ตอนที่แล้วบทที่ 453 ไม่ได้รับอนุญาตให้นอนด้วย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 455 ค้างคืน

บทที่ 454 ออกเดินทาง(ตอนฟรี)


บทที่ 454 ออกเดินทาง

บรึ้มม~~~!

เสียงคำรามของเครื่องยนต์ค่อยๆ ดังขึ้น เมื่อมองจากระยะไกล จะเห็นรถออฟโรดสีดำสองคันและรถ MPV (รถอเนกประสงค์) คันหนึ่งเพิ่งผ่านด่านเก็บค่าผ่านทางและเร่งความเร็วขึ้น

ป้ายที่อยู่ด้านบนของด่านเก็บค่าผ่านทางมีตัวอักษรตัวใหญ่สองตัวเขียนไว้ว่า ‘เจียงโจว’

นี่คือด่านเก็บค่าผ่านทางเจียงโจวและเป็นหนึ่งในทางหลวงไปยังเมืองอื่นๆ รถสามคันนั้นมี รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ 1 คัน( Mercedes-Benz Big G ) รถแลนโรเวอร์ 1 คัน ( Land Rover ) และรถ เมอร์เซเดส-เบนซ์สำหรับธุรกิจอีก 1 คัน (Mercedes-Benz MPV) พูดกันตามตรง นี่ไม่ใช่ขบวนรถที่หรูหราอะไร แต่หลายคนที่อยู่ในรถดูตื่นเต้นกันมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ออกเดินทางไกลกันหลายคนและยังเป็นการเดินทางไกลที่มีเป้าหมาย พวกเขารู้สึกราวกับว่ากำลังปฏิบัติภารกิจอยู่

“เจ้าบ้า นายรู้ทางใช่มั้ยเนี่ย?” จางเล่ยที่ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ (MPV) กำลังถือวิทยุสื่อสารไว้ในมือและถามด้วยท่าทางกระตือรือร้น

จี้เฟิงที่ขับรถแลนด์โรเวอร์ เขามองไปที่กระจกมองหลังและเห็นเซียวหยูซวนกับถงเล่ยที่นั่งอยู่ด้านหลังกำลังเม้มปากและหัวเราะเบาๆ

จี้เฟิงเปิดวิทยุสื่อสารขึ้นมา เขายิ้มและพูดว่า “เล่ยซือ นายตั้งใจขับรถให้ดีเถอะ เหล่าตู้ ฮั่นจง จ้าวไคต่างก็นั่งอยู่ในรถนายกันหมด ถ้านายมัวแต่คุยโม้ พวกเขาได้จัดการนายคาพวงมาลัยรถแน่!”

“โอเคๆ!” จางเล่ยหัวเราะและวางวิทยุสื่อสารลงและพูดกับอีกสามคนว่า “ไปหยุนเฉิงคราวนี้ แม้ว่าจะขับรถโดยไม่หยุดพักเลย ก็ใช้เวลาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสิบชั่วโมง ตลอดการเดินทางคงสนุกน่าดู...”

จ้าวไคที่นั่งอยู่ตรงกลางของรถ MPV ดันแว่นตาขึ้นและพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ฉันได้ตรวจสอบเส้นทางมาบ้างแล้ว หากเราเดินทางด้วยความเร็วตามกฎหมายกำหนดบนเส้นทางหลวง มันจะมีแต่ความน่าเบื่อ ไม่มีอะไรที่จะทำให้สนุกได้เลย...”

ตู้เส้าเฟิงอดไม่ได้ที่จะเบ้ปากและพูดอย่างเซ็งๆว่า “เหล่าจ้าว ทำไมนายถึงชอบทำให้กร่อยได้ตลอดเลยล่ะ ต่อให้เราจะวิ่งบนทางหลวงยาวๆ แต่เราก็สามารถหยุดพักในพื้นที่บริการได้ นอกจากนี้จุดพักของทางหลวงหากเราต้องการ เราก็สามารถทำกิจกรรมปิกนิกได้ แล้วแบบนี้ไม่น่าสนุกเหรอ?”

ตอนนี้แม้แต่จางเล่ยก็มีสีหน้าดำคล้ำ เพราะเขาเองก็ตั้งใจขับตรงไปยาวด้วยความเร็ว เบื่อเมื่อไหร่จะได้มีเวลาพักผ่อนปิกนิก แต่ยังดีที่แม้แต่ตู้เส้าเฟิงก็ยังคิดได้!

“นั่งดีๆ ฉันจะเร่งความเร็วแล้ว!” จางเล่ยหัวเราะคิกคัก และเหยียบคันเร่งที่เท้าของเขา เสียงของเครื่องยนต์ รถMPV ดังขึ้นและพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นจางเล่ยขับรถแซงไป จี้เฟิงก็ส่ายหัวและพูดผ่านวิทยุว่า “เล่ยซือ อย่าขับรถเร็วเกินไป ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก!”

“วางใจเถอะ ฉันรู้ขอบเขตหรอกน่า!” จางเล่ยหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ฉันยังไม่ได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นให้คุ้มค่าเลย และฉันก็เป็นคนรักชีวิตตัวเองมาก ดังนั้นฉันจะไม่ล้อเล่นกับความปลอดภัยแน่นอน!”

จี้เฟิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และกล่าวว่า “เล่ยเล่ย พี่ชายของเธอนิสัยแบบนี้ ฉันเกรงว่าเขาคงจะเปลี่ยนไม่ได้แล้วล่ะ!”

ถงเล่ยย่นจมูกน่ารักของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงคมชัดว่า “เขาน่ารำคาญจะตาย สงสัยต้องรายงานคุณพ่อซักหน่อยแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะเหลิง!”

จี้เฟิงและเซียวหยูซวนหัวเราะออกมาพร้อมกันทันที ถ้าถงเล่ยฟ้องถงไค่เต๋อพ่อของพวกเขาจริงๆ จางเล่ยคงได้เจอปัญหาหนักแน่!

“จี้เฟิง ครั้งนี้นายกับพี่รองไปหาคน แต่พวกเราตามมาด้วยแบบนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อนายกับพี่รองเหรอ?” เซียวหยูซวนอดถามไม่ได้ “ไปทำธุระแท้ๆ แต่ยกโขยงไปกันเยอะแยะแบบนี้จะไม่วุ่นวายแย่เลยเหรอ?”

“ไม่ใช่ว่าพวกเธอตกลงกันแล้วหรอกเหรอ? หลังจากไปถึงหยุนเฉิงแล้ว พวกเธอกับพวกจางเล่ยก็เดินเที่ยวเล่นแถวนั้นก่อน ส่วนฉันกับพี่รองจะไปทำธุระกัน ถ้าแบบนั้นพวกเธอจะได้เที่ยวชมทิวทัศน์ของเมืองเหนือด้วยไง” จี้เฟิงยิ้ม

แต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาจี้เฟิงก็ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นอยู่ในใจ

ความจริงแล้วเขาตั้งใจจะไปกับพี่รองของเขาแค่สองคน เพราะจะได้ทำความเร็วตรงดิ่งไปที่เมืองหยุนเฉิงเลย เพื่อไปตามหาป้าหลี่เยี่ยฉินให้ไวที่สุด

แต่พอจางเล่ยและคนอื่นๆได้ยินว่าจี้เฟิงกำลังจะขับรถไปเมืองหยุนเฉิง พวกเขาก็เริ่มสนใจทันที พวกเขาจึงวางแผนมาดักรอจี้เฟิงที่หน้าวิลล่าตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อที่จะได้ไปพร้อมกันกับจี้เฟิง

แม้ว่าจี้เฟิงจะบอกว่าเขาไปทำธุระ ต้องการไปหาคน แต่จางเล่ยและคนอื่นๆก็ไม่สนใจ เพราะพวกเขาไม่ได้วางแผนที่จะตามหาด้วย เพียงแต่ต้องการสัมผัสกับความสุขของการเดินทางไกล

การเดินทางจากเจียงโจวไปยังเมืองหยุนเฉิงนั้นต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ชั่วโมง ในการเดินทางด้วยความเร็วปกติโดยไม่หยุดพักเลย แต่ตามปกติแล้วการเดินทางไกลจะต้องมีการหยุดพัก อาจจะ 2-3ครั้ง เพื่อลงไปยืดเส้นยืดสายหรือพักกินข้าวเข้าห้องน้ำ ดังนั้นอาจจะต้องใช้เวลารวมแล้วๆ 1 วันเต็มๆ

แม้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะไม่ไกลเท่ากับการเดินทางไปยังทิเบต แต่ก็นับว่าเป็นการเดินทางไกลอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าระหว่างทางจะไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรือมีอะไรให้เล่น แต่อย่างน้อยการขับรถไปกับเพื่อนๆ ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจแล้ว

แน่นอนว่าถ้าขับรถคนเดียวจากเจียงโจวไปจนถึงเมืองหยุนเฉิงก็จะทำให้คนขับรู้สึกเหนื่อยล้ามาก แต่ถ้ามีคนไปด้วยหลายคนก็แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องนี้ เพราะคนที่มาด้วยกันนอกจากถงเล่ยและตู้เส้าเฟิงที่ขับรถไม่เป็นแล้ว คนอื่นๆก็ขับรถได้หมด ไม่ต้องกังวลเรื่องความเหนื่อยล้า

สำหรับข้อดีในเรื่องนี้ จี้ช่าวเหลยพี่รองของจี้เฟิงก็เห็นด้วยและไม่ได้ปฏิเสธอะไร ในความคิดของเขา ขอแค่ไม่กระทบต่อจุดประสงค์ในการเดินทางครั้งนี้ ทุกอย่างก็ไม่ใช่ปัญหา ยิ่งไปกว่านั้น คนเหล่านี้ต่างก็เป็นเพื่อนของจี้เฟิง จี้ช่าวเหลยจึงไม่ได้คัดค้านอะไร และเขาก็เชื่อว่าจี้เฟิงจะต้องรู้เรื่องนี้ดีเช่นกัน

และก็เป็นดังคาด เมื่อจี้เฟิงบอกกับเขาว่าจางเล่ยและคนอื่นๆ ไม่ได้มีส่วนร่วมในการตามหาคน พวกเขาเพียงแค่อยากสัมผัสกับความแปลกใหม่ระหว่างการเดินทาง และในขณะเดียวกันก็อยากไปเที่ยวชมเมืองเหนืออย่างเมืองหยุนเฉิงด้วย และเมื่อพบคนที่ตามหาแล้ว พวกเขาก็จะเดินทางกลับเจียงโจวพร้อมกัน

จี้ช่าวเหลยพยักหน้าเห็นด้วยทันที เพราะนี่แทบจะไม่มีผลกระทบอะไรเลย

อย่างไรก็ตามมันค่อนข้างยุ่งยาก

เนื่องจากจี้ช่าวเหลยไม่ได้รู้ล่วงหน้านานนักว่าจางเล่ยกับคนอื่นๆจะไปด้วย เขาเลยเตรียมรถเบนซ์ออฟโรดไว้แค่คันเดียว ส่วนรถ BMW X6 ของจี้เฟิงที่ขับชนจนพังก็ยังอยู่ที่ร้าน4S และรถที่ร้าน 4S ให้มาจี้เฟิงไม่กล้าเอามาใช้ขับทางไกล ใครจะรู้ว่ารถที่ไว้ใช้ชั่วคราวแบบนั้นจะขับไปได้ไกลแค่ไหน ถ้าจู่ๆเกิดแผลงฤทธิ์บนทางด่วนขึ้นมา ก็คงไม่รู้ว่าจะร้องเพลงอะไรดี

วอลโว่ของเซียวหยูซวนก็จุคนไม่ได้มาก สุดท้ายก็ได้แต่ตัดตัวเลือกนี้ทิ้งไป

โชคดีที่ฮั่นจงพอจะมีเส้นสาย เลยได้เป็นรถแลนด์โรเวอร์และเมอร์เซเดส-เบนซ์มาอย่างละคัน นั่นจึงเป็นการแก้ปัญหาเรื่องที่รถไม่พอไปได้

และเมื่อเห็นว่าจางเล่ยและคนอื่นๆตามไป จี้เฟิงจึงพาเซียวหยูซวนและถงเล่ยไปด้วย อย่างที่พอจะทราบ จี้เฟิงรู้จักคนในเจียงโจวเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ถ้าเพื่อนกลุ่มนี้ของเขาไปด้วยทั้งหมด ในเจียงโจวก็ไม่มีใครที่เขาพอจะฝากฝังได้แล้ว

และถ้าระหว่างที่เขาไม่อยู่ เซียวหยูซวนและถงเล่ยเกิดมีปัญหาขึ้นมา นอกจากจะต้องไปรบกวนอารองแล้ว จี้เฟิงก็ไม่รู้แล้วว่าจะไปพึ่งพาใครดี

ดังนั้นจี้เฟิงจึงต้องการให้พวกเธอไปด้วยกัน เพราะนอกจากจะป้องกันเรื่องอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้แล้ว ยังเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ของกันและกันให้แน่นแฟ้นขึ้นอีกด้วย เท่ากับว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!

จากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะคิกคักของเซียวหยูซวนและถงเล่ย จี้เฟิงก็รู้ได้เลยว่าพวกเธออารมณ์ดีแค่ไหน

ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบความโรแมนติก แม้ว่าครั้งนี้จี้เฟิงจะไม่ได้ตั้งใจพาพวกเธอไปเที่ยว แต่ถึงอย่างไรก็ถือว่าเป็นการเดินทางไกลร่วมกัน พวกเธอจึงมีความสุข

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้ม เดิมทีการเดินทางครั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องน่าสนุก มันออกจะหดหู่ใจด้วยซ้ำ แต่พอตอนนี้เขาได้บ่นจางเล่ยและได้ยินเสียงหัวเราะของคนอื่นๆ เขาก็รู้สึกได้ว่าอารมณ์ของเขาดีขึ้นมาก และยังมีเซียวหยูซวนกับถงเล่ยติดตามเขาไปด้วย มันยิ่งทำให้เขารู้สึกอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย ความรู้สึกหงุดหงิดกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย

คนเยอะเรื่องเยอะก็จริง แต่ความครึกครื้นที่เกิดขึ้นก็นับว่ายังมีประโยชน์อยู่บ้าง

ทันใดนั้นเสียงพูดคุยซุบซิบก็ดังขึ้นเบาๆ จี้เฟิงมองไปที่กระจกมองหลังและพบว่าเซียวหยูซวนและถงเล่ยกำลังนั่งเอนกายพิงกันและซุบซิบกันอย่างสนิทสนม

“อยากรู้จังว่าสองสาวกำลังซุบซิบอะไรกันอยู่?” จี้เฟิงถามในขณะที่ขับรถ

ใบหน้าของเซียวหยูซวนแดงระเรื่อและอดไม่ได้ที่จะพ่นลมออกจมูก “หึ! เรื่องของผู้หญิงเขาจะคุยกัน นายจะรู้ไปทำไม?! ตั้งใจขับรถของนายให้ดีเถอะ!”

จี้เฟิงผงะไปเล็กน้อย ทำไมถึงดุจังล่ะเนี่ย...?

แต่เมื่อเขามองผ่านกระจกและเห็นว่าใบหน้าของทั้งสองสาวเป็นสีแดงเข้ม ดวงตากลมโตของพวกเธอแวววาวชุ่มฉ่ำ ความแปลกใจของเขาก็หายไปและแทนที่ด้วยความภาคภูมิใจ

จี้เฟิงมั่นใจว่าเซียวหยูซวนและถงเล่ยจะต้องพูดถึงเรื่องเมื่อคืนนี้อย่างแน่นอน

เพราะรู้ว่าจี้เฟิงจะออกจากเจียงโจวตั้งแต่เช้าตรู่ สองสาวจึงรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ดูเหมือนว่าทั้งสองสาวจะตกลงกันแล้ว พวกเธอไม่ได้ล็อกประตูห้องนอน

ในที่สุดเซียวหยูซวนก็เป็นคนที่เดินออกมาก่อน แต่กลับผลักจี้เฟิงเข้าไปในห้องของถงเล่ยอย่างอ่อนโยน

พอรู้ว่าจี้เฟิงกำลังจะจากไป แม้แต่ถงเล่ยที่ขี้อายและสงวนตัวอยู่เสมอนี้ยังแสดงความต้องการออกมาอย่างเปิดเผย เธอพยายามซึมซับความสุขร่วมกับจี้เฟิงอย่างเต็มที่ และครั้งนี้เธอก็ปล่อยตัวปล่อยใจให้เป็นไปตามความรู้สึก แม้กระทั่งปล่อยให้เซียวหยูซวนได้ยินเสียงครวญครางของเธอ

เมื่อเสียงกรีดร้องแห่งความสุขของถงเล่ยดังขึ้น ร่างกายที่สวยงามสมบูรณ์แบบของเธอก็กระตุกสั่นอยู่พักใหญ่ และแล้วความวาบหวามภายในห้องจึงจบลง

หลังจากอุ่นเครื่องกันต่ออีกพักหนึ่ง ถงเล่ยก็ผล็อยหลับไปด้วยความอิ่มเอมใจ จี้เฟิงก็ไปที่ห้องนอนของเซียวหยูซวนอีกครั้ง

ในคืนนี้จี้เฟิงและสองสาวต่างปลดปล่อยความต้องการของตัวเองออกมากันอย่างเต็มที่ ซึ่งกินเวลาไปจนถึงรุ่งเช้ากว่ามันจะสิ้นสุดลง

ใครจะว่าในวันรุ่งขึ้นทุกคนจะได้เดินทางไปด้วยกันทั้งหมด โดยที่ทั้งสองสาวไม่ได้ถูกทิ้งให้อยู่บ้าน

เซียวหยูซวนรู้สึกหมดเรี่ยวแรงแต่ถงเล่ยนั้นสบายดี เพราะเธอได้นอนหลับไปหลายชั่วโมง แต่เซียวหยูซวนนั้นแทบไม่ได้นอนเลย เธอจึงรู้สึกอ่อนเพลียมาก

เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ มุมปากของจี้เฟิงก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “หยูซวน เล่ยเล่ย พวกเธอนอนก่อนเถอะ ไว้มีอะไรฉันจะเรียกแล้วกันนะ!”

เซียวหยูซวนและถงเล่ยเห็นรอยยิ้มของจี้เฟิงผ่านกระจกมองหลัง พวกเธอก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที ใบหน้าขาวเนียนของพวกเธอลายเป็นสีแดงและพากันถลึงตาใส่จี้เฟิงอย่างดุร้าย แต่พวกเธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

พวกเธอรู้ดีว่าเวลาจี้เฟิงอยู่กับพวกเธอ เขาเหมือนเป็นแบดบอยที่ดูไม่จริงจังเลย ดังนั้นใครจะรู้ว่าจู่ๆเขาจะพูดโพล่งอะไรขึ้นมาอีก

ทั้งสองสาวมองหน้ากัน และในขณะเดียวกันก็ยิ้มอย่างเขินอาย จากนั้นก็หลับตาลง ไม่รู้ว่าพวกเธอหลับไปแล้วหรือไม่

จี้เฟิงที่เห็นสองสาวหลับตาลงก็ละสายตามามองถนนเบื้องหน้า เส้นทางที่กำลังมุ่งตรงไปยังเมืองหยุนเฉิง

ป้าหลี่เยี่ยฉิน คุณเป็นคนแบบไหนกันแน่?

แล้วผมจะปฏิบัติกับคุณ...และลูกๆ ของคุณยังไงดี...?!

...จบบทที่ 454 ~

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด