ตอนที่แล้ว621-622
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป625-626

623-624


5/8

Ep.623

ซูเฉินหรี่ตา เหลือบมองออกไป และพบว่ามีชายหนุ่มชุดดำสองคนอยู่นอกรถ หนึ่งคนอ้วน หนึ่งคนผอม

ฝั่งอ้วนก็อ้วนตุ๊บป่อง ดูก็รู้ว่ากินดีอยู่ดี

ฝั่งผอมก็บอบบาง แห้งเหมือนเสาไม้ไผ่

ยิ่งไปกว่านั้น ซูเฉินยังพบว่า ในมือของชายร่างผอมกำลังถือผลึกสีเลือด ผลึกก้อนนั้นคอยเปล่งแสงละลานตาออกมา

ขณะที่ซูเฉินกำลังจะลงไปดู เฉินเฟิงข้างๆก็เตือนเขา “พี่ซู สองคนนี้มาจากตำหนักอสูรหยก ชายอ้วนมีชื่อว่าหลิงเทียนเซียว ชายผอมอีกคนชื่อจี้หนิง ทั้งคู่เป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 6 นอกจากนี้ พวกเขาแต่ละคนยังมีสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 6 เก็บอยู่ในถุงสัตว์เลี้ยงวิญญาณของพวกเขา”

“ตำหนักอสูรหยกมาจากขุมกำลังไหนหรอ?” ซูเฉินเอ่ยถามเสียงเรียบ

“จากขุนเขาหวังเฉียวของพวกเราเอง” เฉินเฟิงตอบกลับ

ได้ยินว่าขุนเขาหวังเฉียวมีทั้งสิ้นเจ็ดขุมกำลัง ตำหนักอสูรหยกคงเป็นหนึ่งในนั้น นอกจากนี้ยังมีผู้แข็งแกร่งเลเวล 9 ด้วย นับเป็นกำลังรบที่ไม่อาจมองข้าม

“ที่แท้ก็มาจากขุนเขาหวังเฉียว”

ซูเฉินพึมพำ ก้าวลงจากรถ

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีภูมิหลังอย่างไร ตราบใดที่กล้าล่วงเกินเขา  เขาจะทำลายล้างมันอย่างไร้ปรานี

เฉินเฟิงกับเซี่ยจิงอี้หันมาสบตากัน ตามหลังซูเฉินไปติดๆ

พวกเขารู้ดีว่าอุปนิสัยของซูเฉินเป็นอย่างไร หากเกิดความขัดแย้งขึ้น หลิงเทียนเซียวกับจี้หนิงคงมิแคล้วถูกสังหารอย่างน่าอนาถเป็นแน่แท้

ไม่ว่าจะฝ่ายไหน ก็ล้วนออกมาจากขุนเขาหวังเฉียวด้วยกันทั้งคู่ แล้วอีกอย่างตำหนักอสูรหยกยังมีความสัมพันธ์อันดีกับวังสุริยันจันทรา พวกเขาจึงไม่ต้องการเห็นซูเฉินขัดแย้งกับทางตำหนัก

เมื่อเห็นว่าผู้ที่ลงจากรถคือชายหนุ่มรุ่นเยาว์ ดวงตาของจี้หนิงก็แสดงออกถึงความดูแคลน พ่นล่มหายใจแรง “ไอ้หนู สัตว์กลายพันธุ์ของพวกเราอยู่ข้างในรถฐานทัพของแกใช่ไหม? ถ้ายังพอมีสมองอยู่บ้าง ก็รีบส่งมันออกมา แล้วพวกเราจะไม่สร้างปัญหายุ่งยากให้แก”

“พวกแกกำลังพูดถึงสัตว์จำแลงใช่ไหม?” มุมปากของซูเฉินยกโค้งเล็กน้อย หัวเราะเบาๆ

“นี่แกเองก็รู้เรื่องสัตว์จำแลงด้วย?”

สีหน้าของหลิงเทียนเซียวที่อยู่ข้างๆพลันแข็งค้าง อุทานด้วยความประหลาดใจ

จำนวนของสัตว์จำแลงมีน้อยมาก จึงมีแค่ไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้

แต่รุ่นเยาว์เบื้องหน้าสามารถเอ่ยชื่อมันออกมาตั้งแต่ประโยคแรก เป็นไปได้ไหมว่าเขามีภูมิหลังไม่ธรรมดา?

“ฉันจะรู้หรือไม่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกแก?”

มุมปากของซูเฉินยกโค้งเป็นรอยยิ้มเหยียดหยัน ราวกับว่าไม่เห็นทั้งสองคนนี้อยู่ในสายตา

ผู้ฝึกตนเลเวล 6 ไม่ต่างจากมดปลวกสำหรับเขา สามารถบี้ตายได้ด้วยมือเดียว

อันที่จริง ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะหาเรื่องเขาด้วยซ้ำ

“ไอ้หนู นี่แกเสียสติไปแล้วหรอ?”

จี้หนิงแค่นเสียงเย็น แววตาของเขาค่อยๆเปลี่ยนเป็นมืดมน

แต่ในเวลานั้นเอง เฉินเฟิงก้าวออกมาข้างหน้า ทักทายด้วยรอยยิ้ม “เฮียหลิง เฮียจี้ ไม่ได้เจอกันนานเลย”

“ศิษย์พี่เฉิน ศิษย์น้องหญิงเซี่ย ทั้งสองคนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” จี้หนิงตกใจเล็กน้อย

“พวกเราเพิ่งกลับจากเดินทางไกล และตั้งใจจะผ่านเส้นทางนี้ไปยังเมืองหยานจื่อ” เฉินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

จี้หนิงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่เฉิน พวกคุณจับสัตว์จำแลงตัวนั้นได้ใช่ไหม?”

เฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้มาจากวังสุริยันจันทรา ซึ่งเป็นขุมกำลังอันดับหนึ่งของขุนเขาหวังเฉียว

ด้วยสถานะนี้ จี้หนิงจึงกล่าวกับพวกเขาอย่างสุภาพ ไม่กล้าทำตัวโอหังแม้แต่น้อย

“เฮียจี้ สัตว์จำแลงตัวนี้เป็นของพี่ซู จะดีกว่านะถ้าพวกคุณยอมรามือจากมัน” ขณะกล่าว เฉินเฟิงก็หันไปส่งสายตาเชิงปรามให้จี้หนิง

แม้เขาจะไม่รู้แน่ชัดว่าสัตว์จำแลงคือสัตว์อสูรชนิดใด แต่ในเมื่อซูเฉินให้ความสำคัญกับมันมาก แค่นั้นก็พอแล้วที่จะบ่งบอกถึงคุณค่าของมัน

ต้องการถอนฟันเสือจากมือของซูเฉิน มันจะเป็นไปได้หรือ?

อย่าว่าแต่จี้หนิงหรือหลิงเทียนเซียวเลย ขนาดบรรพชนแห่งเผ่าราชวงศ์อสูร ตัวตนที่เหนือกว่าขั้น 10 ยามเผชิญหน้ากับซูเฉิน ยังเถียงสู้เขาไม่ได้

หากผู้ฝึกตนขั้น 6 กล้าอาละวาดต่อหน้าซูเฉิน เกรงว่าคงถูกสังหารในพริบตา

ที่เขาเลือกกล่าวออกมา นั่นก็เพื่อช่วยเหลือจี้หนิงกับหลิงเทียนเซียว

แน่นอน อีกฝ่ายจะเข้าใจหรือไม่ นั่นไม่เกี่ยวข้องกับเขาแล้ว

เพราะด้วยความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง การเอ่ยเตือนถึงขั้นนี้ นับว่าเป็นความกรุณามากแล้ว

6/8

Ep.624

เพราะถ้าพูดมากกว่านี้ เกรงว่าจะเป็นเขาซะเองที่ทำให้ซูเฉินขุ่นเคือง

เรื่องไหนมีน้ำหนักและสำคัญกว่ากัน เฉินเฟิงกระจ่างแก่ใจ

‘หรือชายหนุ่มคนนี้จะมีที่มาไม่ธรรมดา?’ จี้หนิงเริ่มคาดเดา

คนที่สามารถผูกมิตรกับเฉินเฟิงได้ ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องสงสัยเลย

กระนั้น สัตว์จำแลงมีความสำคัญมากสำหรับพวกเขา กว่าจะค้นพบร่องรอยของมัน ช่างยากเย็นแสนเข็ญ จะให้หยุดเพียงเท่านี้ พวกเขามีหรือจะยอม?

หลังจากทบทวนอยู่สักพัก จี้หนิงก็หันมามองซูเฉิน ท่าทีและคำพูดของเขาดูอ่อนโยนกว่าในตอนแรกมาก

“น้องซู พวกเรามาจากตำหนักอสูรหยกแห่งขุนเขาหวังเฉียว สัตว์จำแลงตัวนั้นสำคัญกับพวกเรามาก หวังว่าน้องซูจะตัดใจ แล้วขายสัตว์จำแลงให้แก่พวกเรา”

เมื่อไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของซูเฉิน จี้หนิงเลยต้องเปิดเผยสถานะของตัวเอง ยกชื่อตำหนักอสูรเข้าขู่ ให้ซูเฉินยอมประนีประนอม คายสัตว์จำแลงออกมา

กระนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาเข้าใจผิดอย่างชัดเจน ไม่ต้องกล่าวถึงตำหนักอสูร เพราะต่อให้เป็นขุมกำลังทั้งเจ็ดของขุนเขาหวังเฉียวเอ่ยปากพร้อมกัน ซูเฉินก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา

ซูเฉินแค่นลมหายใจ กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ฉันจะไม่ขายมัน ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ แล้วฉันจะทำเป็นว่าเรื่องก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น”

ทันทีทีคำนี้หลุดออกมา จี้หนิงและหลิงเทียนเซียวตกตะลึง ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ ก่อนกลายเป็นสีแดงก่ำตามลำดับ

ให้ตายเถอะ พูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง เหมือนไม่เห็นคนของตำหนักอสูรหยกอยู่ในสายตาเลย!

ต่อให้แกมีภูมิหลังอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่ต้องการแลกเปลี่ยนสัตว์จำแลง ก็ไม่เห็นต้องพูดไม่ดีเลยนี่ถูกไหม?

ทำไมต้องด่าด้วย? กล้าดียังไงถึงสร้างความอัปยศแก่พวกเรา?

แล้วแบบนี้จะทนได้หรือ!

จี้หนิงและหลิงเทียนเซียวโกรธจัด ดวงตาของพวกเขาทอประกายเย็นชามากกกว่าปกติ

เฉินเฟิงที่อยู่ข้างๆส่ายหัว ลอบถอนหายใจ

เขาพอเข้าใจอุปนิสัยของซูเฉินอยู่บ้าง ซูเฉินคือปรมาจารย์ที่ไม่เคยเสียเปรียบผู้ใด

สิ่งที่จี้หนิงและหลิงเทียนเซียวพูดก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าทำให้ซูเฉินโกรธ

อย่างไรก็ตาม ซูเฉินกลับเลือกตอบโต้ด้วยคำพูด ไม่ได้ลงมือสังหารพวกเขาในทันที นี่ถือว่าข่มอารมณ์ตัวเอาไว้มากแล้ว

นี่เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสรอดสำหรับจี้หนิงและหลิงเทียนเซียว แต่จะผ่านพ้นวิกฤตไปได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะคว้ามันรึเปล่า

“ไอ้หนู ฉันไม่สนว่าแกมีใครอยู่เบื้องหลัง แต่วันนี้ถ้าไม่มอบสัตว์จำแลงมา ก็อย่าหวังว่าจะจากไปแบบมีชีวิต!”

จี้หนิงขู่ด้วยสีหน้าดำคล้ำ หันมากล่าวกับเฉินเฟิงว่า “ศิษย์พี่เฉิน หลังจากนี้เป็นเรื่องระหว่างตำหนักอสูรกับเจ้าเด็กนี่ ฉันหวังว่าคุณกับศิษย์น้องหญิงเซี่ยจะไม่เข้ามายุ่ง”

“เฮ้ เฮ้ แน่ใจหรอว่าจะทำแบบนี้?” เฉินเฟิงยิ้มขม

หากซูเฉินลงมือแล้ว มีหรือที่คนอื่นจะหยุดได้?

นี่พวกจี้หนิงไม่รู้ตัวเลยหรอ ว่าพวกเขากำลังก้าวเท้าหาความตาย?

ซูเฉินปาดจมูกเขา ผุดยิ้มบาง เอ่ยปากว่า “ฉันให้โอกาสพวกแกแล้ว แต่กลับรนหาที่ตาย งั้นก็อย่าได้โทษคนอื่นเลย”

สิ้นเสียง พลังจิตถูกปลดปล่อยออกมาทันที กวาดไปทางจี้หนิงและหลิงเทียนเซียว

“ปรมาจารย์พลังจิต!”

สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลกดทับเข้ามา สีหน้าของจี้หนิงและหลิงเทียนเซียวแปรเปลี่ยนไปอย่างบ้าคลั่ง ทั้งสองเปิดถุงสัตว์วิญญาณโดยไม่เสียเวลาคิด เรียกสัตว์เลี้ยงวิญญาณเลเวล 6 ของแต่ละคนออกมา

ณ ขณะนี้ พวกเขาตระหนักได้อย่างชัดเจนแล้ว ว่าซูเฉินน่าจะเป็นปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 7 ขึ้นไป

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ พวกเขาไม่กล้าออมมือแม้แต่น้อย

เดิมที พวกเขาคิดว่าสัตว์เลี้ยงวิญญาณทั้ง 2 ตนจะสามารถต่อกรกับซูเฉินได้

แต่ใครจะไปคิดกัน ว่าเมื่อพลังแห่งจิตวิญญาณบดขยี้เข้ามา พวกเขาถึงค่อยรู้ตัวว่าตนเองไร้เดียงสาเพียงใด

พลังจิตของซูเฉินเหนือกว่าเลเวล 7 อย่างสิ้นเชิง มันร้ายกาจเกินกว่าทีพวกเขาจะสามารถต้านทานได้

โผล๊ะ โผล๊ะ!

ตามมาด้วยเสียงระเบิดดังสองครั้ง

สัตว์เลี้ยงวิญญาณเลเวล 6 สองตนที่เพิ่งเรียกออกมา ศีรษะของพวกมันถูกบีบจนแหลกเป็นเสี่ยงๆ

ขณะเดียวกัน ตามตัวจี้หนิงและหลิงเทียนเซียวเริ่มเกิดเสียงดังเป๊าะๆๆ กระดูกหลายแห่งตามร่างกายหัก ร่วงหน้าคว่ำลงกับพื้น กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด