ตอนที่แล้วWS บทที่ 231 รีบออกเดินทาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 233 ปณิธาน PART 2

WS บทที่ 232 ปณิธาน PART 1


“ในที่สุดเราก็ได้มันมา วิธีการฝึกฝนที่สมบูรณ์ของดวงตาแห่งความมืด!”

เสียงของพ่อมดฮอบส์สั่นในขณะที่เขาพูดและดูเหมือนว่าเขาค่อนข้างจะตื่นเต้น ทางด้านพ่อมดกริซโลและพ่อมดบาห์เรนจ้องมองครึ่งหลังอย่างตื่นเต้น

พวกเขาทั้งหมดเป็นนักเวทย์ระดับเจ็ดซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในคาถาธาตุมืด พวกเขาเชื่อว่าหากนักเวทย์ระดับหกอย่างพ่อมดลีโอสามารถฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดได้ พวกเขาที่เป็นนักเวทย์ระดับเจ็ดก็สามารถทำได้เช่นกัน

หากพวกเขาทำได้สำเร็จเมื่อไหร่ พลังโดยรวมของหอคอยอเวจีจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่พวกเขาอ่านต่อไป สีหน้าอันแปลกประหลาดก็เข้ามาแทนที่พ่อมดฮอบส์อย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาศึกษาวิธีการฝึกฝนทั้งหมดของดวงตาแห่งความมืดเสร็จแล้ว เขาก็เริ่มโกรธจัดขึ้นมาทันที

“บัดซบ! ลีโอได้ให้วิธีการฝึกฝนที่เป็นไปไม่ได้ให้พวกเรา!”

สีหน้าของพ่อมดฮอบส์เริ่มไม่พอใจ พ่อมดกริซโลและพ่อมดบาห์เรนรู้สึกใจสั่นเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดและพวกเขาก็รีบถามว่า "ลีโอใช้วิธีฝึกฝนปลอมหรือเปล่า"

“ฮึ่ม!! มันแย่ยิ่งกว่าของปลอมซะอีก! ถ้ามันเป็นของปลอม เราสามารถไปที่ดินแดนมนต์ดำและบังคับลีโอมอบวิธีการฝึกฝนของจริงมาให้ อย่างไรก็ตาม ครึ่งหลังของวิธีการฝึกฝนของจริง หากใครฝึกฝนตามวิธีการที่ระบุไว้ก็จะฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดได้แต่ด้วยอัตราความสำเร็จที่ต่ำมาก มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเราจะทำสำเร็จและยิ่งจำนวนนักเวทย์ระดับหกที่อยู่ในหอคอยอเวจีมีน้อยมาก ต่อให้ทำสำเร็จ มันก็ไม่คุ้มกับชีวิตนักเวทย์ระดับหกที่เสียไป!!” พ่อมดฮอบส์กัดฟันขณะมองไปยังที่ที่พ่อมดลีโอและเมอร์ลินจากไป หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“เนื่องจากมันยากที่จะฝึกฝน ลีโอสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างไร”

พ่อมดกริซโลและพ่อมดบาห์เรนแลกเปลี่ยนสายตากันและถามด้วยความงุนงง พ่อมดฮอบส์ค่อย ๆ ถอนสายตาจากระยะไกลและยังคงขมวดคิ้วตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า

“ลีโอเป็นคนบ้า ถ้าไม่ใช่เพราะโชคดีของเขา เขาคงตายไปนานแล้ว เขาโชคดีจริง ๆ ได้ฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดสำเร็จ! เขามีปณิธารอันแน่วแน่ที่จะทำมันสำเร็จในทุกวิถีทางแต่นักเวทย์คนอื่นๆ จะยืนหยัดในทุกวิถีทางเช่นเขาได้หรือ?”

หลังจากที่พ่อมดฮอบส์พูด บริเวณโดยรอบก็เงียบลง

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง พ่อมดบาห์เรนก็พูดเบา ๆ ว่า “กลับกันเถอะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะต้องให้คนอื่นๆ ดูวิธีการฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดอันนี้ บางทีพ่อมดฮาเกอร์แมนอาจจะแก้ไขวิธีการของลีโอและปรับแต่งเพิ่มเติมได้”

ดวงตาของพ่อมดฮอบส์เป็นประกายและเขาก็พยักหน้า “ถูกต้อง พ่อมดฮาเกอร์แมนเป็นนักเวทย์ระดับเก้า เขาอาจจะสามารถปรับปรุงวิธีการฝึกฝนของลีโอได้! ไปกันเถอะ รีบไปหาท่านกเดี๋ยวนี้”

ด้วยเหตุนี้ พ่อมดฮอบส์และนักเวทย์ระดับเจ็ดคนอื่นๆ จึงหันกลับมาอย่างรวดเร็วและกลับไปที่หอคอยอเวจี

*วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!*

จู่ๆ ก็มีแสงสีขาวสว่างวาบไปทั่วชายหาดอันเงียบสงบ หลังจากนั้น ร่างสองร่างก็ปรากฏตัวขึ้นบนชายหาด

หนึ่งในนั้นมีใบหน้าน่าเกลียดที่มีตากลวงและมีตาที่สามสีแดงเข้มที่หน้าผากของเขา เป็นพ่อมดลีโอที่เพิ่งกลับมาจากหอคอยอเวจี เขาเพิ่งมาถึงดินแดนมนต์ดำ

พ่อมดลีโอมองไปรอบๆ และหันกลับมาด้วยท่าทางที่ค่อนข้างซับซ้อน “เมอร์ลิน มีอัจฉริยะมากมายแต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเป็นนักเวทย์ที่ยอดเยี่ยมได้ ข้าจะช่วยเจ้าเท่าที่ข้าจะช่วยเจ้าได้”

หลังจากหยุดชั่วครู่ ใบหน้าของพ่อมดลีโอก็ดูเศร้าสร้อยอย่างเศร้าสร้อย ในขณะที่เขาพูดพึมพำเบาๆ “ถ้าเรย์ดอร์ไม่ตายในตอนนั้น บางทีเขาอาจจะกลายเป็นนักเวทย์ที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ในตอนนั้น เขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะเป็นนักเวทย์หกธาตุ…”

จากนั้นพ่อมดลีโอก็หันหลังกลับและเข้าสู่ดินแดนมนต์ดำและทิ้งให้เมอร์ลินผู้อยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง

เมอร์ลินจ้องไปที่ร่างของพ่อมดลีโอที่หายตัวไป เขารู้เรื่องบางส่วนของพ่อมดลีโอ พ่อมดลีโอได้ฆ่าเรย์ดอร์ น้องชายของเขาด้วยมือของเขาเองและนี่กลายเป็นฝันร้ายที่พ่อมดลีโอไม่สามารถหลบหนีได้ แม้แต่การฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดและการไล่ล่าออสซีอุสอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยก็เพื่อล้างแค้นให้กับน้องชายของเขาเพื่อที่เขาจะได้พบกับความสงบสุขในใจ

นี่คือสาเหตุที่พ่อมดลีโอได้ช่วยเมอร์ลินมากเพียงเพราะเมอร์ลินมีความคล้ายคลึงกันกับเรย์ดอร์ เป็นครั้งแรกที่เมอร์ลินรู้สึกว่าตัวตนของพ่อมดลีโอผู้ซึ่งเขย่าองค์กรนักเวทย์จำนวนมากนั้น แท้จริงแล้วเขาเป็นชายที่เปล่าเปลี่ยวมากพียงใด...

เมื่อเขากลับมาที่หอคอยพ่อมดลีโอ เมอร์ลินก็อยู่ในนั้นเป็นเวลาเกือบครึ่งเดือน เขาไม่ได้ทำการฝึกฝนใดๆ ถ้าเขาต้องการที่จะปรับปรุงสถานะปัจจุบันของพลังจิตในเวลาอันสั้น เขาจะต้องพึ่งพาน้ำยาที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าน้ำยาบลูเบอร์รี่

แม้ว่าเขาจะหาส่วนผสมของน้ำยามนตราอสูรมาเพิ่มแต่ดูจากความคืบหน้า เขาอาตจะต้องกินมันเป็นเวลาหลายปีเพื่อพัฒนาพลังจิตไปอีกขั้น นอกจากนี้ที่ดินแดนมนต์ดำไม่มีวัสดุสำหรับปรุงน้ำมนตราอสูรอีกด้วย

ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ เมอร์ลินจึงไม่ใช้น้ำยาเพื่อเพิ่มพลังจิตแต่กลับทำความคุ้นเคยกับพลังที่เขามี

ตอนนี้ เมอร์ลินไม่ใช่แค่นักเวทย์หกธาตุ นอกจากเขาจะมีคาถาหกธาตุที่ทรงพลังแล้ว เมอร์ลินยังมีดัชนีเยือกแข็ง, เพลิงวาศและดวงใจแห่งความมืดที่เขาเพิ่งฝึกฝนในหอคอยอเวจีมาหมาด ๆ โดยรวมแล้วเขามีพลังปีศาจแพนโดร่าอยู่สามอย่าง

บุคคลที่มีพลังปีศาจแพนดอร่าสามอย่าง เมอร์ลินไม่รู้ว่านักเวทย์จากองค์กรอื่นจะสามารถครอบครองพลังได้เท่าเขารึเปล่า อย่างไรก็ตาม ในดินแดนมนต์ดำ นักเวทย์ที่ครอบครองพลังปีศาจแพนดอร่านั้นหายากอยู่แล้ว ดังนั้นจึงหายากยิ่งกว่าสำหรับคนที่มีพลังทั้งสามประเภท

แม้ว่าจะมีพลังปีศาจแพนดอร่าทั้งสามอย่างแต่เขาก็ยังต้องทำความคุ้นเคยกับพลังของพวกมันและปลดปล่อยขีดจำกัดของพวกมัน ด้วยวิธีนี้ เขาจึงจะสามารถแสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าของพลังปีศาจแพนดอร่าทั้งสามประเภทได้อย่างแท้จริง

ตอนนี้เมอร์ลินได้เสร็จสิ้นขั้นตอนแรกของการฝึกฝนดัชนีเยือกแข็ง แล้ว พลังของมันนั้นแข็งแกร่งมาก นักเวทย์ระดับสามส่วนใหญ่ไม่สามารถต้านทานการโจมตีได้และกลายเป็นผลึกน้ำแข็งทันที

สำหรับเพลิงวินาศ พลังของมันดูน่ากลัวด้วยเปลวเพลิงที่ร้อนแรง ในรูปแบบแรกของเพลิงวินาศมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวอยู่แล้ว แม้แต่คาถาป้องกันระดับสามก็ยังถูกเผาผลาญในเปลวเพลิง

สำหรับนักเวทย์ระดับสี่ เมอร์ลินไม่เคยพบนักเวทย์ระดับสี่มาก่อน ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว เขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับขอบเขตของเพลิงวินาศแต่ก็น่าจะเพียงพอที่จะต่อกรกับนักเวทย์ระดับสี่ได้

ดัชนีเยือกแข็งกับเพลิงวินาศเป็นพลังปีศาจแพนโดร่าประเภทโจมตี แต่ดวงใจแห่งความมืดเป็นประเภทสนับสนุน

แม้ว่ามันจะเป็นประเภทสนับสนุนแต่การเพิ่มพลังที่ดวงใจแห่งความมืดมอบให้กับเวทย์มนตร์ธาตุมืดนั้นยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเมอร์ลินได้สร้างเวทย์มนตร์ที่น่าเกรงขามอย่างเขตแดนแสงดำ เมื่อมันถูกร่ายและเสริมประสิทธิภาพโดยดวงใจแห่งความมืด มันอาจทำให้นักเวทย์ระดับสี่ส่วนใหญ่ตกอยู่ในภาพลวงตาได้

เมอร์ลินจดบันทึกพลังทั้งหมดที่เขามีอยู่ เขาสังเกตเห็นว่าความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยที่เขาไม่รู้ตัวและนักเวทย์ระดับสามจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อเมอร์ลินอีกต่อไป

"เอาล่ะ ได้เวลาเดินทางไปเมืองโฟลตติ้งเพื่อชำระหนี้แค้นกับรีเซนแล้ว!"

เมอร์ลินพึมพำอย่างเป็นดุดัน แน่นอนว่าเขาไม่เคยลืมการลอบโจมตีของพ่อมดรีเซนในโบราณสถานและขังเขาไว้ในนั้น

พ่อมดรีเซนคงไม่คาดคิดมาก่อนว่าการฝึกฝนเพลิงวินาศจะต้องอยู่ในโบราณสถาน เขาเพียงแค่ครอบครองวิธีการฝึกฝนแต่ไม่อาจฝึกฝนมันได้

ในทางกลับกัน เมอร์ลินโชคดีได้รับสมบัติและฝึกฝนรูปแบบที่หนึ่งสำเร็จ ในขณะที่เขาถูกขังอยู่ในนั้น

ตอนนี้พลังของเมอร์ลินเพิ่มขึ้นอย่างมากและด้วยพลังจิตในปัจจุบันของเขา ยังไม่สามารถสร้างคาถาระดับสองได้ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจจัดการเรื่องของรีเซนก่อน

“หลังจากที่ฉันแก้ไขปัญหากับรีเซนแล้ว ฉันจะตามหาเลอแรนก้า  ตอนนี้ฉันเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งแล้วดังนั้นฉันสามารถมีบริวารเป็นของตัวเองได้!”

เมอร์ลินไม่ลืมคำสัญญาของเขากับเลอแรนก้า เมื่อเขากลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งแล้ว เขาจะรับเลอแรนก้าเพื่อที่เธอจะได้กลับมายังดินแดนมนต์ดำอีกครั้ง

ดังนั้น เมอร์ลินจึงยืนขึ้นทันทีและเปิดประตูเมื่อเขาพบว่ามีบุคคลที่คุ้นเคยยืนอยู่ข้างนอก

“เอเลน่า?” เมอร์ลินขมวดคิ้วและร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ

เอเลน่าแหงนหน้าขึ้น และแสดงสีหน้ายินดีเมื่อเห็นว่าเป็นเมอร์ลิน “พ่อมดเมอร์ลิน ในที่สุดคุณก็ออกมาแล้ว! ฉันมารอสองสามครั้งแล้วแต่ดูเหมือนคุณจะยุ่งอยู่เสมอดังนั้นฉันจึงไม่รบกวนคุณ”

เมอร์ลินยิ้มและถามว่า "มีเหตุผลอะไรที่คุณตามหาฉันอยู่หรือเปล่า"

เอเลน่าก็ยิ้มเช่นกัน “ไม่มีอะไรมาก ฉันแค่อยากจะขอบคุณพ่อมดเมอร์ลิน ถ้าคุณไม่ได้ช่วยเราในตอนนั้น ฉันเกรงว่าฉันจะไม่มีโอกาสได้กลับมายังดินแดนมนต์ดำ”

เมื่อเธอเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโบราณสถาน เมอร์ลินก็นึกถึงความจริงที่ว่าเขาได้ช่วยชีวิตเอเลน่าและพ่อมดเกล็นในตอนนั้น

"ก็ไม่มีอะไรมาก มันเป็นแค่เรื่องง่ายๆ"

เมอร์ลินหยุดชั่วครู่ เขาคิดว่าการค้นหารีเซนในเมืองโฟลตติ้งอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนักและนึกขึ้นได้ว่าตระกูลของเอเลน่าเป็นตระกูลนักเวทย์ในเมืองโฟลตติ้ง บางทีเขาอาจจะขอความช่วยเหลือจากเอเลน่าได้

ดังนั้น เมอร์ลินจึงกล่าวว่า "แม่มดเอเลน่า ฉันจะกลับไปที่เมืองโฟลตติ้งและฉันเกรงว่าจะมีเรื่องจะความช่วยเหลือจากตระกูลของคุณ"

“โอ้ พ่อมดเมอร์ลินกำลังจะกลับไปที่เมืองโฟลตติ้งงั้นหรือ ถ้าอย่างนั้น ฉันจะตามไปด้วยได้ไหม? ถ้าเป็นเรื่องในเมืองโฟลตติ้ง ฉันเชื่อว่าฉันพอจะช่วยอะไรได้บ้าง”

เมื่อได้ยินว่าเมอร์ลินกำลังจะไปที่เมืองโฟลตติ้ง เอเลน่าก็รู้สึกกระตือรือร้นมากขึ้น ท้ายที่สุดแล้ว เมอร์ลินในปัจจุบันเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง นักเวทย์ที่มีพรสวรรค์ในดินแดนมนต์ดำและมีความสามารถมากกว่าไคลส์ การผูกมิตรกับเมอร์ลินจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อตำแหน่งของเธอในตระกูลของเธอ

"ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณ แม่มดเอเลน่า!"

เมอร์ลินไม่ปฏิเสธข้อเสนอ ด้วยความช่วยเหลือของเอเลน่า การค้นหารีเซนคงเป็นเรื่องง่าย

“ไม่มีเวลาให้เสียแล้ว เราจะไปเดี๋ยวนี้เลย!” เมอร์ลินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

หลังจากนั้น เมอร์ลินและเอเลน่าก็เดินทางผ่านวงแหวนเวทย์และออกจากดินแดนมนต์ดำอย่างรวดเร็ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด