ตอนที่แล้วKill the Dragons ตอนที่ 7 : เด็กพลังจิต (7)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปKill the Dragons ตอนที่ 9 : เด็กพลังจิต (9)

Kill the Dragons ตอนที่ 8 : เด็กพลังจิต (8)


หลักสูตรของปีหนึ่งไม่ต่างจากช่วงปรับตัวมากนัก นอกจากการฝึกร่างกายแล้วก็มีวิชาคณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และวิทยาศาสตร์

อาร์คพยายามอย่างหนักที่จะลบความเป็นชาตินิยมออกจากเด็ก ๆ และดึงศักยภาพที่แท้จริงของพวกเขาออกมา

พลทหารไซเกอร์ขึ้นชื่อว่าเป็นโล่และหอกของมนุษยชาติ อาร์คไม่ใช่ที่สำหรับพัฒนาสุดยอดอาวุธทำลายล้างเพื่อประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าในสงครามครั้งที่สองที่จะมาถึงนี้ หลายประเทศทั่วโลกกลับนับรวมไซเกอร์เหล่านี้เข้าไปในแผนสงครามของพวกเขาด้วย

ติ๊ง

กำไลข้อมือของอีฮันสั่น เขาเปิดฟังก์ชั่นโฮโลแกรม พบว่ามีข้อความส่งมา

“เปิด”

ข้อความจากนายพันคังพร้อมรูปภาพของเด็กจากบ้านเด็กกำพร้าปรากฏขึ้น

–ได้ยินว่านายผ่านช่วงปรับตัวมาได้แล้ว ก่อนอื่นก็ต้องขอยินดีด้วย ตามสัญญา พวกเราดูแลน้อง ๆ ของนายเป็นอย่างดี ทั้งการศึกษาขั้นสูงที่ปกติมีแต่ลูกคนรวยที่ได้เรียน ทั้งเสื้อผ้าและอาหารดี ๆ ก็ด้วย เพราะงั้นก็พยายามต่อไปล่ะ ฉันเองก็จะภาวนาให้นายโชคดีต่อไปเช่นกัน ไว้คราวหน้าจะส่งวิดีโอของน้องแต่ละคนมาให้ดู

อีฮันฟังข้อความเสียงจากนายพันคัง จริงอย่างที่เขาบอก น้อง ๆ ของเขาหน้าตาอิ่มเอิบกว่าเดิมมาก ไม่ขาวซีดไร้ชีวิตชีวาเหมือนแต่ก่อน พวกเขาดูสดใสและมีความสุข

“สบายดีสินะ” อีฮันพึมพำ

การได้เห็นน้อง ๆ แข็งแรงช่วยผ่อนคลายจิตใจของเขาได้เป็นอย่างดี แม้จะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน แต่สำหรับอีฮันพวกเขาก็สำคัญไม่ต่างจากครอบครัว

นายพันคังรักษาสัญญาได้ดังที่พูด ตราบใดที่อีฮันยังทำผลงานได้น่าพึงพอใจพวกเขาก็จะสนับสนุนสิ่งที่ดีขึ้นให้กับน้อง ๆ ต่อไป เพราะรัฐบาลเอาใจใส่ไซเกอร์ด้วยความสำคัญสูงสุด

‘ฉันต้องไต่ระดับขึ้นไปอีก’

อีฮันไม่ได้สนใจเรื่องการเชิดหน้าชูตาประเทศหรือยึดมั่นในภาระหน้าที่ต่อมนุษยชาติ เขาแค่มีเหตุผลส่วนตัวให้ต้องพยายามอย่างหนักต่อไปเท่านั้น

***

“พลังเฉพาะตัวของคนนั้นคือพลังจิตเคลื่อนย้าย ส่วนพลังไฟของคนนั้นยังพัฒนาได้อีกมาก นอกจากนี้ยังมีคนที่เทเลพอร์ตได้ในพริบตาด้วย” ครูฝึกชี้ไปที่รุ่นพี่แต่ละคนระหว่างบรรยาย “จนถึงตอนนี้เราแบ่งประเภทพลังอย่างเป็นทางการไว้ 52 ประเภท แต่ละคนจะถูกส่งไปประจำหน่วยทหารตามพลังเฉพาะตัวและตามความเหมาะสม อย่างเช่นคนที่มองเห็นอนาคตระยะไกลจะได้เข้าหน่วยบัญชาการกลาง ส่วนคนที่เห็นอนาคตอันใกล้จะถูกส่งไปด่านหน้าแทน”

อีฮันและเด็กใหม่ตั้งใจฟังบรรยายด้วยความสนใจ ในขณะที่เด็กคลาส D คนอื่นที่ฟังเรื่องนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้วนั่งเล่นอะไรไปเรื่อยเปื่อย

“เกิดอะไรขึ้นกับคนที่ไม่มีพลังเฉพาะตัวครับ” ประเด็นที่เด็กหลายคนสงสัยถูกยกขึ้นมาถาม

“พลังเฉพาะตัวเป็นเหมือนอาวุธอีกชิ้นหนึ่งที่ถ้าใครมีก็ถือว่าโชคดีไปที่ได้อาวุธในมือเพิ่ม แน่นอนว่ามันมีประโยชน์ แต่ถึงยังไงอาวุธหลักของทุกคนก็ยังเป็นอาวุธสำหรับไซเกอร์อยู่ดี เพราะอย่างนั้นใครที่พัฒนาพลังเฉพาะตัวไม่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีคุณสมบัติจะเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพหรอกนะ”

เด็ก ๆ ที่มีระดับพลังจิตต่ำพากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ยิ่งพลังอยู่ระดับต่ำก็ยิ่งมีโอกาสน้อยที่จะพัฒนาพลังเฉพาะตัวได้

อีฮันจดบันทึกแทบทุกประโยคที่ได้ยิน เขาตั้งใจกว่าทุกคนในคลาสเดียวกัน การฝึกเป็นเหมือนนรกและเหนื่อยจวนตัวสำหรับเขาเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ แต่เพราะไม่เคยได้รับการฝึกมาก่อน ไม่เคยแม้แต่จะได้เรียนรู้อะไรทั้งสิ้น เพราะอย่างนั้นจึงต้องพยายามหนักกว่าคนอื่นหลายเท่าเพื่อให้ให้ผลลัพธ์เท่ากับเพื่อน

จบวิชาตอนเช้าก็ต้องเรียนวิชาต่อไปทันที ที่อาร์คมีสิ่งอำนวยความสะดวกซับซ้อนมากมายรายล้อมไปทั่วเกาะ ทำให้ทางเดินระหว่างสนามฝึกยาวขึ้นตามไปด้วย อีฮันที่ตั้งใจในทุก ๆ การฝึกหาวออกมาด้วยความเพลียระหว่างที่เดินผ่านทางเชื่อม

“ห้ามหลับ”

พลั่ก!

ครูฝึกเรดที่อยู่ ๆ ก็โผล่มา เตะอีฮันเข้าสุดแรงจนหน้าคะมำลงไปอยู่ที่พื้น ลูกเตะไร้ความเมตตานั่นทำเอาร่างเล็ก ๆ ของเด็กปลิวไปตามลม

“ค่อก! แค่ก!”

อีฮันสูดหายใจด้วยความยากลำบาก

“ถ้าอยากนอนนักก็กลับไปนอนที่บ้าน เข้าใจไหมไอ้เบื๊อก”

ครูฝึกพ่นคำสาปแช่งออกมาอีกไม่ขาดสาย ทำเอาเด็กคนอื่นที่ง่วงอยู่พลอยตาตื่นขึ้นมาตาม ๆ กัน

ในหมู่อาจารย์ ครูฝึกเรดเป็นคนที่โหดร้ายที่สุด เขาไม่เคยมองข้ามแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ แถมยังชอบทำให้เด็กจนมุมอย่างโหดร้าย แน่นอนว่าเขาเป็นครูฝึกที่นักเรียนไม่ชอบหน้าที่สุดด้วย

“ขอโทษครับ”

อีฮันตอบสั้น ๆ ก่อนจะรีบกลับเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ แต่ยังรู้สึกได้ถึงสายตาเขียวปึ้ดที่ทิ่มแทงมายังหลังหัว

การฝึกต่อไปจัดที่ยิมทหาร หุ่นฝึกและอาวุธมากมายแขวนไว้ทั่วผนัง

“ต่อไปเป็นการฝึกใช้อาวุธ”

ครูฝึกเชื้อสายคอร์เคเชียนยืนอยู่หน้ายิม ป้ายชื่อบนอกสลักคำว่า เฉิน เขาเป็นชายหุ่นล่ำแต่ตัวไม่สูงนัก

“ครูฝึกเว่ย นี่เป็นเด็กใหม่ของวันนี้ครับ”

โจเซ่รายงานเสียงดัง ครูฝึกเว่ยพยักหน้ารับรู้แล้วหยิบอาวุธสองชิ้นที่แขวนอยู่บนผนังมาไว้ในมือ

ชิ้ง!

เขาสร้างลมกรรโชกด้วยการสะบัดดาบและหอกเพียงครั้งเดียว ท่าทางฉูดฉาดเหมือนที่เห็นในหนังทำเด็กตื่นตาตื่นใจกันยกใหญ่ เมื่อลมหยุดลงเขาจึงเริ่มเอ่ยปากพูด

“ฉันชื่อเว่ยเฉิน เป็นผู้ชำนาญในศาสตร์การใช้อาวุธต่อสู้” เขาแนะนำตัว “หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องใช้อาวุธพวกนี้ด้วยทั้งที่มีพลังจิตเป็นอาวุธอยู่แล้ว ต้องบอกก่อนว่าอาวุธพวกนี้หายไปจากสนามศึกตั้งแต่สงครามระหว่างประเทศเมื่อนานมาแล้ว แต่เหตุผลที่พวกเธอต้องเรียนรู้มันในตอนนี้ก็เพราะว่านี่จะเป็นอาวุธที่สื่อพลังจิตของพวกเธอ”

อาจารย์เว่ยขยายภาพโฮโลแกรมของตัวเองฉายขึ้นให้นักเรียนดู อาวุธมากมายสีขาวงาช้างปรากฏขึ้น มันเหมือนกับดาบที่ทำจากกระดูกหรืออะไรทำนองนั้น

“นี่เป็นอาวุธที่สร้างจากกระดูกและเขี้ยวของมังกร บนโลกของเราไม่มีวัตถุดิบใดที่ทนต่อพลังจิตได้ แต่หนังและกระดูกของมังกรตอบสนองพลังจิตได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นตัวส่งผ่านพลังจิตได้ด้วย”

อาจารย์เว่ยอธิบายอย่างกระชับและรวบรัด

“อาวุธที่สร้างจากชิ้นส่วนมังกรพวกนี้เป็นอันตรายต่อตัวมังกรเอง พวกเธอต้องฝึกใช้อาวุธให้ชำนาญก่อน ถึงจะใช้งานพวกมันได้เหมือนแขนขาอีกข้าง”

เด็กหน้าห้องคนหนึ่งยกมือถามด้วยความสงสัย

“อาจารย์ครับ แล้วก่อนที่จะมีอาวุธพวกนี้ พวกเขาฆ่ามังกรกันได้ยังไงครับ”

“เป็นคำถามที่ดี” อาจารย์เว่ยเอ่ยชม "คำตอบคือสู้มือเปล่า ไซเกอร์หลายร้อยคนสละชีวิตเพื่อฆ่ามังกร แม้ว่าไซเกอร์จะแข็งแกร่งกว่าทหารทั่วไปแต่ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีพลังรุนแรงพอจะสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับมังกรได้ ไซเกอร์ที่เหลืออยู่ก็ไม่ต่างจากโล่มนุษย์"

อาจารย์เว่ยหยุดนิ่งจังหวะหนึ่งก่อนจะพูดต่อ

"ตอนที่มังกรตัวแรกถูกฆ่า เราเสียไซเกอร์ไปกว่า 500 คน พอถึงตัวที่สอง เราเสียไซเกอร์ไป 200 คน และตัวที่สาม 100 คน ทุกการเสียสละของไซเกอร์ตอนนั้น ทำให้เรารวมรวมข้อมูลได้มากพอที่จะสังหารมังกรตัวที่เจ็ดได้ โดยมีผู้บาดเจ็บเพียง 2 คน”



0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด