ตอนที่แล้วตอนที่ 12 ผู้มีพระคุณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14 ผิดแผน

ตอนที 13 สร้างสถานการณ์


ตอนที 13

สร้างสถานการณ์

“ท่านเจ้าสำนัก เด็กที่มีเพลิงนพเก้าอยู่ที่บ้านหลังนั้นขอรับ”หลังจากตกลงวางแผนกันเรียบร้อยแล้ว เจ้าสำนักราชาวิญญาณก็พาคนของตนเองเดินทางมายังหมู่บ้านที่พวกหลินเยว่อาศัยอยู่ทันที แถมยังเล็งช่วงเวลายามวิกาลอันเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนกำลังนอนหลับพักผ่อนกันอีกต่างหาก

“พวกเจ้าไปวางเพลิงด้านโน้นส่วนเจ้าอีกสี่คนไปวางเพลิงที่บ้านของแม่หนูคนนั้น”เจ้าสำนักราชาวิญญาณสั่งพลางชี้ให้คนกลุ่มใหญ่ไปวางเพลิงด้านในหมู่บ้านเพื่อสร้างสถานการณ์ไฟไหม้ให้ดูสมจริง

“แล้วอย่าลืมทำให้มั่นใจด้วยล่ะว่าจะเหลือแม่หนูน้อยของเราคนเดียว”เจ้าสำนักราชาวิญญาณหันไปหากลุ่ม 4 คนที่ถูกสั่งให้ไปวางเพลิงที่บ้านตระกูลหลี่โดยเฉพาะ ความหมายของมันก็คือให้ฆ่าคนในครอบครัวของเสี่ยวหงก่อนแล้วค่อยวางเพลิง เพราะหากไม่ทำแบบนั้นยามเข้าไปช่วยเหลือเสี่ยวหงอาจจะเหลือภาระให้เสี่ยวหงไม่อาจตัดใจติดตามผู้มีพระคุณช่วยเหลือนางจากกองเพลิงอย่างเจ้าสำนักราชาวิญญาณไปได้

“ขอรับ”ชายทั้ง 4 คนประสานมือคารวะเจ้าสำนักราชาวิญญาณอย่างนอบน้อมก่อนจะมุ่งหน้าไปทางบ้านตระกูลหลี่ด้วยร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยเสื้อผ้าสีดำปิดอย่างมิดชิดไปทั้งตัว คนเหล่านี้ต่างเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับ 6 ทั้งสิ้นแถมแต่ละคนยังมีวิชาตัวเบายอดเยี่ยมมากรับรองว่าแค่เข้าไปในบ้านของชาวนาชาวไร่คนหนึ่งไม่มีทางทำเสียงให้คนในบ้านตื่นเป็นแน่

วูบ...

ร่างของคนทั้ง 4 วูบไหลไปตามเงามืดอย่างรวดเร็วแถมยังไร้เสียงดังเล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย ต่อให้มีทหารยามเดินผ่านหน้าบ้านก็คงไม่สามารถมองเห็นได้เลยว่ามีคนลอบเข้าไปในบ้านตระกูลหลี่แล้ว ที่เหลือก็แค่สังหารคนในบ้านให้หมดแล้วก็วางเพลิงให้ห่างจากห้องที่แม่หนูผู้ครอบครองเพลิงนพเก้าอาศัยอยู่ให้มากที่สุดก็พอ

โครม!!!

ระหว่างชายทั้ง 4 คนกำลังลอบเข้าไปในบ้านตระกูลหลี่ อยู่ๆเปลวเพลิงหลากสีสายหนึ่งก็พุ่งวาบเข้าใส่คนทั้ง 4 อย่างรวดเร็วราวกับอินทรีฉกเหยื่อ แต่เหล่าผู้บุกรุกทั้ง 4 นั้นไม่ใช่คนธรรมดา ชายคนหนึ่งปกคลุมหมัดของตัวเองเอาไว้ด้วยก้อนหินก่อนจะเหวี่ยงหมัดเข้าใส่เปลวเพลิงที่พุ่งเข้ามาหาตนเองอย่างแรงเพื่อชะงักการโจมตีนั่นเอาไว้ แต่ความร้อนของเพลิงนพเก้านั้นไม่ธรรมดาจริงๆแม้จะหยุดการโจมตีเอาไว้ได้ แต่หมัดหินที่สร้างขึ้นมาก็ถึงกับแตกออกเช่นกัน

“บ้าจริง โดนจับได้งั้นหรือ”ชายอีกคนมองไปรอบๆด้วยท่าทีตกใจเพราะไม่คิดว่าจะมีคนจับได้ว่าพวกตนแอบลอบเข้ามา ที่นี่ไม่ใช่จวนเจ้าเมืองเสียหน่อยจะได้มีผู้คุ้มกันที่แข็งแกร่งเช่นนั้น

“พวกเจ้า รู้หรือไม่ว่าคุณหนูของข้ากำลังหลับอยู่”ระหว่างผู้บุกรุกทั้ง 4 คนกำลังตกใจกับการโดนจับได้ อยู่ๆก็มีเสียงของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมร่างของเสี่ยวหงที่กำลังเดินออกมาจากภายในตัวบ้านด้วยสีหน้าเย็นชาราวกับกำลังมองเหล่าหนอนแมลงที่กำลังรบกวนแปลงผักของตนไม่มีผิด

“ศิษย์พี่ ทำอย่างไรดีนั่นเป็นเด็กที่ท่านเจ้าสำนักต้องการไม่ใช่หรือ แบบนี้นางก็รู้ตัวหมดนะสิ”ชายคนหนึ่งหันไปกระซิบข้างๆชายที่อยู่ด้านข้าง แบบนี้มันผิดแผนหมดเลยไม่ใช่หรือไง กลายเป็นว่าเด็กที่เป็นเป้าหมายมารู้เห็นแผนการก่อนที่จะเริ่มเผาบ้านเสียด้วยซ้ำ

“ไม่เป็นไร ทำตามข้า”ชายที่ถูกเรียกว่าศิษย์พี่พูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิวเพราะกลัวว่าเด็กสาวด้านหน้าจะได้ยิน ในเมื่อโดนเห็นเข้าก่อนแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้

“ฮ้าๆ แม่หนู บ้านเจ้ามีสมบัติมีค่าที่ใดบ้าง บอกพวกเรามาแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”ได้ยินชายที่ถูกเรียกว่าศิษย์พี่พูด เหล่าสหายร่วมบุกรุกก็เข้าใจทันทีว่าศิษย์พี่จะทำอะไร โดนจับได้ก็แล้วอย่างไรเล่า งั้นก็เล่นเป็นโจรบุกบ้านแล้วเผามันโต้งๆนี่ล่ะ พอเผาแล้วก็ให้เจ้าสำนักมาปราบพวกตนก็พอแล้ว

“หา.....ปากของเจ้าสำรอกอะไรออกมาไม่ทราบ บังอาจมาปล้นบ้านของคุณหนูของข้า ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร”เสี่ยวหงได้ยินเช่นนั้นก็ปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างเข้มข้นทำเอาเหล่าผู้บุกรุกหนาวสั่นไปทั่วร่าง เป็นไปได้อย่างไร เด็กตัวแค่นี้มีจิตสังหารได้อย่างไร

พรึบ.....พรึบ.....พรึบ......

รอบๆตัวของเสี่ยวหงยามนี้ปรากฏเปลวเพลิงหลากสีจำนวน 9 ลูกลอยออกมารอบๆตัวเสี่ยวหงอย่างช้าๆ แม้จะมองภายนอกมันจะเหมือนเปลวไฟบนตะเกียงไม่ได้มีความน่ากลัวก็ตาม แต่นี่คือวิชาที่เสี่ยวหงมีติดตัวมาจากมิติอื่น เปลวเพลิงเหล่านี้มีความร้อนสูงและถูกบีบให้อยู่ในขนาดที่เล็กมากทำให้เปลวเพลิงเหล่านี้รุนแรงขนาดสามารถเจาะทะลุแผ่นเหล็กได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว

“ท่าทางเจ้าจะไม่ใช่เด็กว่านอนสอนง่ายสินะ พวกเราจับตัวมันเอาไว้”ชายที่ถูกเรียกว่าศิษย์พี่พูดจบก็ชักกระบี่ออกมาจากฝักเพื่อเตรียมรับมือ แต่ถึงอย่างนั้นภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมท่านเจ้าสำนักถึงอยากได้ตัวเด็กคนนี้นัก ขนาดยังไม่ได้รับการสั่งสอนจากสำนักยังสามารถใช้วิชาวิญญาณได้แล้ว ไม่ใช่เพียงเกิดมาพร้อมพลังที่น่าตกใจ พรสวรรค์ของนางก็ยังเหนือมนุษย์อีกด้วย

“งั้นอย่าหาว่าข้าใจร้ายเลยนะแม่หนู”ชายที่ใช้เกราะหินเมื่อครู่เดินออกมายืนข้างหน้าก่อนจะรวบรวมพลังวิญญาณของตนเพื่อเตรียมการต่อสู้ เมื่อครู่เขาตอบรับอย่างกะทันหันทำให้สร้างสนับมือหินได้ไม่แข็งแรงพอ แต่หากควบคุมพลังให้ดีละก็สนับมือหินของเขาไม่มีทางโดนเปลวเพลิงของเด็กตัวแค่นี้ทำลายได้แน่ๆ

“หึ เจ้าคิดว่าทำได้ก็เข้ามาเลย”เสี่ยวหงมองชายตรงหน้าที่กำลังสร้างสนับมือหินขึ้นมาใหม่อย่างดูแคลน เมื่อครู่เปลวเพลิงที่นางใช้เป็นเพียงวิชาควบคุมเปลวเพลิงทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีความรุนแรงอะไรเลย คิดว่าใช้พลังวิญญาณมากขึ้นแล้วจะสามารถทำอะไรได้หรือไง

ฟุบ!!

พริบตาที่ชายที่ใช้พลังธาตุหินสร้างสนับมือหินเสร็จสิ้น เปลวเพลิงขนาดเล็กของเสี่ยวหงก็พุ่งวาบกลายเป็นลำแสงเส้นหนึ่งทะลวงสนับมือหินของชายตรงหน้าอย่างง่ายดาย

พรึบ!!

“อ๊ากกกกกกกก................ร้อน ร้อนนนนน”ชายที่ใช้สนับมือหินร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเพราะทันทีที่เปลวเพลิงขนาดเล็กนั่นเจาะฝ่ามือของเขา บาดแผลที่เป็นรูขนาดเล็กก็เกิดไฟไหม้ตามมาในทันที ทำให้มือของเขาโดนไฟของเสี่ยวหงเผาจากด้านในสร้างความเจ็บปวดให้ชายที่ใช้สนับมือหินอย่างมาก

“หน็อยนังนี่”ผู้บุกรุกอีกคนเองก็ไม่ได้รอให้เพื่อนโดนโจมตีอยู่เฉยๆ ระหว่างสหายกำลังรวบรวมพลังเพื่อสร้างสนับมือ ชายอีกคนที่ใช้กระบี่ก็แอบลอบเข้ามาด้านหลังของเสี่ยวหงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พริบตาที่เห็นว่านางโจมตีสหายของตนชายคนนั้นก็เข้าประชิดตัวหมายจะจับกุมเสี่ยวหงเอาไว้ แต่เพราะเห็นเพื่อนโดนทำร้ายแทนที่จะเป็นการจับตัวชายคนนั้นกลับเผลอใช้กระบี่ออกมาเสียอย่างนั้น

ฟุบๆๆ

เปลวเพลิงหลากสีของเสี่ยวหงพุ่งวาบเป็นลำแสงหักโค้งไปมาเบื้องหน้าชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว กว่าชายคนนั้นจะรู้ตัวกระบี่ของเขาก็โดนความร้อนจากเปลวเพลิงของเสี่ยวหงตัดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปเสียแล้วทำให้กระบี่ที่พุ่งใส่นางมีเพียงด้ามเท่านั้น

“หึหึ.....พวกเจ้ามันช่างโง่เขลาจริงๆ คิดว่าด้วยพลังแค่นี้จะทำอะไรข้าได้งั้นเหรอ”เสี่ยวหงหัวเราะออกมาพลางบังคับเปลวเพลิงของตนให้เข้าไปหาเหล่าผู้บุกรุกแต่ละคนพร้อมกัน

ฟุบๆๆๆๆๆๆๆ

เปลวเพลิงที่เสี่ยวหงเรียกออกมามี 9 ลูกส่วนผู้บุกรุกมี  คน เสี่ยวหงเลยแบ่งให้คนละ 2 ลูกอย่างเท่าเทียมกันยกเว้นเจ้าคนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าที่ประกาศว่าจะปล้นบ้านของคุณหนู เจ้านั่นนางแถมพิเศษให้เป็น 3 ลูกเลย

“หึหึหึหึหึ......”ระหว่างที่เปลวเพลิงของเสี่ยวหงกำลังพุ่งโจมตีไปรอบๆร่างของผู้บุกรุกทั้งสี่ เปลวเพลิงของนางก็เผาร่างกายของคนพวกนั้นไปทีละน้อยๆสร้างความทรมานให้พวกเขาอย่างมาก แต่ท่ามกลางท่าทีทรมานพวกนั้นเสี่ยวหงกลับหัวเราะอย่างชื่นชอบใจราวกับกำลังทำเรื่องสนุกสนานอยู่ไม่มีผิด

.

.

.

“หืม...เริ่มแล้วสินะ”อีกด้านหนึ่งทางฝั่งของเจ้าสำนักที่รออยู่นอกหมู่บ้าน พอเห็นว่ามีแสงไฟมาจากบ้านตระกูลหลี่ก็เข้าใจว่าคนของตนเริ่มเผาบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้รอให้ไฟมากกว่านี้อีกหน่อยตนค่อยออกไปช่วยเหลือแม่หนูน้อยผู้ครอบครองเพลิงนพเก้า

แต่.....เหตุใดในหมู่บ้านถึงไม่มีแสงไฟเลยเล่า เจ้าพวกที่เข้าไปเผาหมู่บ้านควรจะทำงานได้เร็วกว่าไม่ใช่หรือไง พวกมันไม่ต้องลอบเข้าไปสังหารใครก่อน แค่ราดน้ำมันแล้วเผาบ้านรอบๆเท่านั้น หรือเจ้าพวกนั้นจะพลาดเจอคนในหมู่บ้านเข้า แต่เท่าที่ทราบมาในหมู่บ้านนี้มีเพียงนายพราน 3 คนเท่านั้นที่มีพลังวิญญาณไม่ใช่หรือ จะมาต่อกรกับเหล่าลูกศิษย์ระดับสูงของสำนักราชาวิญญาณได้อย่างไร

.

.

.

“บ้าเอ๊ย ร้อนชะมัด”เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียว เหล่าผู้บุกรุกทั้ง 4 ก็โดนเปลวเพลิงของเสี่ยวหงทำร้ายจนบาดเจ็บอย่างหนัก อาวุธของแต่ละคนโดนทำลายไม่เหลือชิ้นดี มือและขาโดนเผาจนเกิดแผลพุพองทั้งๆที่ใช้พลังวิญญาณป้องกันเอาไว้แล้ว แต่ไม่ทราบทำไมพวกเขาถึงยังไม่ตาย หรือว่าแม่นางน้อยคนนี้กำลังเล่นสนุกกับความทรมานของพวกเขางั้นเหรอ

วูบ....

ระหว่างที่พวกผู้บุกรุกกำลังสงสัยอยู่นั้น อยู่ๆเปลวเพลิงของเสี่ยวหงก็กับวูบไปเสียก่อนทำเอาเหล่าผู้บุกรุกหันมามองหน้ากันด้วยความสงสัย นี่มันเกิดอะไรขึ้น

“ชิ....”เสี่ยวหงที่เล่นเพลินไปหน่อยเห็นเปลวเพลิงของตนเองสลายหายไปก็ส่งเสียงไม่พอใจออกมาทันที ลืมไปเลยว่าร่างนี้ยังมีพลังไม่มาก ใช้วิชาเส้นด้ายสีชาดแม้จะสร้างไฟขนาดเล็กแต่ต้องบังคับอย่างแม่นยำและเร่งพลังให้เปลวเพลิงเหล่านั้นมีความร้อนสูงตลอดเวลา ทำให้มันกินพลังวิญญาณไม่น้อยเลย แถมเสี่ยวหงยังฆ่าพวกมันไม่ได้เพราะโดนคำสาปของหลินเยว่สาปเอาไว้ สุดท้ายเลยพลังหมดเช่นนี้

“เด็กนั่นพลังหมดแล้ว จับนางเอาไว้”ชายคนหนึ่งเห็นท่าทีไม่พอใจของเสี่ยวหงก็เข้าใจทันทีว่าพลังวิญญาณของนางหมดแล้ว ต่อให้มีพลังที่ยอดเยี่ยมแค่ไหนแต่ถ้าไม่มีพลังวิญญาณเพื่อใช้งานก็ไร้ความหมาย

เปรี้ยง!!!

ยังไม่ทันเข้ามาจับตัวเสี่ยวหง อยู่ๆเงาสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามากระแทกชายคนหนึ่งจนล้มกลิ้งไปทางหนึ่งเสียอย่างนั้น แถมเงานั่นยังวิ่งกลับมากระแทกร่างของชายอีกคนจนล้มไม่เป็นท่าไปอีกที

ตึง!!!

เงาร่างนั้นล้มคนไป 2 คนก็เดินออกมาจากเงามืดอย่างสง่าผ่าเผย เพียงแต่รูปร่างหน้าตาของมันตอนนี้ออกจะตัวเล็กไปหน่อยเท่านั้นเอง

“ม้า?......”เสี่ยวหงกะพริบตาปริบๆมองผู้มาช่วยเหลือนางเอาไว้ด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อ เหตุใดถึงเป็นม้า ไม่สิต้องเรียกว่าลูกม้าถึงจะถูก แล้วทำไมเจ้าลูกม้าตัวนั้นถึงแข็งแกร่งจนล้มเหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณได้ด้วยการพุ่งชนกัน?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด