ตอนที่แล้วผู้กอบกู้แห่งที่ราบทมิฬ ตอนที่ 23 สิ้นสุดการประมูล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปผู้กอบกู้แห่งที่ราบทมิฬตอนที่ 25 แปลงใจกับการเปลี่ยนแปลง

ผู้กอบกู้แห่งที่ราบทมิฬ ตอนที่ 24 เดินเรือ


ดวงอาทิตย์สาดแสงสีทองที่ขอบฟ้า ยามเช้าที่เส้นขอบฟ้า

เรือขนานกลางได้แล่นออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของที่ราบทมิฬ เรือลำนี้ถึงไม่หรูหรามาก แต่ก็ถูกดูแลไว้ในสภาพที่ดี สามารถที่จะรองรับคนได้ถึง 15 คน

น้ำทะเลที่ใสจนมองเห็นไปใต้ผิวน้ำได้เป็นเมตร จะสามารถมองเป็นฝูงปลาที่ว่ายไปมาได้เลย และเสียงนกนางนวลที่ร้อง ให้ได้ยินอยู่ไกลๆ

บนเรือนี้มีคนอยู่ 14 คน ทั้งคณะเดินทางของไมนอสและลูกเรือ พวกเขาออกเดินทางจากเมืองท่าเร็วกว่ากำหนด  ก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นเสียอีก

สำหรับการเดินทางไปเกาะศิลานี้ จะใช้เวลาประมาณ 3 วัน กว่าจะถึงด้วยเรือลำนี้ หากเรือที่ใหญ่กว่านี้หรือเร็วกว่านี้ก็จะถึงไวกว่า

แต่นี้ก็ไม่สำคัญอะไรกับไมนอสมากนัก แต่สำหรับคนติดตามของไมนอสนั้นคงไม่ใช่

พวกเขาพึ่งเคยเดินทางด้วยเรือเป็นครั้งแรกจึงเกิดอาการเมาเรือ

ถ้าพวกเขาระดับถึง ขั้นแม่ทัพแห่งจิตวิญญาณได้แล้วนั้น ปัญหาพวกนี้จะไม่มีอีกต่อไปเพราะสามารถปรับพลังงานธรรมชาติ ได้ยังอิสระ นำมาช่วยทำให้ประสาทสัมผัสของผู้ฝึกตนไม่รู้สึกต่ออาการเหล่านี้

ไมนอสวางแผนที่จะไปซื้อยาจิตวิญญาณเพื่อเพิ่มระดับพวกคนของเขา เมื่อถึงเกาะศิลา

ในขณะนั้นมีหญิงสาวแต่งชุดแม่ครัวหน้าตาน่ารักนำอาหารมาเสิร์ฟให้ไมนอสได้ลองกิน

“นายน้อยเจ้าค่ะ ลองทานอาหารว่างที่ฉันทำไว้ดูไหมค่ะ”

หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่แสนจะไพเราะ

มันมี ผลไม้หั่นบางๆ และมีแผ่นพาสต้าเล็กๆ เหมือนขนมปังทาข้างบนด้วยแยม

พร้อมกับน้ำผมไม้สองประเภทให้เลือกดื่ม

“โห! ดูน่ากินมากเลย”

ไมนอสพูดยังสนใจ

เขาไม่ได้หวังว่าบนเรือจะมีบริการอะไรมากมายจากที่คุยกัน เขาจึงประหลาดใจเมื่อเห็นบริการดังกล่าว

ไมนอสถึงกับตบหน้าตักตัวเอง เพราะรสชาติมันดีมาก

“อร่อยมาก ไม่ทราบว่าเจ้าชื่ออะไรรึ”

ไมนอสถามขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหาร

“ดิฉัน ชื่อ เวนดี้ เจ้าค่ะนายน้อย”

เธอตอบ

“เวนดี้ เธอไปเอาของพวกนี้มาจากไหนกัน”

ไมนอสยิงคำถามต่อทันที่ เพราะเขาสงสัยว่าของที่กินอยู่นี้ทำไมถึงมีพลังงานจิตวิญญาณอยู่ในปริมาณที่พอดีอยู่ด้วย

“ดิฉันก็ไม่แน่ใจ แต่คาดว่าจะมาจากอาณาจักรครอมเวลล์ เจ้าค่ะ เพราะมันมีพลังงานจิตวิญญาณดีเยี่ยม”

เวนดี้ตอบกลับ

“ข้า เข้าใจแล้ว...”

“ว่าแต่ เจ้ามาจากเมืองมารีนทาม หรือมาจากเกาะศิลากันละ?”

ไมนอสถามเวนดี้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ใครที่เห็นเหตุการณ์นี้คงคิดว่า ไมนอสนั้นกำลังสนใจในตัวเธอยังแน่นอน แต่มันก็ไม่ใช่แบบนั้นสะทั้งหมด ไมนอสนั้นยังมีภาระมากมายที่ต้องทำ เขาเลยยังไม่จะผูกพันกับใครมาก่อนเลย

และเขาก็ไม่ได้มีความคิดที่จะต่อต้านการมีภรรยาหลายคน หรือความสัมพันธ์แบบชั่วคราว

แต่กระนั้นเขาก็ไม่อยากเริ่มต้นความสัมพันธ์อะไรแบบนั้นกับคนที่เพิ่งเจอ เขาอยากจะรู้จักเธอสักหน่อย

“ดิฉันมาจากเมืองมารีนทาม ค่ะ นายน้อย”

เธอตอบ

“แล้ว การกินการอยู่ที่เมืองนั้นเป็นยังไงบ้างหรอ มีปัญหาอะไรที่เจอบ่อยๆ ไหม”

ไมนอสได้ถามต่อยังสงสัย

“ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษเจ้าค่ะ ถึงแม้จะอยู่ในที่ราบทมิฬแต่ก็มีความเข้มข้นทางจิตวิญญาณสูงกว่าสภาพแวดล้อมโดนรอบ”

“ผู้คนที่มีพรสวรรค์น้อย การจะย้ายไปอยู่ที่อื่นนั้น ค่าใช้จ่ายมันสูงเจ้าค่ะ ทั้งค่าอยู่ทั่งภาษี การอยู่ในเมืองท่านี้ก็ดีมีโอกาสให้แก่ผู้ที่อาศัยในดินแดนนี้บ้าง และคงไม่มีอะไรดีไปกว่าบริเวณรอบๆ นี้แล้วละเจ้าค่ะ”

เธอตอบยังจริงใจ

“ยังงั้นหรอ…”

ไมนอสครุ่นคิด

“แต่ทำไมนายน้อยถึงถามแบบนี้เจ้าค่ะ”

เธอถามกลับยังสงสัย

“ป่าวหรอกๆ ข้าได้ยินมาว่ามีสถานที่รอบๆ ที่ราบทมิฬ มีแหล่งโอกาสที่ดีสำหรับผู้มีความสามารถน้อยอยู่”

ไมนอสตอบยังเลี่ยงๆ ไป

“ข้าว่าเจ้าน่าจะลองหาสถานที่นั้นดูนะ ภายใน 1 ปีนี้ ถ้าเจ้าอาจจะได้รับโอกาสที่ดีในชีวิตเลยก็ได้”

หลังจากหญิงสาวได้ยินก็เดินกลับไปห้องครัวไป

เธอไม่เข้าใจสิ่งที่นายน้อยของเธอจะสื่อหมายถึงอะไร เพราะมันไม่มีที่แบบนั้นในที่ราบทมิฬ

นอกจากเมืองมารีนทามแล้ว ไม่มีที่ให้โอกาสได้ดีเท่านี้ในบริเวณหลายพันกิโลเมตรจากตรงนี้

…..

ในขณะที่คณะเดินทางของไมนอส ค่อยๆ เดินทางไกลออกไปจากเมืองท่า มีชายสามคนอยู่คุยกับชายหนุ่มแต่งตัวมีฐานะในโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองมารีนทาม

ทั้งสามยืนอยู่ที่ระเบียงนอกห้อง ส่วนชายหนุ่มกำลังรับประทานอาหาร ทั้งสามให้ข้อมูลที่สำคัญกับชายหนุ่มคนนั้น

“นายน้อย ข้าสืบรอยทราบแล้วว่าใครเป็นคนที่ทำให้นายน้อยต้องอับอายในหอการค้า”

“และเขาก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน นายน้อยก็รู้จักดี”

ฟิลิปกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

“ยังงั้นรึ มันเป็นใคร มาจากตระกูลไหน? หรือเป็นพวกตระกูลมิลเลอร์?”

แดเรลถามยังใคร่รู้ความจริง

“ไม่เลยนายน้อย มันไม่ได้เป็นคนจากตระกูลใหญ่ไหนเลย”

“มันคือลูกชายของอดีตนายพลอัลเบิร์ต สจวร์ต!!”

หมับ!!

“เป็นไปไม่ได้!! ไอ้เด็กนั้นไม่น่าจะเข้ามาขวางทางข้าได้ นี้มันไม่กลัวตายเลยยังงั้นหรอ ที่กล้ามาท้าทายข้าแบบนี้”

แดเรลพูดยังโมโหขึ้นเรื่อยๆ

เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่ทำให้เขาอับอายนั้นจะเป็นแค่มดปลวกในสายตาเขา

ไอ้แมลงตัวนี้มันสลบไป 6 ปีเสียเวลาในการบ่มเพาะพลังไป ทำไมถึงกล้ามาทำแบบนี้

“ไอ้มดปลวกตัวนี้คงใช้เงินสมบัติของพ่อมันทั้งหมดเพื่อซื้อดาบเล่มนั้นไปแล้ว แต่มันทำแบบนั้นเพื่ออะไร..”

แดเรลพูดขึ้นยังสงสัย

“ระดับของมันยังไม่น่าจะฝึกถึง ต่อให้เป็นอัจฉริยะก็ตามไม่มีทางที่จะใช้เวลา 1 - 2 ปีแล้วจะใช้ดาบเล่มนั้นได้”

“ถ้ามันอยู่ในระดับนั้นจริง มันก็คงเป็นเหมือนแย่งขนมจากมือเด็กสิครับนายน้อย ฮึๆ”

ฟิลิปกล่าวขึ้น

เพราะเขามั่นใจว่าสามารถจัดการคณะเดินทางของไมนอสได้สบายๆ ด้วยว่าฝั่งเขามี ขั้นแม่ทัพแห่งจิตวิญญาณ ถึง 3 คน ถึงว่าฝั่งไมนอสจะมากกว่าแต่ด้วยวิชาที่หน่วยองครักษ์ของตระกูลซิลวามีวิชาต่อสู้มากกว่า 1

จำนวนวิชาจะสร้างความได้เปรียบในการต่อสู้ขึ้นไปอีก

แล้วสำหรับไมนอส ฟิลิปคิดว่าระดับคงไม่เกิน 19 ถึงแม้จะเริ่มฝึกตั้งแต่ฟื้นตัวก็ตาม

“ฮ่ะๆ จริงด้วย มันยิ่งง่ายยิ่งกว่าแย่งของจากมือเด็กเสียอีก ไม่ต้องเสียเงินซื้อ แถมได้อาวุธมายังง่ายได้เสียอีก”

แดเรลยิ้มหัวเราะยังพอใจกับสิ่งที่ได้ยิน

“แล้วตอนนี้พวกมันอยู่ไหน”

แดเรลรีบถามทันที

“มันและคณะของมันเช่าเรือออกเดินทางไปเกาะศิลาเมื่อเช้ามืดนี้เองครับ เหมือนพวกมันกำลังหนี”

ฟิลิปตอบคำถามทันที

“เยี่ยมไหนก็ไหนๆ ฉันจะได้ไปเกาะศิลาเลย ไปเราจะออกเดินทางกันทันที และฆ่ามันกับคนของมันให้หมด”

“ฮะๆๆ นอกจากที่ข้าจะได้อาวุธลำดับ 2 แล้ว ยังหาซื้อยาจิตวิญญาณเพิ่มระดับพลังได้อีก ในการแข่งขันที่จะมาถึง ข้าผู้นี้จะโดดเด่นแค่ไหนกัน”

แดเรลพูดยังฝันหวาน

กลุ่มของซิลวารีบออกจากโรงแรม มุ่งหน้าไปยังท่าเรือทันที พวกเขาต้องตามหาพวกไมนอสให้เจอให้ได้!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด