ตอนที่แล้ว599-600
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป603-604

601-602


1/8

Ep.601

สิบนาทีต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบว่า “เจ้านาย ในเมืองหลางหยาไม่มีสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 อยู่เลย”

“ไม่มี?”

คิ้วของซูเฉินขมวดเข้าหากัน

หากไม่มีสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8  งั้นทริปนี้ไม่เท่ากับเสียเปล่าหรอกหรือ?

นี่เป็นเพราะไม่มีสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8  อยู่ในเมืองตั้งแต่แรก หรือมันได้ข่าวของฉันแล้วหนีไปก่อนล่วงหน้ากันแน่?

“เฮียซู พวกเราจะทำยังไงกันต่อดี?” เฉินเฟิงถามด้วยสีหน้าหนักใจ

ไม่มีเป้าหมายให้ฆ่า เท่ากับว่าการกลับสู่ทวีปมนุษย์ต้องล่าช้าออกไป เรื่องนี้ทำให้ซูเฉินอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

ซูเฉินหรี่ตาลง จ้องมองไปยังเมืองหลางหยา ในสมองค่อยๆปั่นความคิด

หากเป็นตามปกติ เขาคงเลือกบุกเข้าไปฆ่าล้างเมืองแน่นอน แต่ตอนนี้ประเด็นหลักคือการค้นหาสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 ดังนั้นจึงล้มเลิกความคิดนี้ไป

“คงต้องไปลองเสี่ยงโชคที่เมืองหยูเหลิงแทนซะแล้วล่ะ” ซูเฉินถอนหายใจ

ก่อนหน้านี้ ชาวราชวงศ์อสูรเลเวล 7 ที่เคยเป็นไกด์นำเที่ยว ได้เล่าว่าที่เมืองหยูเหลิงมีชาวราชวงศ์อสูรเลเวล 8 และสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 อาศัยอยู่ เพียงแต่ว่าระยะห่างจากที่นี่ มันค่อนข้างไกล

แล้วอีกอย่าง อ้างอิงจากเหตุการณ์ที่เมืองหลางหยาไม่มีสัตว์กลายพันธุ์ ยังไม่แน่ว่าในเมืองหยูเหลิงจะมีสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 อยู่เช่นกัน

“เสี่ยวจือ ค้นหาชาวราชวงศ์อสูรที่อยู่ใกล้ๆ” ซูเฉินสั่ง

เนื่องจากไม่สามารถหาสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 ได้ งั้นซูเฉินคงทำได้เพียงจับชาวราชวงศ์อสูรอีกหลายตนเป็นไกด์นำเที่ยว

“เจ้านาย ตรวจพบชาวราชวงศ์อสูรและชาวอมตะกำลังตรงมาทางเรา” จู่ๆ [รถศึกอัจฉริยะ] ก็พูดขึ้น

เผ่าราชวงศ์อสูรกับเผ่าอมตะ? ทั้งสองมาพร้อมกัน?

ซูเฉินค่อนข้างประหลาดใจ เอ่ยถามว่า “เสี่ยวจือ พวกมันมีระดับฐานฝึกตนขั้นไหน?”

“ชาวราชวงศ์อสูรเป็นผู้ใช้ปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 9 ชาวอมตะคือผู้วิวัฒนาการเลเวล 9 และพวกมันยังมีสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 ตามมาด้วย” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบกลับ

ผู้ฝึกตนเลเวล 9 สองคน!

ได้ยินประโยคนี้ ผู้คนบนรถตกใจมาก

กระทั่งซูเฉิน หนังตายังกระตุก

หากเป็นเลเวล 9 ตนเดียว เขาไม่กลัวเลย แต่หากเป็นสอง สถานการณ์คงยุ่งยากขึ้น

ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ หนึ่งในนั้นเป็นปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 9

“คงไม่ใช่เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานหรอกนะ?”

เท่าที่เขารู้ ในทวีปราชวงศ์อสูรมีปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 9 เพียงตนเดียวเท่านั้น นั่นคือเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมาน

อีกฝ่ายใช่แค่เดินทางผ่านมาแล้วผ่านไป หรือพุ่งตรงเข้ามาหาพวกเขาโดยเฉพาะกันแน่?

“เฮียซู พวกเรารีบไปกันเถอะ” เฉินเฟิงกังวล

ผู้ฝึกตนเลเวล 9 ปรากฏตัวสองตนในเวลาเดียวกัน เรื่องนี้สร้างแรงกดดันให้แก่เขาเป็นอย่างมาก

“ซูเฉิน พวกเราหลีกทางให้พวกมันก่อนดีกว่าไหม” หวู่หยางก้าวเข้ามาพูดเกลี้ยกล่อมเช่นกัน

ซูเฉินหรี่ตาลง ในแววตาทอประกายลึกล้ำ กล่าวเบาๆว่า “แต่อีกฝ่ายมีสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 อยู่ด้วย”

สัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 เป็นอะไรที่หาได้ยาก กว่าจะเจอตัวนึงก็ยากเย็นแสนเข็ญ เขาไม่อยากพลากดโอกาสนี้ไป

“แต่อีกฝ่ายคือผู้ฝึกตนเลเวล 9 ถึงสองตนนะ!” มุมปากของเฉินเฟิงสั่นเทา

เขารู้ดีว่าสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 มันล่อตาล่อใจซูเฉิน

แต่ฝั่งนั้น ถูกผูกไว้กับเหล็กแข็งอย่างผู้ฝึกตนเลเวล 9 ถึงสองตน!

ซูเฉินไม่ได้ตอบอะไร แต่หันกลับไปทางหน้าจอควบคุมแทน กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เสี่ยวจือ ล็อคเป้าทั้งสองตนนี้ไว้ แล้วขยายภาพที”

หน้าจอควบคุมเริ่มสลับสับเปลี่ยน ไม่นานก็มีเสือโคร่งตัวใหญ่คล้ายภูเขาลูกหนึ่งปรากฏขึ้น  บนแผ่นหลังผอมเพรียวของมันมีคนยืนอยู่ หนึ่งเป็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าหล่อเหลา และอีกคนคือชายชราใบหน้าบวมดำ

แค่มองก็รู้ว่าเสือโคร่งนั่นคือสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 ส่วนชายหนุ่มรูปงามคือปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 9 แห่งเผ่าราชวงศ์อสูร และชายชราหน้าดำคือผู้วิวัฒนาการเลเวล 9 จากเผ่าอมะ

2/8

Ep.602

“เสี่ยวจือ พวกมันกำลังตรงมาทางเราจริงๆใช่ไหม?”

หลังจากได้เห็นภาพ ซูเฉินก็ถามออกไป

“ใช่ และจะเผชิญหน้ากันในเร็วๆนี้” [รถศึกอัจฉริยะ] รีบตอบ

ซูเฉินรู้สึกงุนงงเล็กน้อย ช่วงหลายวันที่ผ่านมาเขาไม่ได้ฆ่าเผ่าราชวงศ์อสูรเลย ร่องรอยก็ปิดเป็นความลับ แล้วอีกฝ่ายตามตัวพวกเขาเจอได้อย่างไร?

แต่เมื่อคิดยังไงก็หาเหตุผลไม่ได้ ซูเฉินจึงเลิกคิดถึงเรื่องนี้ หันไปกำชับทุกคนว่า “ทุกคนอยู่ในรถกันก่อนนะ”

ศัตรูคือเลเวล 9 สองตน แม้แต่เฉินเฟิงกับเซี่ยจิงอี้ก็ไม่สามารถเข้าร่วมได้อีกต่อไป

“เฮียซู นี่เฮียต้องการงัดแผ่นเหล็กกับพวกมันจริงๆน่ะเหรอ?” เฉินเฟิงถามด้วยความกังวล

“ถ้าอยากจะออกไป ก็มีแต่ต้องฆ่าพวกมันเท่านั้นไม่ใช่หรอ”

ซูเฉินตอบด้วยรอยยิ้ม  เปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถทันที

ในเวลานั้นเอง เสือโคร่งที่มีลายขนงดงาม ก็พาผู้ฝึกตนเลเวล 9 ทั้งสองมาถึงพอดี

“โฮกกกกก”

เสือโคร่งหยุดฝีเท้า เว้นระยะห่างจากซูเฉินราวๆ 10 เมตร ปากอ้ากว้างร้องคำรามออกมา

ทันใดนั้นเอง กระแสลมกรรโชกแรงมาเบื้องหน้า เป่าเสื้อผ้าของซูเฉินจนเกิดเสียงพรึ่บพรั่บ

“ไว้ใจได้เลย เดี๋ยวฉันจะเลาะเอ็นถลกหนังแกเอง”

ซูเฉินแค่นเสียงเย็นชา วาดมือในอากาศ กระแสลมแรงถูกทำลายลงทันที เขาหันไปมองชายสองตนบนหลังเสือ กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “พวกแกมาที่นี่เพื่อฉันโดยเฉพาะเลยใช่ไหม?”

“เจ้ากำลังก่อความวุ่นวายในทวีปราชวงศ์อสูร! สังหารชาวเผ่าเราไปมากมาย แน่นอนว่าเราราชามาที่นี่เพื่อตามล่าเจ้า!” ชายจากเผ่าราชวงศ์อสูรฉีกยิ้มเยาะ

‘ดูเหมือนว่านั่นคงเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมาน’ ซูเฉินพึมพำ

“แต่เอ๊ะ? แล้วพวกแกหาฉันเจอได้ยังไง?”

เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานไม่ได้ปิดบัง บอกตามตรง “มีดวงตาของข้าอยู่บนรถฐานทัพของเจ้า แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะถูกสังหารไปแล้ว”

“แบบนี้นี่เอง” ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย

การสังหารชาวราชวงศ์อสูร แม้ภายนอกจะดูเรียบง่ายไม่มีอะไร แต่ว่าก่อนตาย มันต้องใช้เทคนิคบางอย่างทิ้งร่องรอยเอาไว้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ชาวราชวงศ์อสูรตนนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นลูกน้องของเทพศักดิ์สิทธิ์เป่ยยี่ แล้วไหงถึงทิ้งร่องรอยไว้ให้เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานได้?

ตรงจุดนี้แสดงให้เห็นว่าเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานมีสายลับแฝงตัวอยู่ข้างกายเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่

“มนุษย์ เหตุใดเจ้าถึงยังอยู่แค่ขั้น 7?”

ชาวอมตะที่ไม่ได้พูดตลอดมา หลังจากสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เล็ดลอดจากร่างซูเฉิน มันก็ต้องอุทานขึ้นมาเบาๆ

ก่อนหน้านี้ที่ได้รับข่าว ว่าเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ตายลงด้วยน้ำมือของมนุษย์หนุ่มเบื้องหน้าผู้นี้

กระนั้น เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่คือการดำรงอยู่ที่ทรงพลังเพียงใด? หากคิดหมายจะฆ่า อย่างน้อยต้องมีระดับฐานฝึกตนในเลเวล 9 ขึ้นไปไม่ใช่หรอ?

แต่ซูเฉินมีเลเวลอยู่แค่ 7 เท่านั้น! แล้วเขาทำได้อย่างไร?

เป็นไปได้ไหมว่ายังมีผู้ช่วยที่ทรงพลังของหนุนหลังอยู่?

ได้ข้อสรุปแบบนี้ ชาวอมตะก็เบนสายตาไปให้ความสนใจกับ [รถศึกอัจฉริยะ] สัญชาตญาณบอกเขาว่ายอดฝีมือจะต้องซ่อนตัวอยู่ข้างในรถอย่างแน่นอน

ได้ยินแบบนั้น  เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานข้างๆขมวดคิ้วเขาๆ

เจ้าตัวเคยเผชิญหน้ากับเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่มานานหลายร้อยปี ดังนั้นตระหนักถึงความแข็งแกร่งของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ดีกว่าใครๆ

ผู้ฝึกตนขั้น 7 สามารถสังหารเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ได้? ไร้สาระสิ้นดี

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมีความคิดเช่นเดียวกับชาวอมตะ ซูเฉินจะต้องมีผู้ช่วยที่แข็งแกร่งอยู่ข้างๆแน่ๆ

“พวกแกทั้งคู่ ไม่ต้องคิดมากถึงขนาดนั้น เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ตายด้วยน้ำมือฉันจริๆ”

ซูเฉินเบ้ปาก หัวเราะเบาๆว่า “ฉันกับพวกแกทั้งคู่ไม่ได้มีความบาดหมางต่อกัน ถ้าพวกแกยอมทิ้งเสือโคร่งนั่นไว้ ฉันจะยอมเก็บเรื่องไว้ชีวิตสุนัขทั้งสองของพวกแกกลับมาพิจารณา!”

ซู๊ดดดดด

สิ้นเสียงซูเฉิน เฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้สูดหายใจเย็นเยียบ

เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งเลเวล 9 ถึงสองตน ทว่าซูเฉินไม่เพียงไม่หวาดกลัว แต่ยังใช้คำพูดดูถูกถากถางอีกฝ่ายอีกด้วย

นี่มันบ้าไปแล้ว!

เฉินเฟิงถึงกับคิดขึ้นมา ว่าหากเขาคือหนึ่งในผู้แข็งแกร่งเลเวล 9 แล้วต้องเผชิญกับวาจาชวนให้อัปยศอดสูเช่นนี้ เขาคงไม่มีทางปล่อยซูเฉินไปอย่างแน่นอน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด