ตอนที่แล้วจบการแข่งขัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปหายนะสีรุ้ง

คนสำคัญ


ในตอนแรกเธออุตส่าห์ไม่เข้าไปยุ่งกับหญิงสาวเผ่ามารคนนี้แล้ว แต่เธอกลับถูกมารสาวที่กำลังออกล่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นเพื่อสูบเลือดเล่นเจอแล้วถูกใจร่างกายเข้า เธอที่ไม่สามารถสู้กับเผ่ามารที่ต้านทานพลังควบคุมจิตของเธอได้ก็ถูกหญิงสาวผมดำที่เปลี่ยนร่างกายเป็นเลือดสิงร่างของเธอนานหลายวัน จากนั้นเธฮก็ต้องมองดูร่างกายของเธอถูกมารสาวตนนี้อาละวาดดูดเลิอดผู้คนนับร้อยจนเธอรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น

โชคดีที่ชายหนุ่มผมเทามองเห็นตัวจริงของมารตนนี้ที่ครอบงำเธออยู่และได้ช่วยปลดปล่อยเธอออกจากความทรมาน

“ฉันไหวค่ะ แล้วก็ต้องขอบคุณคุณมากๆนะคะ” วิเวียนตอบชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน พร้อมกับหัวใจของเธอที่เต้นระรัว

“โลกิ!” เสียงของเพื่อนเธอดังขึ้นจนหญิงสาวยิ้มค้าง

“อะไรเจ้าหน้าจิ้งจอก ยังไม่ตายอีกเหรอ?” หญิงสาวผมแดงหุบยิ้มหันไปมองหน้าของเคียวยะด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“อะไรกันน่ะครับ เมื่อกี้ยังยิ้มอยู่เลย จะว่าไปก็เป็นครั้งแรกที่เห็นคุณยิ้มแบบนี้นะครับเนี่ย ปกติเห็นแสยะยิ้...อุ๊บบบ” ไม่ทันพูดจบเคียวยะก็ถูกมือของวิเวียนปิดปากไว้

“ขืนพูดมากกว่านี้ฉันจะหอมแก้มนายซะ” วิเวียนพูดเสียงเย็น

“...” เคียวยะเงียบปากไปทันทีหลังได้ยินคำขู่ของหญิงสาว

“ยัยคนนี้ หรือว่า” เฟยฮวาที่กอดแขนราฟอยู่หรี่ตามองวิเวียนโดยมีซายะกับเรเชลที่มีท่าทางคล้ายๆกัน

“เจ้ามนุษย์ฟีโรโมน่าตายเอ๊ย” เรเชลบ่นออกมาเสียงเบา

“เห้อออ” ซายะถอนหายใจก่อนจะชกราฟเบาๆหนึ่งที

“หะ” ราฟเอียงหัวมองท่าทีของสามสาวงงๆ ก่อนจะเข้าใจแล้วหัวเราะออกมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

“เจ้ามันคนที่สังหารเมฟิสโตนี่!?” หลิวหยางอ้าปากค้างก่อนจะวิ่งเข้ามาหาราฟด้วยความเร็วสูงสุด

“นี่ๆ เจ้าน่ะ ดูจากตรานั่นคงเป็นผู้เข้าแข่งขันจากโรงเรียนไอรีนสินะ เจ้าใช้พลังอะไรหรือวิชาอะไรในการจัดการมารระดับสูงตนนั้นเหรอ สอนให้ข้าได้มั้ย ได้โปรดเถอะนะ ข้าอยากแข็งแกร่งแบบเจ้า!” หลิวหยางถามราฟเสียงดังจนเขาต้องเอานิ้วปิดหู

‘นี่ขนาดตูลดระดับการได้ยินให้เท่าคนปกติแล้วนะ เสียงของเจ้านี่จะดังเกินไปมั้ยเนี่ยให้ตายเถอะ’ ราฟคิดในใจอย่างเซ็งๆ

“เจ้าคนบ้าผู้หญิง” ซายะส่งเสียงหึออกมา

“นายนี่มัน...หม้อไปทั่วเลยสินะ” เรเชล

“นายท่าน ผู้หญิงคนนี้คือใครเหรอคะ?” เฟยฮวา

“เดี๋ยวๆ เจ้านี่เป็นผู้ชายนะ!...ยัยประธานทำไมทำเหมือนฉันไปก่ออาชญากรรมร้ายแรงมางั้นแหละ เห้ย ยัยนักดาบอย่ากัดแขนฉันเซ่ เสี่ยวฮวาบีบแขนฉันทำไม...นี่เธอก็เป็นไปกับสองคนนี้ด้วยงั้นเหรอ!?” ราฟเหงื่อแตกพลั่ก เขาคิดผิดหรือเปล่าที่ลดการป้องกันกับสามสาวลง ว่าแต่ทำไมเจ้าคนที่ชื่อเคียวยะนั่นถึงมองเขาแรงจังฟะ

“ผู้ชาย!?” สามสาวร้องเสียงหลง

“ใช่น่ะสิ ข้าคือยอดชายชาตรีผู้มีนามอันยิ่งใหญ่ว่าหลิวหยาง เสียมารยาทมากนะที่กล่าวหาว่าข้าเป็นสตรี...ว่าแต่เจ้ารู้ด้วยเหรอว่าข้าเป็นบุรุษน่ะ นอกจากเจ้าตาทองนั่นก็มีเจ้านี่แหละที่มองออก พวกเจ้านี่สุดยอดไปเลยนะ ฮี่ๆ” หลิวหยางหัวเราะอย่างชอบใจ

“เห้อ เรื่องให้สอนนั่นเลิกคิดเถอะ ฉันขี้เกียจอ่ะ ถ้านายอยากได้วิชานี้ก็เอาไปเลย ขึ้นอยู่กับนายว่าจะปรับใช้กับพลังของนายได้รึเปล่านะ” ราฟพูดพลางชี้นิ้วไปกลางหน้าผากของหลิวหยางก่อนจะใช้วิชาเชื่อมจิตเพื่อถ่ายทอดความรู้ของวิชาปั่นป่วนโลหิตให้

‘ดีจริงๆที่ให้ลุงแฮ็คฐานข้อมูลวิชาที่เปิดให้เรียนทั่วโลกแล้วส่งมาให้เรา หุๆ’

“นี่มัน!” หลิวหยางที่ได้รับวิชาจากราฟไปพูดเสียงดัง จากนั้นชายหนุ่มก็คุกเข่าเอาหัวโขกพื้นเสียงดัง

ตูมมม

“ท่านอาจารย์!”

“หา!?” ราฟคิ้วกระตุกเมื่อได้ยินวาจาที่แสนขัดหูนี้ อยู่ๆก็มีคนรุ่นเดียวกันมาเรียกว่าอาจารย์เนี่ยนะ

“พอๆ ไม่ต้องเรียกฉันว่าอาจารย์เลย มาทางไหนกลัยไปทางนั้น” ราฟเตะเจ้าคนไม่เต็มบาทนี่ออกไปเบาๆ

“แม้ท่านไม่ยอมรับข้า แต่ท่านจะเป็นอาจารย์ของข้าตลอดไป!” หลิวหยางตะโกนเสียงดังก่อนจะสลบไปเพราะแรงเตะของอาจารย์คนใหม่

“เวรละ ใส่อารมณ์มากไปหน่อย” ราฟยิ้มแห้งๆ

“...” ทุกคน

“พัคน้อย เจ้าจะไปแล้วเหรอ?” เสียงของไป๋เสวี่ยฉีดังขึ้นในหูฟังของพัคแทยังอย่างร้อนรน

“ครับ เอาไว้ผมจะกลับมาหาอีกนะครับ แต่จะติดต่อหาตลอดเลย” ชายหนุ่มตาทองปลอบอย่างอ่อนโยน

“สัญญานะ”

“ครับ”

“งั้นพวกข้าขอให้เจ้ากับสหายโชคดี” ไป๋เสวี่ยฉีพูดเสียงหวาน

“โชคดีนะ” จากนั้นเสียงของทุกคนจากฐานวิจัยใต้ดินก็ดังออกมาในหูฟังของพวกราฟ ยกเว้นหลิวหยาง เคียวยะ วาเนสซ่า และวิเวียน ที่ไม่ได้ใส่หูฟังไร้สายที่โลแกนสร้าง

คนที่สวมหูฟังไร้สายไว้ยิ้มออกมาไม่เว้นแม้แต่ซายะที่มักจะมีสีหน้าที่แสนเย็นชาอยู่เสมอ

“พวกเจ้ายิ้มอะไรกัน หึ คงจะสมน้ำหน้าในสภาพน่าอนาถของข้าสินะ” วาเนสซ่าที่เห็นฉากนี้มุ่ยปากตัดพ้อออกมา

“ฮ่าๆ เธอนี่ก็ตลกดีนะ” ราฟหัวเราะเบาๆ ก่อนที่เขาจะสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวบางอย่างแล้วเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า

“ยานรบมาถึงแล้ว” ชายหนุ่มผมเทาหันไปมองพวกเคียวยะและหลิวหยางที่พึ่งจะได้สติ

“พวกนายเห็นสิ่งที่ฉันทำได้แล้วสินะ ถ้างั้น...” ราฟยิ้มกว้างจนพวกเขาขนลุก

“ยะ อย่าฆ่าพวกเราเลยค่ะ” วิเวียนพูดเสียงสั่น เธอเคยใช้ร่างเดียวกับวาเนสซ่ามาก่อนทำไมจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของเมฟิสโต มารตนนี้คือชายผู้ชั่วร้ายที่สังหารเผ่าพันธุ์อื่นๆไปมากมายที่แม้แต่ผู้ใช้พลังระดับ SSS ก็ไม่อาจสังหารเขา ได้แต่ทำให้บาดเจ็บสาหัสเท่านั้น แต่ชายหนุ่มผมเทาตรงหน้ากลับสังหารมารร้ายตนนี้ได้เพียงเสี้ยววิ

ฟังจากที่เขาพูดแล้วคงคิดที่จะปิดปากพวกเธอเป็นแน่

“...” ราฟมองทั้งสามคนนิ่งก่อนจะเกาหัวยิ้มแห้งๆแล้วบอกว่า

“ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ยังไงความลับของฉันก็ต้องถูกเปิดเผยเข้าซักวัน อีกอย่างตอนนี้ฉันมั่นใจแล้วว่าจะปกป้องคนสำคัญของฉันได้ ดังนั้นถ้าพวกนายจะเอาเรื่องฉันไปบอกคนอื่นฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่อย่ามาโทษว่าฉันลงมือหนักกับพวกนั้นละกันนะ” ราฟพูดพลางหันไปมองสามสาวที่พากันแอบยิ้ม ส่วนพัคแทยังก็ส่ายหน้ายิ้มๆ

“ใครให้นายมาปกป้องฉันกัน” ซายะกระแอมออกมา

“เห ฉันยังไม่ได้พูดเลยนะว่าเป็นเธอ”

“...”

“ล้อเล่นจ้า”

“ไอ้...”

“แค่กๆ อาจารย์วางใจได้ ต่อให้ต้องตายข้าไม่มีวันบอกใครถึงความสามารถของอาจารย์เด็ดขาด เพราะข้าไม่มีวันทรยศต่อผู้มีพระคุณอย่างท่าน”

เคียวยะกับวิเวียนมองหน้ากันก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ราฟเป็นเชิงเห็นด้วยกับคำพูดของหลิวหยาง

“ฮะๆ พวกนายนี่ควรค่าแก่การนับเป็นสหายจริงๆ เอางี้ ถ้าพวกนายมีปัญหาอะไรก็ให้ติดต่อฉันผ่านเบอร์นี้ได้เลย” ราฟถ่ายทอดเบอร์ของเขาไปให้ทั้งสามคน

“ครับ/ค่ะ” ทั้งสามพูดด้วยรอยยิ้ม การที่จะได้รับความช่วยเหลือจากผู้แข็งแกร่งอย่างราฟในอนาคตช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง

ครืนนนน

หลังจากนั้นไม่นาน ยานรบก็ลงจอด ก่อนที่จะมีเด็กสาวที่มีตราผู้พิทักษ์ระดับ SSS คนหนึ่งเดินนำหน้าผู้คนออกมา

“เอาล่ะเจ้าพวกเด็กน้อย ผู้พิทักษ์สุดแสนน่ารักมารับแล้วจ้า!” แอนนาพูดขี้นด้วยรอยยิ้มสดใส

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด