ตอนที่แล้วระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 11 ต่อรอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 13 ภารกิจปรากฏ

ระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 12 กลับไปอยู่ฉางเฟิง


ตอนที่ 12 กลับไปอยู่ฉางเฟิง

เฟิงกั๋วตงยกนาฬิกาในมือขึ้นดู และพบว่าเป็นเวลาใกล้เที่ยงพอดี เขาจึงบอกกับเย่โม่ว่า

“นี่ก็เที่ยงพอดี พวกเราไปหาอะไรกินกันก่อน จากนั้นค่อยไปจัดการโอนบ้านให้เรียบร้อย เธอจะได้ย้ายเข้าไปอยู่ได้ทันที ถึงแม้ฉันจะไม่ได้อยู่ที่นั่นก็จริง แต่ก็มีคนไปคอยเก็บกวาดทำความสะอาดอยู่ทุกอาทิตย์ อีกอย่าง ในบ้านก็มีทั้งเฟอร์นิเจอร์แล้วก็ของใช้จำเป็นครบหมดแล้ว เรียกได้ว่าไปแต่ตัวก็อยู่ได้เลย จะย้ายมาคืนนี้เลยก็ได้นะ”

“ตกลงครับ หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว พวกเราก็ไปทำเรื่องโอนกันเลย แต่ผมจะขอโอนเป็นชื่อลุงกับป้านะครับ”

หลังจากนั้น เฟิงกั๋วตงก็ได้โทรไปสั่งทางโรงแรมให้เตรียมอาหารไว้ให้กับเขา จากนั้น ก็ได้สั่งคนขับรถให้พาตนกับเย่โม่ไปที่โรงแรมเฉิงเฟิงเพื่อรับประทานอาหารเที่ยง

ระหว่างทางที่นั่งรถไปนั้น เย่โม่ก็ได้โทรไปหาลุงกับป้าสะใภ้ และได้บอกเรื่องที่เขาจัดการซื้อบ้านให้ทั้งคู่ฟัง จากนั้น จึงได้ขอให้พวกเขาช่วยเตรียมเอกสารที่จำเป็นสำหรับโอนบ้าน เพื่อไปทำการโอนที่สำนักงานที่ดินตอนบ่ายสองครึ่ง

บนโต๊ะอาหารเวลานี้ มีทั้งซุปร้อนๆ และอาหารหน้าตาน่ากินวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นไก่ เป็ด ปลา เนื้อ และผักชนิดต่างๆ

เย่โม่ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างไม่เกรงใจ เนื่องจากร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นจากเดิมมาก ทำให้ต่อมเจริญอาหารของเขาดูเหมือนจะมากกว่าคนปกติทั่วไป ในเวลาเพียงไม่นาน เย่โม่ก็กวาดอาหารทั้งหมดที่วางอยู่บนโต๊ะลงท้องจนหมดเกลี้ยง

เฟิงกั๋วตงจ้องมองเย่โม่ที่กินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย และกินได้ในปริมาณที่มากอย่างน่าตกใจ เขาทั้งประหลาดใจ และยิ่งรู้สึกสนใจในตัวเด็กหนุ่มคนนี้มากขึ้น

“เสี่ยวเย่ อิ่มมั๊ย? ถ้ายังไม่อิ่ม ฉันจะให้พ่อครัวทำมาเพิ่มอีกสองสามอย่าง!”

“อิ่มครับ อาหารที่นี่อร่อยมากจริงๆ สมแล้วที่โรงแรมเฉิงเฟิงเป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองนี้!” เย่โม่เอ่ยชมพร้อมกับเอามือลูบท้องที่อิ่มแปล้ และไม่ลืมที่จะยกนิ้วโป้งชูให้

เฟิงกั๋วตงหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี “ฮ่าๆๆ เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว! ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ หรือข้าราชการระดับสูง ทุกคนที่มาฉางเฟิงต่างก็ต้องเลือกพักที่โรงแรมของฉันเป็นที่แรกทั้งนั้น!”

จากนั้น ทั้งสองคนก็นั่งคุยกันต่ออีกสักพัก และเมื่อเห็นว่าได้เวลาที่ลุงกับป้าของเขาใกล้จะมาถึงแล้ว เย่โม่จึงได้ลุกขึ้นยืนพร้อมบอกกับเฟิงกั๋วตงว่า

“ประธานเฟิงครับ ผมขอตัวไปรับลุงกับป้าที่สถานีรถไฟก่อน รบกวนคุณไปรอผมที่สำนักงานที่ดินเลยนะครับ”

“เสี่ยวเย่ ให้คนขับรถของฉันขับไปส่งเธอที่สถานีดีมั๊ย?”

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ ผมนั่งแท็กซี่ไปเองได้ พวกเราไปเจอกันที่กรมที่ดินตอนบ่ายสองครึ่งเลยก็แล้วกัน!”

จากนั้น เย่โม่ก็เดินออกไปจากห้องอาหารทันที และรีบเรียกแท็กซี่ไปที่สถานีรถไฟตะวันออก จนกระทั่งเวลาบ่ายโมงสี่สิบนาที ทั้งเย่เจี้ยนกัวและเจียงหมินก็มาถึง

“โม่! ทำไมถึงใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้ เงินที่เหลือทำไมไม่เก็บไว้เป็นทุนเรียนหนังสือ แล้วก็เป็นเงินสินสอดในอนาคต เอามาซื้อบ้านทำไมกัน?”

ทันทีที่เห็นหน้าเย่โม่ เจียงหมินก็เริ่มบ่นทันที

“ป้าครับ อย่ากังวลใจไปเลยครับ ถ้าวันนี้ผมหาเงินได้ขนาดนี้ วันข้างหน้าผมก็ต้องหาได้มากกว่านี้อยู่แล้ว!” เย่โม่ร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นตบหน้าอกตัวเองอย่างมั่นใจ

หลังจากที่ได้เห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของหลานชายเข้า เย่เจี้ยนกัวก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนจะหันไปบอกเจียงหมินให้เลิกบ่นเสียที

“แล้วบ้านที่ซื้ออยู่ที่ไหนเหรอ?”

“อยู่บริเวณจตุรัสหยินเย่ว เนื้อที่ประมาณ 180 ตารางเมตรครับ ที่ผมโทรเรียกลุงกับป้ามาก็เพราะต้องการจะโอนเป็นชื่อของลุงกับป้า แล้วพรุ่งนี้ ผมก็จะหาโรงเรียนที่ดีที่สุดในเมืองให้กับเจียเจีย”

เจียงหมินเป็นคนเฉลียวฉลาด เธอสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ จึงได้รีบร้องถามเย่โม่ไปว่า “นี่โม่ เธอไม่ได้ปิดบังอะไรป้ากับลุงใช่มั๊ย?”

เย่โม่ได้แต่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากเรียบเรียงคำพูดในหัวแล้ว เขาก็ได้เล่าเรื่องข้อตกลงระหว่างเขากับเฟิงกั๋วตงให้ทั้งสองคนฟังทันที

สีหน้าของเจียงหมินเปลี่ยนเป็นกระวนกระวายขึ้นมาทันที เธอรีบคัดค้านเสียงแข็ง “ไม่ได้นะโม่! เธอจะบอกสูตรลับยาให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด! ทำไมเธอถึงไม่เชื่อฟังคำพูดของป้าบ้าง?”

“ป้าครับ ใจเย็นๆก่อน! อย่าเพิ่งตื่นตระหนกตกใจไปนัก ผมกับประธานเฟิงทำข้อตกลงแบ่งรายได้กัน 80/20 แล้วผมก็ได้วางแผนที่จะลดประสิทธิภาพของยาลงจากเดิมสองหรือสามส่วน”

“นี่หมิน อย่าตื่นตระหนกไปนักเลยน่า! โม่โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากแล้วนะ เธอเองก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอ?” เย่เจี้ยนกัวเองก็รีบพูดสนับสนุนทันที

“ลุงครับ ป้าครับ! หลังจากที่ผมเซ็นสัญญากับประธานเฟิงแล้ว ลุงกับป้าก็ต้องมาช่วยงานผมด้วย สองคนต้องเข้าไปทำงานที่โรงงานยาของประธานเฟิง เขาจะให้ค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนหนึ่งหมื่นหยวน!”

เย่เจี้ยนกัวกับเจียงหมินหันไปมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง นั่นเพราะ จู่ๆเย่โม่ที่เป็นเพียงแค่เด็กมัธยมปลายคนหนึ่ง กลับเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในเวลาอันรวดเร็ว

“ดีๆ! ลุงจะไม่ทำงานที่ไซต์ก่อสร้างแล้ว จะมาช่วยเธอทำงานเอง!”

หลังจากนั้น ลุง ป้าสะใภ้ และหลานชายต่างก็โผเข้ากอดกันแน่น

เฟิงกั๋วตงนั้นเป็นคนที่มีชื่อเสียง และมีหน้ามีตาในฉางเฟิง การโอนบ้านจึงใช้เวลาเพียงแค่สั้นๆ ในขณะเดียวกัน เขาก็ใช้โทรศัพท์โทรกริ๊งเดียว ก็สามารถย้ายเย่เจียเจียน้องสาวคนเล็กของเย่โม่มาเรียนโรงเรียนในเมืองได้แล้ว

ด้วยเหตุนี้ ไม่เพียงเย่เจี้ยนกัวกับเจียงหมินจะสามารถย้ายจากจินหม่ากลับมาอยู่ฉางเฟิงได้อีกครั้ง แต่พวกเขายังได้ไปอยู่ในย่านหยินเย่วที่นับเป็นแหล่งของคนมีเงินอีกด้วย

เช้าวันถัดมา หลังจากที่เย่เจี้ยนกัวและครอบครัวย้ายเข้ามาอยู่ฉางเฟิงเรียบร้อยดีแล้ว เฟิงกั๋วตงก็ได้เชิญเย่โม่ ลุง และป้าสะใภ้ของเขามาเซ็นสัญญาที่โรงงานกั๋วตงฟาร์มาซูติคัล

ภายในห้องทำงานส่วนตัวของเฟิงกั๋วตง

เฟิงกั๋วตงยิ้มพร้อมกับเปิดประตูให้ และเอ่ยทักทายทุกคนอย่างอบอุ่น “เชิญๆ ยินดีต้อนรับครับ เสี่ยวเย่.. นั่นคงจะเป็นลุงกับป้าของเธอสินะ?”

“ใช่ครับ!”

เย่โม่พยักหน้า ก่อนจะแนะลุงกับป้าสะใภ้ให้รู้จักกับเฟิงกั๋วตง “คุณลุงคุณป้าครับ นี่คือประธานเฟิงครับ”

“สวัสดีครับท่านประธานเฟิง!”

“สวัสดีค่ะท่านประธานเฟิง!”

“สวัสดีๆ เอาล่ะเข้ามานั่งข้างในกันก่อน”

เฟิงกั๋วตงร้องทักทายทุกคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม จากนั้น จึงได้จัดการชงชาให้กับทั้งสามคนด้วยตัวเอง และหลังจากที่ทั้งสามคนนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เย่เจี้ยนกัวจึงได้เป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า

“ประธานเฟิงครับ พวกเราสองสามีภรรยาไม่ได้เรียนมามาก เรื่องต่างๆก็แล้วแต่โม่เลยครับ”

เวลานี้ เย่เจี้ยนกัวเชื่อมั่นในตัวเย่โม่เป็นอย่างมาก และมอบให้เขาเป็นผู้ตัดสินใจทุกอย่าง

“ฮ่าๆๆ ฉันเองก็ชอบอุปนิสัยใจคอทีตรงไปตรงมาของเสี่ยวเย่เหมือนกัน คุยกันเปิดอกตั้งแต่เนิ่นๆแบบนี้ จะได้ไม่ต้องมาทะเลากันทีหลัง เอาล่ะ นี่เป็นหนังสือสัญญา เธอลองอ่านดูให้ละเอียด ถ้าไม่มีอะไรต้องการแก้ไข ก็เซ็นตรงช่องนี้ได้เลย”

เฟิงกั๋วตงส่งหนังสือสัญญาให้กับเย่โม่ และไม่ลืมที่จะย้ำให้เขาอ่านหนังสือสัญญาดูก่อน เย่โม่รับมาและเปิดอ่านอย่างละเอียด และพบว่า เนื้อความหลักๆในสัญญาก็เป็นไปตามที่เขาและเฟิงกั๋วตงได้ตกลงกันไว้ในวันนั้น ส่วนที่เหลือก็ดูยุติธรรมดี

หลังจากอ่านดูอย่างละเอียดแล้ว เมื่อไม่พบข้อผิดสังเกต เย่โม่จึงได้หันไปพยักหน้าให้ลุงกับป้า พร้อมกับบอกให้อ่านดูอีกรอบ เผื่อว่าทั้งคู่ต้องการที่จะแก้ไขในส่วนไหน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด