชีวิตของเจิ้งหมิงไม่มีความหมาย จะให้ใครมาเล่นมาลองยังไงก็ได้ ที่นี่เป็นห้องพักคนไข้ รีบๆพาเด็กนั่นออกไปจากที่นี่ซะ! อยู่ไปก็รังแต่จะส่งผลไม่ดีต่อเจิ้งหมิงซะเปล่าๆ”

“พี่เฉียน.. พี่ต้องเชื่อฉันสิ! ฉันจะกล้าล้อเล่นกับชีวิตของพี่เขยได้ยังไงกัน?”

เฟิงกั๋วตงร้องเตือนสติ สีหน้าของเขาดูผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปมองเย่โม่ด้วยแววตาขอโทษ เพราะเกรงว่าเขาจะโกรธจนเดินหนีออกไปจากห้องเสียก่อน

เย่โม่ถึงกับถอนหายใจออกมา ความจริงเขาเองก็ไม่ค่อยมั่นใจเต็มร้อยว่า ตนเองจะสามารถรักษาอาการป่วยของพี่เขยเฟิงกั๋วตงได้หรือไม่ และยิ่งมาเจอท่าทีการแสดงออกของภรรยากับลูกสาวเข้าแล้ว เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะไม่รักษาให้กับหวงเจิ้งหมิง

“ประธานเฟิงครับ ดูท่าผมคงจะไม่มีความสามารถรักษาอาการป่วยของพี่เขยคุณได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมของตัวกลับก่อนดีกว่าครับ”

เมื่อเห็นเย่โม่ทำท่าหันหลังจะเดินออกไปจากห้อง เฟิงกั๋วตงก็รีบคว้าแขนของเขาไว้ทันที พร้อมกับหันไปตวาดใส่หน้าเฟิงเฉียนเสียงดัง

“พี่เฉียน! เสี่ยวเย่ถือว่าเป็นแขกคนสำคัญของฉัน ทำไมพี่ถึงได้ปฏิบัติกับแขกของฉันแบบนี้? ฉันจะบอกความจริงอะไรให้ ไอ้โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังที่ทำให้ฉันต้องไอมานานนับสิบปี ก็ได้เสี่ยวเย่นี่ล่ะที่ช่วยรักษาให้จนหายขาด! ฉันกล้าพูดได้ว่า ถ้าแม้แต่เสี่ยวเย่ยังรักษาพี่เขยไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะหาใครที่สามารถรักษาเขาให้หายได้อีกเลย!”

ทั้งเฟิงเฉียนและหวงหยานต่างก็รู้เรื่องโรคประจำตัว และอาการไอไม่หายของเฟิงกั๋วตงดี เมื่อทั้งสองคนได้ยินว่า เด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นคนรักษาให้ จนทำให้ต้นเหตุของโรคที่เฟิงกั๋วตงเป็นหายขาด แววตาของทั้งสองคนจึงได้เปลี่ยนมามีความหวังขึ้นอีกครั้ง

“คุณเย่คะ ดิฉันขอโทษ เป็นความผิดของดิฉันเอง ได้โปรดช่วยสามีดิฉันด้วยเถิดนะคะ!”

“ฉันเองก็ขอโทษด้วยนะคะ ได้โปรดช่วยพ่อของฉันด้วย!”

เย่โม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พูดขึ้นว่า “ผมจะลองดูก็แล้วกัน แต่ไม่รับรองว่าจะได้ผลหรือเปล่านะครับ! พวกคุณต้องตัดสินใจเองว่ายังจะยินยอมให้ผมทำการรักษาให้หรือไม่?”

“พี่เฉียน พี่ต้องปล่อยให้เสี่ยวเย่ลองดู เพราะถ้าแม้แต่เสี่ยวเย่ยังรักษาไม่ได้ พวกเราก็คงหมดหวัง แต่ถ้าเขาสามารถรักษาพี่เขยได้ล่ะ?”

เฟิงกั๋วตงพูดทิ้งท้ายไว้แบบนั้น จากนั้นก็ปล่อยมือออกจากแขนของเย่โม่ ส่วนเฟิงเฉียนที่ไม่เห็นด้วยในครั้งแรก หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงได้ตัดสินใจตอบกลับไปว่า

“ได้! งั้นก็ให้คุณเย่ลองดู!”

เฟิงกั๋วตงยิ้มออกมาทันที และรีบหันไปบอกกับเย่โม่ว่า “เสี่ยวโม่ ยังมีอะไรจะพูดอีกมั๊ย?”

เย่โม่ไม่ตอบ แต่เดินตรงไปที่เตียงคนไข้ทันที จากนั้นจึงเอื้อมมือออกไปสัมผัสร่างที่แน่นิ่งของหวงเจิ้งหมิง ก่อนจะค่อยๆหลับตาลงเพื่อดึงเอาข้อมูลสำหรับรักษาอาการป่วยของหวงเจิ้งหมิงออกมาจากสมอง

นวดคลายเส้นลมปราณ กับวิชาสิบสองเข็มประตูนรก!

หลังจากพบวิธีที่จะสามารถใช้รักษาหวงเจิ้งหมิงได้แล้ว เย่โม่จึงได้หันไปบอกกับเฟิงกั๋วตงว่า “ผมอยากจะรบกวนประธานเฟิงช่วยให้ทางโรงพยาบาลจัดหาเข็มสำหรับใช้ในการฝังเข็มให้หน่อยจะได้มั๊ยครับ? ตอนนี้ผมจะช่วยนวดกดจุดเพื่อทำการรักษาอาการชา และเป็นอัมพาตเคลื่อนไหวไม่ได้ให้กับพี่เขยคุณก่อน”

หลังจากพูดจบ เย่โม่ก็เริ่มใช้วิธีการนวดกดจุดที่เขาเองก็ไม่เคยทำมาก่อน เขาเริ่มทำการกดนวดไปทั่วร่างของหวงเจิ้งหมิง และทำการกดจุดไปทั่วทั้งร่างของเขาตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า

จนกระทั่งสิบนาทีผ่านไป ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเฟิงกั๋วตง และเมื่อเห็นเย่โม่กำลังกดนวดไปตามร่างกายของคนไข้เช่นนั้น เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปหาเย่โม่พร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้าตวาดถามด้วยสีหน้าดุดัน

“นี่เธอกำลังทำอะไร?”

เย่โม่ไม่แม้แต่จะหันไปมองคุณหมอที่กำลังโมโห และยังคงบีบนวดไปตามขาทั้งสองข้างของหวงเจิ้งหมิงต่อไป

“นี่เธอรู้มั๊ยว่าถ้าไม่ระมัดระวัง อาจจะเกิดอันตราย..”

แต่พูดไปได้เพียงแค่นั้น ก็ยังไม่เห็นเย่โม่หันมามองหรือแม้แต่จะสนใจตนเอง คุณหมอในวัยกลางคนก็ถึงกับโมโหมากยิ่งขึ้น มือที่ยกขึ้นชี้หน้าเด็กหนุ่มถึงกับสั่นเทิ้ม

แต่แล้วระหว่างที่กำลังจะอ้าปากพูดต่อนั้น ดวงตาเล็กๆของเขาก็ถึงกับเบิกกว้าง นั่นเพราะเวลานี้ หวงเจิ้งหมิงที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลยนั้น จู่ๆ ก็สามารถขยับมือและเท้าได้แล้ว

เฟิงกั๋วตง เฟิงเฉียน และหวงหยาน ทั้งสามคนต่างก็ยืนมองด้วยดวงตาเบิกกว้างเช่นกัน และเวลานี้ห้องทั้งห้องก็ได้แต่เปลี่ยนเป็นเงียบสนิท ไม่มีใครสามารถพูดอะไรออกมาได้อีกเลยแม้แต่คนเดียว

เย่โม่หันไปถามเฟิงกั๋วตงว่า “ประธานเฟิงครับ ไม่ทราบว่าได้เข็มมารึเปล่าครับ?”

“ได้ๆๆ อยู่ที่คุณหมอเฉิน!”

“เอาล่ะ ตอนนี้อาการชาเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ของคนไข้ดีขึ้นมากแล้ว เดี๋ยวผมจะทำการฝังเข็มเพื่อทำให้เขาฟื้นคืนสติกลับมา”

“คุณหมอเฉินคะ ขอเข็มเงินในมือให้ผู้มีพระคุณของเราด้วยนะคะ!”

เฟิงเฉียนเป็นฝ่ายเอ่ยบอกหมอเฉิน พร้อมกับเปลี่ยนมาเรียกขานเย่โม่ว่าผู้มีพระคุณทันที เวลานี้ เธอได้เชื่อมั่นในตัวเย่โม่ขึ้นอย่างมาก

หากไม่ใช่เพราะคุณหมอเฉินอยู่ในห้องด้วย และได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยตาตัวเองแล้วล่ะก็ เขาก็คงจะไม่เชื่อแน่ว่า เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นคนรักษาคนไข้ที่แม้แต่หมอคนไหนก็รักษาไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น ในฐานะแพทย์ที่เป็นแพทย์ของโรงพยาบาล เขาจึงจำเป็นต้องมั่นใจว่า จะไม่เกิดความเสียหายใดๆต่อทางโรงพยาบาลได้

“ฉันจะให้เข็มเงินกับเธอ ก็ต่อเมื่อได้รับการยินยอมจากญาติคนไข้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรซะก่อน! ไม่อย่างนั้น หากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา ทางโรงพยาบาลจะต้องรับผิดชอบ”

จากนั้นหมอเฉินก็ได้หันไปพูดกับเฟิงเฉียนว่า ‘ผมคงต้องขอให้ครอบครัวผู้ป่วยช่วยลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ยินดีที่จะให้เด็กหนุ่มคนนี้ทำการรักษาคนไข้ และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ทางโรงพยาบาลจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น!”

“ไม่มีปัญหาค่ะ ทางเรายินดีเซ็นเอกสาร และไม่ว่าผลการรักษาจะเป็นยังไง ทางเราจะไม่ตำหนิว่าเป็นความผิดของทางโรงพยาบาลโดยเด็ดขาด” เฟิงเฉียนรีบตอบกลับไปทันที

“แล้วคุณล่ะคุณหมอ คุณมีอะไรคัดค้านไหม?”

แม้ว่าจะไม่รู้ต้องเรียกเย่โม่อย่างไร แต่ในฐานะที่เขาเองก็กำลังทำหน้าที่แพทย์คนหนึ่ง และแม้จะไม่รู้ว่าเย่โม่เป็นใคร แต่หมอเฉินก็ยังให้เกียรติเรียกขานอีกฝ่ายว่าหมอเช่นเดียวกัน

“ผมไม่มีอะไรคัดค้านครับ!”

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หมอเฉินจึงรีบไปนำใบปฏิเสธความรับผิดชอบของทางโรงพยาบาลมาให้ครอบครัวของคนไข้เซ็น และเฟิงเฉียนกับหวงหยานก็รีบเซ็นโดยไม่ลังเล

--------------------------

ติดตามนิยายแปลสนุกๆอีกหลายเรื่องได้ที่เพจ  : แปลสนุก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด