ตอนที่แล้วWS บทที่ 233 ปณิธาน PART 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 235 ปณิธาน PART 4

WS บทที่ 234 ปณิธาน PART 3


*แคร่ก!!*

อากาศเย็นเฉียบพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเมอร์ลินและพันรอบตัวโฮมุนครุสของพ่อมดชุดสีแดง จากนั้น โฮมุนครุสก็แข็งทื่อไปทั้งตัวและปริแตกออกราวกับเปลือกไข่เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ร่วงหล่นลงบนพื้น

“นี่มัน…หรือว่ามันเป็นพลังปีศาจแพนโดร่า?”

พ่อมดชุดแดงมีความรู้ในเรื่องนี้และสามารถบอกได้ทันทีว่าสิ่งที่เมอร์ลินใช้คือพลังปีศาจแพนโดร่าที่เขาใฝ่ฝัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาอยากจะครอบครองพลังปีศาจแพนโดร่าเพียงใดแต่เขารู้สึกว่ามันน่ากลัวเพียงใดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังปีศาจแพนโดร่าโดยตรง

"ทุกคนถอย!"

พ่อมดชุดสีแดงรู้ทันทีว่าเมอร์ลินที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่คนที่เขาควรจะยั่วยุ แม้แต่โฮมุนครุสของเขาก็ยังไม่สามารถต้านทานการโจมตีได้ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าความแข็งแกร่งของนักเล่นแร่แปรธาตุส่วนใหญ่มาจากโฮมุนครุสที่พวกเขาสรรค์สร้าง

“เขตแดนแสงดำ!”

อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยพ่อมดชุดแดงคนนี้ไป เขาไม่รู้ที่อยู่ของรีเซนจากพ่อมดแซมเมียร์และรู้สึกอารมณ์ไม่ดี พ่อมดชุดแดงนั้นโชคร้ายอย่างยิ่งที่ได้ทำให้เมอร์ลินโกรธเคืองในเวลานั้น

แสงสว่างรอบตัวพวกเขาเริ่มหักเห พ่อมดชุดแดงและกลุ่มของเขาสังเกตเห็นความมืดมิดรอบตัวพวกเขาในทันที แม้แต่พลังจิตของพวกเขาก็ไม่สามารถทะลุผ่านได้

นี่คือเขตแดนแสงดำ เมื่อเปิดใช้งาน มันจะบิดรัศมีของแสงให้กลายเป็นบริเวณที่มืดสนิท นอกเหนือนั้นยังมีการเสริมประสิทธิภาพดวงใจแห่งความมืด ทำให้สามารถสะกดนักเวทย์ระดับสามให้อยู่กับที่ได้ แม้ว่าจะไม่ใช่แบบเสริมพลังก็ตาม

“เพลิงวินาศ!”

หลังจากนั้น เมอร์ลินก็ออกร่ายเบา ๆ เปลวไฟสีขาวปรากฏขึ้นทันทีและยิ่งปรากฏเด่นชัดเป็นพิเศษในความมืด

เปลวเพลิงสีขาวเหล่านี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ พวกมันกลืนพ่อมดชุดแดงและเพื่อนของเขาซึ่งติดอยู่ในภาพลวงตาทีละคน มันเริ่มแผดเผาอย่างรุนแรง ในชั่วพริบตา นักเวทย์ทั้งสามได้กลายเป็นกองขี้เถ้าแทบจะในทันที

เมอร์ลินโบกมืออีกครั้งเพื่อขจัดเขตแดนแสงดำและเปลวไฟสีขาว

“พ่อมดแซมเมียร์ คุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่ารีเซนอยู่ที่ไหน” เมอร์ลินปัดฝุ่นออกจากมือ ราวกับไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ ในการฆ่าพ่อมดชุดแดงและกลุ่มของเขา

เมื่อเห็นแววตาของเมอร์ลิน พ่อมดแซมเมียร์รู้สึกใจสั่นเล็กน้อย ทุกครั้งที่เขาพบเมอร์ลิน เขารู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไปราวกับว่าพลังของเมอร์ลินเติบโตขึ้นทุกครั้ง

พ่อมดชุดแดงและกลุ่มของเขาไม่ใช่นักเวทย์ทั่วไป พวกเขาเป็นนักเวทย์ระดับสามที่ทรงพลัง นอกจากนี้ พวกเขามีโฮมุนครุส ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้ยั่วยุอาคารสเตอลิ่งหรือตระกูลนักเวทย์ขนาดใหญ่ไม่กี่แห่งในเมือง พวกเขาก็สามารถทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องยับยั้งชั่งใจ แม้แต่พ่อมดแซมเมียร์ก็ยังวิตกเกี่ยวกับสามคนนี้

อย่างไรก็ตาม พวกเขาถูกฆ่าโดยเมอร์ลินในชั่วพริบตา ครั้งสุดท้ายที่เมอร์ลินฆ่าเดอมาร์โก พลังของพวกเขายังอยู่ในระดับที่เทียบเท่ากัน อย่างไรก็ตาม คราวนี้ เมอร์ลินอาจเหนือกว่านักเวทย์ระดับสามอย่างเห็นได้ชัด พวกนักเวทย์ระดับสามทั่วไปคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเมอร์ลิน

ดังนั้น ภายใต้น้ำหนักของการจ้องมองของเมอร์ลิน พ่อมดแซมเมียร์รู้สึกถึงแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามา

“พ่อมดรีเซน เขาได้ปกปิดตำแหน่งของเขาได้อย่างดีและยากที่จะติดตามเขา ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าตำแหน่งของเขาอยู่ที่ไหน”

เมอร์ลินมองพ่อมดแซมเมียร์อย่างระมัดระวัง ภายใต้การสังเกตอย่างตั้งใจของเมอร์ลิน พ่อมดแซมเมียร์ไม่อาจโกหกได้ เขาพูดความจริง

‘เขาไม่รู้จริง ๆ ว่ารีเซนอยู่ที่ไหน’

เมื่อเขามาถึงข้อสรุปนี้ ไม่มีอะไรที่เมอร์ลินสามารถทำได้แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ก็ตาม เขาทำได้เพียงพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า

"ฉันต้องการตามหารีเซน ถ้าพ่อมดแซมเมียร์รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แจ้งให้ฉันทราบโดยเร็วที่สุด ฉันจะอยู่ในเมืองโฟลตติ้งสักพักเพื่อค้นหารีเซน"

“สบายใจได้ พ่อมดเมอร์ลิน หากมีสัญญาณของรีเซนเมื่อไหร่ ข้าจะแจ้งให้ท่านทราบทันที” พ่อมดแซมเมียร์กล่าวด้วยความเคารพ เขาในตอนนี้ไม่เหมือนวันที่ผ่านมา พ่อมดแซมเมียร์จะไม่หยิ่งผยองอีกต่อไปเมื่อเขาอยู่ต่อหน้าเมอร์ลิน

รถม้าสีดำที่หรูหราหยุดเบา ๆ หน้าอาคารเล็ก ๆ อาคารหลังนี้ได้รับการซื้ออย่างเงียบ ๆ โดยบุคคลลึกลับเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาแต่ไม่มีใครเคยเห็นใครเข้ามาในอาคาร สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง

ถึงกระนั้นก็มีบุคลลแปลก ๆ ทุกประเภทในเมืองโฟลตติ้ง หลังจากการสังเกตของคนในบริเวณนี้เป็นเวลาสองเดือน พวกเขาก็หมดความสนใจและค่อยๆ ลืมเรื่องของอาคารเล็ก ๆ ที่แสนจะลึกลับนี้ไป

อย่างไรก็ตามตอนนี้กลับมีรถม้าที่หรูหราได้หยุดลงหน้าอาคารหลังนี้ ทำให้ความสนใจของพวกเขากลับมาอีกครั้ง ภายหลังจากการซื้อขายในที่สุดอาคารหลังนี้ก็มีคนย้ายเข้ามา

*เอี๊ยด*

ประตูของอาคารเล็ก ๆ ก็เปิดขึ้นอย่างกะทันหันและนักเวทย์ชราเดินออกไปรับไปที่รถม้าและโค้งคำนับแบบที่แสดงเคารพนับถือมาก

สิ่งนี้ทำให้ไม่มีคนแถวนั้นรู้สึกสับสน พวกเขาคิดเสมอว่าอาคารไม่มีคนอาศัยอยู่แต่ตอนนี้ชัดเจนว่ามีเจ้าของลึกลับกลับมานานแล้วและอยู่ในอาคารอย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีใครสังเกตเห็น

เจ้าของอาคารเล็ก ๆ ยืนอย่างสุภาพก่อนที่จะเดินนำ ชายหนุ่มที่หล่อเหลาก้าวออกจากรถม้า ผมสีบลอนด์สีเข้มของเขาถูกพาดลงบนไหล่ของเขาเบา ๆ และรองเท้าบูทที่เขาใส่เหยียบบนพื้นด้วยเสียงที่คมชัด

"แกเป็นสมาชิกสมทบที่ประจำในเมืองโฟลตติ้งงั้นหรือ?"

หลังจากเข้าสู่อาคารชายหนุ่มนั่งบนเก้าอี้หินพร้อมกับหรี่ตามองนักเวทย์ชราที่อยู่เบื้องหน้าเขา

นักเวทย์ชราลุกขึ้นจากที่นั่งของเขาอย่างสุภาพแล้วตอบอย่างเคารพ "ท่านพ่อมดไวส์ กระผมเป็นเป็นสมาชิกสมทบของออสมู กระผมมีนามว่ารีเซน กระผมได้รับคำสั่งจากออสมูในการให้ความช่วยเหลือภารกิจของท่านพ่อมดไวส์ในเมืองโฟลตติ้ง"

"ชื่อรีเซนสินะ?" เขาส่งเสียงเยาะเย้ยเบา ๆ

ในฐานะสมาชิกอย่างเป็นทางการของออสมู เขามองพวก ‘สมาชิกสมทบ’ เป็นพวกชั้นต่ำมีไว้รองมือรองเท้าเท่านั้น

มีเพียงอัจฉริยะเท่านั้นที่สามารถกลายเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของออสมูได้ ส่วนพวกสมาชิกสมทบจะทำหน้าที่รับใช้ พวกสมาชิกทางการ

แต่ถึงอย่างนั้น ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นสมาชิกสมทบได้ พวกเขาต้องผ่านการคัดเลือก สมาชิกสมทบเหล่านี้มีสถานะในออสมูไม่มากนัก

แน่นอนว่าตำแหน่งนี้ก็พอมีประโยชน์อยู่บ้างและพวกเขาก็อาจจะมีโอกาสที่จะได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกทางการในสักวันหนึ่ง

แต่เนื่องด้วยความเข้มงวดในการคัดเลือกสมาชิกทางการของออสมูจึงทำให้มีสมาชิกสมทบเพียงหยิบมือเท่านั้นที่จะสามารถกลายเป็นสมาชิกทางการ

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่นักเวทย์หนุ่มอย่างไวส์จะทำตัวกร่างกับนักเวทย์ชราอย่างรีเซน

สำหรับรีเซน แม้ว่าตัวเขาจะแสดงความเคารพอย่างสูงสุดแต่ภายในเขารู้สึกขุ่นเคืองอย่างมาก เขาเป็นสมาชิกสมทบตั้งแต่ออสมูพึ่งก่อตั้งได้ใหม่ ๆ และอยู่ในเมืองโฟลตติ้งเพื่อสอดแนมเหตุการณ์ภายในและคอยรายงานให้ออสมูทราบ

สิ่งนี้จะไม่ง่ายสำหรับรีเซนและเขายังใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของเขาเพื่อรับประโยชน์มากมายจากออสมู เขาได้เข้าไปในโบราณสถานสองสามแห่งและพลังของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อไม่กี่เดือนก่อน เขาได้เข้าไปในโบราณสถานแห่งหนึ่งและได้รับวิธีการฝึกฝนพลังปีศาจแพนโดร่า เขามีความสุขอย่างมากที่ได้รับพลังมาก เขารีบไปซ่อนตัวทันทีอาคารในเมืองลอยน้ำเพื่อฝึกฝนพลังปีศาจแห่งแพนโดร่า

อย่างไรก็ตาม เขาล้มเหลวในท้ายที่สุดเพราะเขาไม่มีสมบัติหายากสองสามชิ้นซึ่งแม้แต่เขาก็ไม่เคยได้ยินชื่อของมันมาก่อน

ในระหว่างที่เขากำลังเสียใจ รีเซนได้รับคำสั่งจากออสมู ในเนื้อหาข้างในได้บอกไว้ว่าสมาชิกอย่างเป็นทางการของออสมูซึ่งเป็นนักเวทย์ระดับสามจะมาที่เมืองโฟลตติ้งเพื่อมาทำภารกิจ

ภารกิจที่ว่าคงจะหนีไม่พ้นการโมยนักเวทย์ผู้มีพรสวรรค์จากองค์กรนักเวทย์หรือตระกูลนักเวทย์ หากพวกเขาทำพลาดสมาชิกอย่างเป็นทางการของออสมูอาจจะหลบหนีไปได้แต่ไม่ใช่กับสมาชิกสมทบเช่นเขา เขาจะต้องเผชิญหน้ากับการตอบโต้อย่างไร้ความปราณีขององค์กรนักเวทย์หรือตระกูลนักเวทย์ที่โกรธจัด

รีเซนเป็นสมาชิกสมทบของออสมูมานานหลายทศวรรษแล้ว แน่นอน เขารู้ดีว่าเมืองโฟลตติ้งมีปัญหามากมายและในไม่ช้าเขาก็จะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

อย่างไรก็ตามรีเซนไม่กล้าแสดงความไม่พอใจออกมา การลงโทษสำหรับสมาชิกที่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของออสมูนั้นรุนแรงมาก แม้แต่คนที่มีความสามารถดีที่สุดก็ยังไม่กล้าที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของออสมู นับประสาอะไรกับสมาชิกสมทบอย่างรีเซน

ดังนั้นรีเซนจึงทำได้เพียงสงบสติอารมณ์ลงก่อน แล้วค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองดูนักเวทย์หนุ่ม ก่อนจะถามเบา ๆ ว่า

"กระผมสงสัยว่าภารกิจของท่านพ่อมดไวส์ที่จะทำที่นี่ในเมืองโฟลตติ้งคืออะไรขอรับ"

“ภารกิจอะไรมันก็เรื่องของฉัน ไม่ใช่ธุระที่สมาชิกสมทบจะต้องมารับรู้”

พ่อมดหนุ่มไวส์มองไปที่รีเซนและหัวเราะเย็นชา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เห็นหัวรีเซนเลย แม้ว่าเขาจะเป็นนักเวทย์ระดับสามแบบเดียวกับเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด