ตอนที่แล้วไป๋เสวี่ยฉีลงมือ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปรวมพลังสยบมาร

สามอสูรปรากฏกาย


กล่าวจบก็ปรากฏโล่แสงสว่างออกมาต้านทานลำแสงทมิฬและสะท้อนมันกลับไปยังผู้โจมตีอย่างคชสารโลหิต

“อ๊ากกก” คชสารโลหิตที่โดนลำแสงทมิฬที่ตอนนี้ถูกแสงแห่งทิวาเปลี่ยนคุณสมบัติจากธาตุความมืดเป็นแสงสว่างร้องโหยหวนออกมาอย่างน่าสังเวช ร่างของมันถูกลำแสงนั้นโจมตีจนระเบิดออกเผยให้เห็นกระดูกข้างใน

“โว้ววว” หลิวหยางผิวปากอย่างตกตะลึงในความรุงแรงของพลังนี้

“โอกาสนี้ล่ะ” เคียวยะพูดขึ้นก่อนจะวิ่งสุดแรงเพื่อออกไปให้พ้นจากขอบเขตการโจมตีที่นี่จนหายลับตาไป

“...” พัคแทยังมองคนทั้งสองที่หนีไปอย่างนิ่งๆ

“หนีไปได้ก็ดีแล้วล่ะ” เขายิ้มออกมาก่อนจะหันไปมองเพื่อคุมเชิงเมฟิสโต

“เจ้ากล้าดียังไง นังบ้านี่!” คชสารโลหิตกู่ร้องเสียงดังก่อนจะเริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว มันจ้องไป๋เสวี่ยฉีอย่างอาฆาต

“ชิ เผ่ามารโลหิตอย่างพวกเจ้าที่ไม่แพ้ทางธาตุแสงเหมือนพวกเผ่าปีศาจนี่น่าเบื่อจริงๆ” ไป๋เสวี่ยฉีบ่นออกมา

“หึๆ ตราบใดที่แก่นโลหิตทั่วร่างของข้าไม่ถูกทำลาย เจ้าก็อย่าหวังว่าจะสังหารข้าได้!” คชสารโลหิตตะโกนออกมา มันฟาดงวงฟาดงาอย่างลำพองใจ

“จุ๊ๆ เจ้านี่ไม่ไหวเลยนะยัยบราคอน แค่ช้างตัวเดียวยังจัดการไม่ได้ในกระบวนท่าเดียว หลบไปซะ ตาของข้าแล้ว” เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นเผยให้เห็นชายผมเขียวถือพัดที่กำลังกระโดดลงมาจากต้นสนที่เต็มไปด้วยหิมะ

“เหอะ นั่นเพราะข้ายังไม่ชินกับระดับพลังใหม่และกลัวว่าจะเผลอฆ่ามันจนไม่เหลือแม้แต่หยาดโลหิตจนทำให้ ‘คนๆนั้น’ ไม่พอใจหรอก” ไป๋เสวี่ยฉีพูดอย่างไม่สบอารมณ์ชายหนุ่มที่มาใหม่

“ข้าถึงได้บอกไงว่าจะจัดการเอง เกิดเขาไม่พอใจขึ้นมาแล้วจับพวกเรากินแทนจะซวยเอา” แบคคัสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรงๆ

“นี่! พวกเจ้าจะคุยกันอีกนานมั้ย เดี๋ยวสัตว์ประหลาดนั่นก็อาละวาดหรอก ข้ายังไม่อยากตายนะ ตอนมองเขาโดยใช้สัมผัสเทวะครั้งแรกข้าฉี่แทบเล็ดแน่ะ” หญิงสาวผมม่วงหรือมิร่าที่กระโดดลงจากต้นสนตามแบคคัสมาพูดขึ้นด้วยร่างกายสั่นเทา

“เจ้าน่ะยังดี เจ้าเด็กซนนั่นถึงกับฉี่ราดเลย กว่าจะหยุดกลัวเขาก็หลายวัน ยังดีที่ข้าได้พัคน้อยคอยปลอบเลยทำใจได้หน่อยว่าเขาจะไม่กินเรา” ไป๋เสวี่ยบอกมิร่า

“เหอๆ ส่วนข้าน่ะเหรอ ตอนเห็นเขาครั้งแรกนึกว่าเป็นแค่นักเรียนธรรมดา แต่ทีไหนได้ พอข้ากลับมาอีกรอบและกำลังจะไปย้ำเตือนให้เด็กสาวนักดาบนั้นไม่ให้ลืมซื้อเกมที่ฝากไว้ก็ถูกเขาปล่อยไอสังหารจนข้าสลบไปเลยแน่ะ” แบคคัสยิ้มแห้งๆพลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้ยามพบกับชายหนุ่มผมเทาครั้งที่สอง

“สมน้ำหน้า เจ้าดันไปทำร้ายสตรีของเขาจนบาดเจ็บนี่ ถ้าเป็นพัคน้อยที่โดนเจ้าทำร้ายแทนนางล่ะก็ ข้านี่แหละที่จะแหกอกเจ้าเองจำไว้เลยเจ้าม้าบ้าสาว 2D!” ไป๋เสวี่ยฉีพูดอย่างเอาเรื่อง

“เออๆ หวงจังนะน้องชายเจ้าเนี่ย ทีลูกเลี้ยงยังไม่สนใจดูแลเท่านี้เลย ข้าว่าป่านนี้เจ้าเด็กน้อยลู่นั่นคงนั่งหดหู่อยู่ในห้องของตัวเองแล้วมั้ง” แบคคัสยักไหล่พูด

“พวกเจ้าเลิกเถียงกันแล้วจัดการเจ้าช้างบ้านี่ได้แล้ว แบคคัส ลงมือซะ ถ้าไม่ได้เนื้อมันกลับไปให้เขากินพวกเจ้าอาจได้ตายสมใจแน่!” มิร่าเร่งทั้งสอง

“ก็ได้ๆ” แบคคัสพูดก่อนจะมองคชสารโลหิตที่ตอนนี้กำลังตัวสั่นอยู่ มันมองเขาอย่างหวาดกลัว

“โอ้ ดูเหมือนเจ้าจะรู้สินะว่าข้าคือใคร” ชายหนุ่มผมเขียวยิ้มให้

“อะ อาชาพฤกษา ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย” คชสารโลหิตพูดขึ้น มันไม่กล้าแม้แต่สบตาชายตรงหน้า เรื่องสู้อย่างได้ฝัน

“ข้าก็ไม่ได้มีความแค้นส่วนตัวกับเจ้าเหมือนที่เจ้าชายเทวะนั่นมีกับเมฟิสโตหรอกนะ แต่ต้องขอโทษจริงๆ ถ้าข้าไม่ทำมัน อสูรแห่งตำหนักหยกบางส่วนอาจกลายเป็นอาหารของคนๆหนึ่งแทนเจ้า ดังนั้น...” แบคคัสยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับคชสารโลหิตแล้วกระทืบเท้าขวาลงพื้นหิมะ ก่อนที่จะมีรากไม้ยักษ์งอกออกมาจากพื้นดินรัดร่างของคชสารโลหิตจนมันกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“ไม่ ข้าแค่ถูกท่านเมฟิสโตอัญเชิญมาสังหารมนุษย์สองคนเท่านั้น ไม่ได้ล่วงเกินท่านเลย ทำไมต้องถึงกับสังหารกันด้วย!”

“เหอะ เผ่ามารอย่างพวกเจ้าถึงแม้จะมีที่ดีๆอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกไร้เหตุผล อยากฆ่าใครก็ฆ่านี่ พอโดนกระทำบ้างก็ตัดพ้อต่อฟ้าดินหรือ ไร้สาระสิ้นดี” มิร่ามองมันอย่างรังเกียจ

“ไม่ ข้าไม่ผิดนี่ พวกมันอ่อนแอเอง จึงได้ตายอย่างไร้ทางสู้...”

“งั้นเจ้าก็อ่อนแอเองที่ไร้พลัง จงตายเสีย” แบคคัสพูดเสียงเรียบ

“พฤกษาสูบโลหิต”

สิ้นเสียงของชายหนุ่มร่างของคชสารโลหิตขนาดยักษ์ก็แห้งเหี่ยวเพราะโดยสูบเลือดไป แต่ส่วนเนื้อของมันยังคงดีอยู่เพราะแบคคัสตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น

“เสร็จงานแล้ว ไปกันเถอะ...หืม” แบคคัสเลิกคิ้ว เขามองขึ้นไปบนฟ้าก็พบว่าสีของมันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด

ตูมมม

.

.

.

ก่อนหน้านี้ไม่นาน

ทางด้านของพัคแทยัง

หลังจากที่พวกไป๋เสวี่ยฉีไปโจมตีคชสารโลหิต พัคแทยังก็เปิดฉากโจมตีเมฟิสโตทันที

“หอกทลายฟ้า” พัตแทยังเอ่ยเสียงเรียบ ชายหนุ่มเปลี่ยนร่างของตัวเองเป็นลำแสงพุ่งเข้าใส่เมฟิสโต

“อาภรณ์โลหิต...รูปแบบเกราะเทวะ” ชายเผ่ามารทำมือไขว้กันตรงกลางหน้าอกแล้วสะบัดมันออก จากนั้นเลือดในกายก็ออกมาจากรูขุมขนของเขาแล้วถักทอเป็นเส้นใยที่มีคุณสมบัติยืดหด แข็งตัวและทนทานดุจเหล็กกล้าออกมาป้องกันส่วนที่ถูกพัคแทยังแทงหอกโจมตีก่อนที่มันจะค่อยๆขยายตัวออกเป็นรูปร่างเหมือนกันเกราะพาวเวอร์สูทสีแดงเลือดที่มีลวดลายดวงอาทิตย์สีดำตรงกลางหน้าอก ตรงส่วนหัวสวมหมวกเข้ารูปแบบเต็มหัวเป็นใบหน้าของยักษ์หรือโอนิแบบญี่ปุ่น

“นั่นมัน...เกราะของนักรบเทวะ!?” พัคแทยังเบิกตากว้าง

“ตกใจอะไรขนาดนั้น ข้าก็แค่เอามันมาสร้างใหม่เพราะเห็นว่ามันเท่ห์ดี ส่วนใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นหน้าโอนิเพราะแบบเดิมมันดูน่าเบื่อเกินไปน่ะนะ ใครให้พวกเจ้าออกแบบหน้ากากโดยใส่แค่ดวงตาเฉยๆล่ะ” เมฟิสโตพูดขณะใช้มือซ้ายจับหอกของพัคแทยังไว้ไม่ให้เขาดึงกลับ ก่อนจะเรียกดาบโลหิตออกมาจากฝ่ามือขวาแล้วฟันมันไปที่คอของพัคแทยัง

“ขอหัวของเจ้าล่ะนะ!” เมฟืสโตแสยะยิ้ม

“...” พัคแทยังไม่พูดอะไร แต่กลับปล่อยมือออกจากหอกแล้วเคลื่อนที่ไปโผล่ด้านหลังของเมฟิสโตด้วยความเร็วแสง เขายื่นมือขวาออกไปก่อนจะพูดขึ้นว่า

“มา!” สิ้นเสียงหอกที่อยู่ตรงหัวใจของเมฟิสโตและถูกเขาจับอยู่ก็หมุนตัวของมันจนคล้ายสว่านควงทะลุเกราะและร่างของชายเผ่ามารทันที

ฉึก!

“อ๊ากกก!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด