ตอนที่แล้วระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 8 กิจการรุ่งเรือง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 10 พร้อมซื้อบ้าน

ระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 9 เฟิงกั๋วตง


ตอนที่ 9 เฟิงกั๋วตง

หลายวันที่ผ่านมา เย่โม่สามารถทำรายได้จากการขายยาปี่แป่หยกน้ำค้างได้สูง 540,000 หยวนเลยทีเดียว ไม่เพียงเขาสามารถนำเงินที่หามาได้ไปจ่ายหนี้ที่ลุงกับป้าหยิบยืมมาก่อนหน้านี้ แต่ยังเหลือเงินอีกถึง 430,000 หยวนอีกด้วย

แต่ถึงอย่างนั้น เย่โม่ก็ยังไม่พอใจกับเงินจำนวนนี้ นั่นเพราะป้าสะใภ้ของเขาต้องเก็บเงินมากว่าครึ่งชีวิต เพื่อซื้อบ้านในเมืองสักหลัง แต่เพื่อช่วยเขาแล้ว ป้าสะใภ้ถึงกับต้องขายบ้านหลังนั้นไปในราคาที่ต่ำมาก ญาติพี่น้องหนักดั่งขุนเขา ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะต้องหาทางซื้อบ้านหลังใหม่ที่ดีกว่าเดิมให้ลุงกับป้าแทน!

แม้ว่าบ้านในตัวเมืองจะไม่ได้มีราคาแพงมากนัก แต่ถึงอย่างนั้น บ้านดีๆสักหลังก็ยังมีราคาสูงถึงแสนหยวน แล้วเขาจะไปหาเงินจำนวนมากขนาดนี้ในเวลาสั้นๆได้ยังไงกัน ในเมื่อตอนนี้ยอดขายของยาปี่แป่หยกน้ำค้างก็ค่อยๆลดลงแล้ว

แต่ใช่ว่าเขาไม่คิดที่จะนำใบสั่งยาใหม่มาผลิตยาออกขายอีก แต่เป็นเพราะช่วงเวลายังใกล้กันมากเกินไป หากเขาสามารถต้มยาที่มีประสิทธิภาพล้ำเลิศออกมาพร้อมๆกันถึงสองสูตรในเวลาสั้นๆ ทุกคนคงจะต้องเริ่มจับตามองเด็กหนุ่มอย่างเขามากขึ้น และการดึงดูดความสนใจของทุกคนให้มาสนใจตนเองนั้น จะนำมาซึ่งปัญหาที่ไม่จำเป็นอีกมาก

ด้วยเหตุนี้ ทางเดียวที่พอจะเป็นไปได้ก็คือ เขาคงต้องย้ายไปอยู่เมืองว่านซานซึ่งราคาบ้านถูกกว่าแทน!

ระหว่างที่ครุ่นคิดหาหนทางอยู่นั้น เย่โม่ก็ได้เก็บข้าวของ และเตรียมที่จะกลับบ้าน แต่แล้วก็มีเสียงคุ้นหูร้องตะโกนเรียกเขาไว้เสียก่อน

“นี่น้องชาย! รอก่อน อย่าเพิ่งไป!”

เวลานี้ ชายวัยกลางคนเจ้าเนื้อสวมแว่นตา สามารถร้องตะโกนเรียกเย่โม่ด้วยน้ำเสียงที่ใสกังวานโดยไม่มีอาการไออีกเลย และเมื่อมาถึงเขาก็ร้องบอกเย่โม่ว่า

“น้องชาย ฉันขอโทษด้วยที่สองสามวันมานี้ฉันยุ่งมากจริงๆ ก็เลยไม่มีเวลามาที่ตลาดเลย หวังว่าน้องชายจะไม่เข้าใจฉันผิด คิดว่าฉันเป็นคนไม่รักษาคำพูดหรอกนะ!”

แต่ก่อนที่เย่โม่จะทันได้ตอบอะไรกลับไป ชายวัยกลางคนสวมแว่นก็ได้หยิบซองจดหมายสีน้ำตาลออกมาจากกระเป๋าทำงานของตัวเอง เขายื่นซองนั้นให้กับเย่โม่พร้อมกับพูดขึ้นว่า

“น้องชาย ยาปี่แป่หยกน้ำค้างของเธอล้ำเลิศแล้วก็วิเศษมากจริงๆ นี่ถ้าฉันกินหมดหนึ่งขวดเมื่อไหร่ คิดว่าอาการหลอดลมอักเสบที่ฉันเป็นอยู่คงจะหายขาดอย่างที่เธอบอกไว้จริงๆ”

“น้องชาย คิดซะว่านี่เป็นค่ารักษาโรคก็แล้วกันนะ หวังว่าเธอจะไม่คิดว่ามันน้อยเกินไป!”

“เอ่อ..”

เย่โม่จำชายวัยกลางคนสวมแว่นนี้ได้ดี เขาก็คือคนที่เหมาซื้อยาจากตนเองไปหลายขวด และได้บอกกับเย่โม่ว่า ถ้าเขาอาการดีขึ้นจริงๆ จะให้เงินเย่โม่เพิ่มอีกหนึ่งหมื่นหยวน แต่ตอนนั้นเย่โม่ไม่ได้คิดว่าเขาจะพูดจริง และไม่คิดว่าวันนี้เขาจะนำเงินมาให้ตามที่ได้ลั่นวาจาไว้

“เอ่อ.. ผมไม่สามารถรับเงินไว้ได้จริงๆครับ”

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเย่โม่ก็ผลักซองสีน้ำตาลกลับไปคืน พร้อมกับบอกชายวัยกลางคนไปว่า

“พวกเราทำธุรกิจซื้อขายกัน ผมได้รับเงินมาแล้ว คุณเองก็ได้รับของไปแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่คุณจะต้องมาจ่ายค่ารักษาอะไรให้ผมอีก…”

“จะทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะ?”

ชายวัยกลางคนร่างท้วมอธิบายต่อว่า “น้องชาย เธอทำแบบนี้จะทำให้ฉันกลายเป็นคนไม่รักษาคำพูดนะ ฉันเฒ่าเฟิง ทำธุรกิจอยู่ในเมืองนี้มานาน ใครๆต่างก็รู้ว่าฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ถ้าเธอไม่รับเงินนี้ไป ก็เท่ากับดูถูกฉันนะ!”

‘บ้าไปแล้ว! มีคนแบบนี้อยู่บนโลกด้วยเหรอ? ปกติมีแต่คนที่ไม่อยากเป็นฝ่ายเสียเงิน ต่อให้จะร่ำรวยขนาดไหนก็เถอะ!’

เย่โม่จึงได้แต่ยิ้มขื่นพร้อมกับยื่นมือออกไปรับซองเงินนั่นมาพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ “ตกลงครับ! ผมต้องขอบคุณในความเมตตา และความหวังดีของคุณด้วยนะครับ!”

“ไม่เป็นไรๆ”

ชายวัยกลางคนยกมือโบกไปมา ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข พร้อมกับยื่นนามบัตรให้เย่โม่ใบหนึ่ง

“น้องชาย จะให้ฉันเรียกเธอว่ายังไง? นี่เป็นนามบัตรของฉันนะ ถ้าวันหน้าเธอต้องการให้ฉันช่วยเหลืออะไร ก็โทรมาหาฉันได้เลย ฉันเฟิงกั๋วตง เป็นคนที่ค่อนข้างมีหน้ามีตาในเมืองนี้ แล้วก็ในเมืองรอบๆด้วย”

เฟิงกั๋วตง - สมาชิกสมาคมเทศบาลว่านซาน ผู้จัดการทั่วไปโรงงาน กั๋วตง ฟาร์มาซูติคัล และประธานบริหารโรงแรมชางเฟิง

“ท่านประธานเฟิง ผมแซ่เย่ครับ เรียกผมว่าเสี่ยวเย่ก็ได้ครับ”

เย่โม่เอ่ยตอบหลังจากเหลือบมองนามบัตรในมือ และได้แต่แอบคิดในใจว่า ชายวัยกลางคนร่างท้วมคนนี้เป็นคนใหญ่คนโตจริงๆด้วย แต่สิ่งที่ทำให้เย่โม่สนใจในตัวของเขานั้น กลับไม่ใช่ตำแหน่งในนามบัตร แต่เป็นจุดประสงค์แท้จริงที่เขามาพบตนเองที่นี่ต่างหาก

หลังจากที่ทั้งคู่สนทนากันต่ออีกครู่หนึ่ง ต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกัน แต่หลังจากที่เย่โม่จากไปแล้ว ชายวัยกลางคนก็กำลังจะหันหลังเดินจากไปเช่นกัน

“เห้! ตาเฟิง!”

แต่ในระหว่างนั้น ชายวัยกลางคนร่างผอมที่เป็นคนไปพาเฟิงกั๋วตงมาซื้อยาปี่แป่หยกน้ำค้างของเย่โม่ ก็เดินเข้ามาทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

เขายกมือขึ้นตบไหล่เฟิงกั๋วตงเบาๆ ก่อนจะหันไปทางเย่โม่พร้อมกับพูดขึ้นว่า “เมื่องสองสามวันก่อนนายมาเหมายาของพ่อหนุ่มไปตั้งมากมาย อย่าบอกนะว่า วันนี้จะกลับมาขอบคุณเขาเป็นพิเศษ?”

เฟิงกั๋วตงถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมตอบกลับไปว่า “มันก็แน่นอนอยู่แล้ว คนอย่างเฟิงกั๋วตงจะไม่ตอบแทนพ่อหนุ่มคนนี้ได้ยังไง?”

“เอาน่า สูตรยานั่นน่าจะต้องมีมูลค่าอย่างน้อยหนึ่งแสนหยวน ฉันรู้ว่านายกำลังสนอกสนใจสูตรยาของพ่อหนุ่มคนนี้อยู่ใช่มั๊ยล่ะ?” ชายร่างผอมพูดขึ้นอย่างรู้ทัน

แม้จะถูกเพื่อนเปิดโปงความคิดของตนเองแบบนั้น แต่เฟิงกั๋วตงก็ไม่ได้รู้สึกเก้อเขินอะไร เขาได้แต่หัวเราะชอบใจพร้อมตอบกลับไปว่า

“นี่เป็นสิ่งที่บรรพชนของพ่อหนุ่มทิ้งไว้ให้ นายไม่ต้องห่วงไป ยังไงซะฉันก็จะทำทุกอย่างให้แฟร์ๆ เรียกได้ว่าวิน-วินทั้งคู่!”

“นายนี่มันรวดเร็วจริงๆ มิน่าล่ะ ตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองถึงได้ตกเป็นของนาย กระทั่งจากการจัดอันดับทุกเมืองของมณฑล นายยังอยู่ในสิบอันดับแรก!”

ชายร่างผอมที่ที่แซ่จางเดาะลิ้นเสียงดับก่อนจะพูดต่อว่า “ปากนายนี่นะ ไม่ว่าไปที่ไหนก็สามารถทำให้ผู้คนจดจำได้ตลอดจริงๆ!”

ทางด้านเย่โม่เองก็ไม่ใช่คนโง่ มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าเฟิงกั๋วตงกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาก็รีบเปิดซองจดหมายสีน้ำตาลออกดูทันที

แต่ถึงแม้อีกฝ่ายจะมาพบเขาเพราะจุดประสงค์นั้นจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เพราะถึงอย่างไร ในฐานะที่เป็นเพียงแค่นักเรียนมัธยมปลายนั้น บารมีของเขายังตื้นเขินเกินไป หากจะอาศัยใบสั่งยาเพียงใบเดียว สร้างอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ขึ้นมาได้นั้นคงยากที่จะมีคนเชื่อถือ

“ช่างเถอะ! ฉันจะไม่ยอมอยู่อย่างเป็นเหยื่อให้ใครอีกแล้ว มีอะไรก็คงต้องคว้าไว้ก่อน…”

ระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่นั้น เย่โม่ก็ได้บอกตัวเองยิ้มๆ พร้อมกับวางแผนคร่าวๆว่าจากนี้ต่อไปจะทำอะไรบ้าง

แต่แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้นจากด้านนอก จากนั้น ประตูก็ถูกผลักออกพร้อมกับเสียงพูดที่ดังขึ้นว่า

“นี่เย่โม่ ฉันได้ยินมาว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เธอหาเงินได้เยอะเลยงั้นเหรอ? นี่พ่อหนุ่ม ในเมื่อเธอสามารถหาเงินได้มากมายขนาดนี้ ค่ารักษาพยาบาลกับค่าทำขวัญของลูกชายฉัน ก็ควรจะต้องเพิ่มขึ้นด้วยถึงจะถูก ดูท่าสองหมื่นคงจะน้อยเกินไปแล้ว!”

เพียะ!

เย่โม่คร้านที่จะพูดกับคนพวกนี้ให้เสียเวลา เขาเดินเข้าไปตบหน้าผู้ชายคนนั้นทันที แล้วร่างอ้วนเหมือนหมูนั้นก็ถึงกับหมุนติ้ว จากนั้น เย่โม่ก็ได้เตะเข้าไปที่ท้องของเขาจนล้มลงไปกองกับพื้นทันที

นี่หากไม่ใช่เพราะเย่โม่ยั้งพละกำลังไว้ แน่นอนว่าการเตะครั้งนี้ คงจะทำให้อวัยวะภายในที่อยู่ในท้องของจ้าวเต๋อเชิงแหลกละเอียดแน่

“ไอ้เด็กเวร!”

จ้าวเต๋อเชิงถึงกับงุนงงที่ถูกเย่โม่ทำร้ายซึ่งหน้าแบบนี้ หลังจากอึ้งไปครู่หนึ่งด้วยความตกใจ ในที่สุดเขาก็ระเบิดอารมณ์เกรี้ยวกราดออกมาทันที

“ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน! นี่แกกล้าทำร้ายฉันเชียวเหรอ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด