ตอนที่แล้วคนผีทะเล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปได้โปรดช่วยข้าด้วย

การประชุมของเหล่าผู้นำตระกูลหลัก


โครกกก

“...”

“โดนไฟยัยนั่นเผาจนเบิร์นพลังงานไปเยอะเลย ไปหาอะไรกินดีกว่าแฮะ หืม?” ราฟมองไปที่ทะเลสาบที่เพิ่งจะปรากฏขึ้นมาให้เห็นหลังจากที่ไอน้ำหายไป

“อสูรใต้ทะเลสาบงั้นเหรอ แถมยังเป็นรูปแบบกุ้งมังกรด้วย ตัวใหญ่ประมาณ 5 เมตรได้มั้ง จากที่มันไม่ขยับละลอยขึ้นมาเหนือน้ำน่าจะตายเพราะไฟของยัยนั่นสินะ นอกจากนี้ยังมีอสูรตัวอื่นๆอีก หุๆ ลาภปากละตู ยะฮู้ววว!” ว่าจบชายหนุ่มผมเทาก็กระโดดลงน้ำอย่างร่าเริง

.

.

.

ห้องประชุมของผู้นำตระกูลหลักทั้งสิบ

ภายในห้องถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์อย่างดีดูสวยงามน่าใช้ ตรงกลางห้องมีโต๊ะกลมที่มีเก้าอี้สิบตัวที่สลักลวดลายของตราประจำตระกูลทั้งสิบล้อมรอบไว้อยู่

ในตอนนี้มีเก้าอี้เก้าตัวที่ถูกนั่งโดยเหล่าผู้นำตระกูลหลักทั้งเก้า หลงเหลือเก้าอี้ที่สลักลายมังกรทองไว้เพียงตัวเดียว ซึ่งก็เดาได้ไม่ยากว่าเก้าอี้ที่เหลือเป็นของตระกูลไหน

“หลังจากตระกูลเทียนสูญเสียผู้นำระดับปรมจารย์อย่างเทียนเฉินไปทำให้เนื้อร้ายที่คอยขัดขวางความเจริญของแดนมนุษย์หมดไปได้ซะที ในตอนนี้พวกเราเก้าตระกูลที่เหลือน่าจะมาตกลงกันนะว่าใครจะขึ้นมาเป็นตระกูลอันดับหนึ่งแทน ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องเป็นตระกูลหลินของพวกเราที่เป็นตระกูลหลักอันดับสอง” หลินเล่ย ผู้นำตระกูลของตระกูลหลินหรือผู้ที่เป็นพ่อของหลินอิงอิงพูดขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึม แต่แววตาของเขากลับปรากฏความยินดีอย่างปิกไม่มิด

“น้อยๆหน่อยตาแก่เล่ย มันพูดยากนะที่จะอ้างตระกูลตัวเองว่าเป็นตระกูลอันดับสองทั้งที่ตระกูลชิโรคามิของฉันกับตระกูลหลินของแกมีอำนาจเท่ากันน่ะ หืม?” ชิโรคามิ เคน ผู้เป็นผู้นำตระกูลชิโรคามิพูดแย้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“ว่าไงนะไอ้ตัวแย่งสาวชาวบ้าน!?” หลินเล่ยคำรามออกมาโดยมีประกายสายฟ้าออกมาจากปาก

“หึ แกมันอ่อนเองนี่หว่าที่เอาชนะใจซากุระของฉันไม่ได้ จนสุดท้ายเธอก็มาแต่งงานกับฉัน ฮ่าๆๆ” เคนพูดด้วยใบหน้าเหยียดหยันศัตรูความรักในอดีต

“แก!” หลินเล่ยคำรามอีกรอบก่อนจะมีสายฟ้าระเบิดออกมาจากทั่วร่างของเขา

“เข้ามาเลย จะได้ตัดสินกันด้วยว่าใครกันแน่ที่จะขึ้นมาเป็นตระกูลหลักอันดับหนึ่ง!” เคนแสยะยิ้มก่อนจะระเบิดไอเย็นออกมา

“หยุดทำตัวงี่เง่าเหมือนเด็กได้แล้ว พวกนายโตจนผมหงอกขึ้นหัวแล้วนะ” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น เธอมีสีผมบลอนด์ทองและดวงตาสีฟ้าสวย ใบหน้าคล้ายกับเรเชลตอนโตทำให้ดูมีเสน่ห์ของผู้ใหญ่ ที่เอวของเธอมีดาบเคลย์มอร์ที่มีใบดาบสีดำสนิทดูร้ายกาจอยู่

“ก็เจ้าเล่ยมันหาเรื่องฉันก่อน”

“ไอ้เคนมันกวนฉันนี่”

ชิ้งงง

ทันทีที่เสียงนี้ดังขึ้น ที้งหลินเล่ยและเคน รวมทั้งผู้นำตระกูลคนอื่นก็เงียบเสียงลง

นี่คือแนงกดดันของนักดาบอันดับหนี่งที่ถูกยกย่องว่าเป็นหญิงสาวที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนมนุษย์ หญิงสาวที่สามารถตัดท้องฟ้าได้ด้วยใบไม้ใบเดียว!

“เลิกคิดเรื่องขึ้นเป็นตระกูลหลักอันดับหนึ่งกันก้อน เรื่องนั้นเอาไว้คุยทีหลัง ตอนนี้เรามีเริ่องที่ต้องกังวลมากกว่า” มิเชล เดอ ราธ หรือแม่ของเรเชลที่เป็นผู้นำของตระกูลราธพูดเสียงเรียบ

“เจ้าหมายถึงเรื่องของบุรุษผู้สยบเทียนเฉินงั้นหรือ?” ตานจื่อ ชายผู้อาวุโสที่สุดในห้อง ผู้ที่มีอายุถึง 500 ปี และเป็นผู้นำตระกูลตานที่เป็นตระกูลแพทย์และปรุงยาอันดับหนึ่งจนได้รับฉายสว่าเซียนสมุนไพรถามขึ้น

“เป็นอย่างที่ผู้อาวุโสถาม ในตอนนี้มีผู้ใช้พลังระดับ SSS เพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้ว แถมยังเอาชนะเทียนเฉินที่ครอบครองอาวุธซูพริลอย่างดาบพิฆาตมังกรได้อีก ซึ่งชายคนนี้มีอายุเพียง 17 เท่านั้น นอกจากนี้สายของฉันที่อยู่ในหน่วยพิราบสีขาวยังบอกมาว่าตรวจไม่พบดาบพิฆาตมังกรในเขตตระกูลเทียน ทำให้ทางเราได้คาดเดาว่าดาบนั่นคงตกเป็นของเซราฟ ดาร์เซียแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นจะรออะไรล่ะ เธอก็ไปแย่งมันมาจากเด็กนั่นซะสิ ฝีมืออย่างเธอคงไม่ใช่เรื่องยากหรอก” โจนาธาน สมิธ ผู้นำตระกูลสมิธที่เป็นตระกูลหลักด้านงานผลิตพูดขึ้น เขาแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะได้จับอาวุธซูพริลอีกครั้ง

“ในหัวนายมันก็มีแต่เรื่องสร้างอุปกรณ์ ไม่คิดถึงผลได้ผลเสียจากการเป็นศัตรูกับเด็กนั่นเลยหรือไง การมีศัตรูระดับปรมจารย์เพิ่มขึ้นอีกคนมันทำให้ประชาชนในแดนมนุษย์สูญเสียกำลังสำคัญในการต่อกรกับแดนอื่นนะ นี่ยังไม่รวมกับพวกอสูรต่างมิติอีก ไอ้คนสมองมีแต่ฟันเฟืองเอ๊ย” จัสมิน ซีคไฮล์ หญิงสาวผิวแทนสวยผู้เป็นหัวหน้าตระกูลซีคไฮล์ ตระกูลหลักด้านการค้าที่เรียกได้ว่าร่ำรวยที่สุดในแดนมนุษย์พูดดูถูกโจนาธาน

“เหอะ ยัยคนที่สมองมีแต่ผลประโยชน์แบบเธอก็คิดแต่เรื่องแบบนี้นั่นแหละ” โจนาธานสบถใส่จัสมิน

“ฮึ” จัสมินแค่นเสียงก่อนจะหันมามองมิเชล

“เชิญพูดต่อเลยคุณราธ”

มิเชลพยักหน้าก่อนจะกวาดตามองทุกคนที่อยู่ในห้อง

“จากที่ทุกคนทราบกันมาว่าชายหนุ่มที่ชื่อเซราฟ ดาร์เซียคนนี้ได้กลายมาเป็นผู้ใช้พลังระดับ SSS แล้ว ถึงทางสมาคมจะยังไม่ได้ประกาศออกไปแต่อีกไม่นานพวกเขาต้องทำมันแน่ ฉันจึงอยากเสนอให้พวกเราตระกูลหลักทั้งเก้าที่อยู่ในห้องนี้ไม่หาเรื่องกับชายคนนี้ เพราะสงครามครั้งใหญ่กำลังจะมาถึงแล้ว ฉันไม่อยากเสียกำลังสำคัญอย่างเขาไป เพราะถึงพวกคุณจะรุมเขาจนชนะได้ แต่ไม่คิดว่าพวกคุณคนใดคนหนึ่งจะจะเสียชีวิตจากการต่อสู้เลยเหรอ?” มิเชลถามเสียงเรียบ สายตาของเธอมองไปที่โจนาธานที่กำลังกลืนน้ำลายอึกใหญ่

“จ้าๆ ไม่ต้องมองแรงอย่างนั้นก็ได้ ฉันเข้าใจแล้วน่า” สมิธโบกมือเป็นเชิงยอมรับคำพูดของหญิงสาว

“ข้าก็คิดว่าเป็นเรื่องสมควรที่จะไม่ไปเบียดเบียนชายคนนั้นนะ” ตานจื่อพยักหน้ายิ้มๆเหมือนคุณตาที่ใจดี

“เดี๋ยวก่อนนะ สงครามครั้งใหญ่ที่เธอพูดเมื่อกี้มันหมายความว่ายังไง” ชเววอนกี ผู้นำตระกูลชเวที่เป็นตระกูลผู้ใช้พลังมิติและเป็นพ่อของชเวซูจีและชเวซอนมินถามเสียงเครียด

“...” มิเชลเงียบให้กับคำถามของชเววอนกีครู่หนึ่งก่อนจะพูดเสียงจริงจังว่า

“ราชาล่าสังหาร...เทพอสูรโบราณมาธาร์ ยังมีชีวิตอยู่ มันพึ่งถูกปลดปล่อยออกมาจากคุกของเทพปกรณัม เฮเมร่า หัวหน้ากิลด์แสงดาราเป็นคนบอกเรื่องนี้กับฉันเอง!”

“!?” เหล่าผู้นำอีกเจ็ดคนยกเว้นหลินเล่ยที่อยู่ให้ห้องที่ได้ยินแบบนั้นก็หยุดการกระทำทุกอย่างแล้วหันมามองมิเชลด้วยใบหน้าจริงจัง

“เป็นไปไม่ได้ เทพอสูรทุกตนถูกขับไล่ออกนอกโลกโดยแลกกับชีวิตของเหล่าเทพปกรณัมแล้วนี่” คาเรน ดัลซิท หญิงสาวผู้เป็นหัวหน้าตระกูลดัลซิท ตระกูลหลักด้านอาหารพูดด้วยอารมณ์ไม่อยากจะเชื่อ

“นี่เป็นเรื่องจริง ลูกสาวของฉันที่เดินทางไปที่ดันเจี้ยนในป่าทมิฬพร้อมกับกิลด์แสงดาราเพิ่งจะติดต่อมาบอกฉันเมื่อไม่นานมานี้เหมือนกัน” หลินเล่ยยืนยันให้กับคำพูดของมิเชลอีกเสียง

“เห...เป็นอย่างที่ฟรานซิสของฉันพูดจริงๆด้วยสินะ เด็กคนนี้บอกว่าสัมผัสได้ถึงพลังจากตัวตนที่เก่าแก่มากระเบิดออกมาจากเมืองลอยฟ้าอวาลอน สถานที่ที่กิลด์แสงดารากับกิลด์ระดับสูงมุ่งหน้าไปตรวจสอบดันเจี้ยนลึกลับกันในป่าทมิฬ ถึงจะมีแต่กิลด์แสงดาราที่กลับเมืองมาได้ก็เถอะ นอกจากพวกนั้น พวกผู้นำกิลด์ระดับสูงและสมาชิกที่เข้าไปก็เสียชีวิตหมด เสียดายเงินที่ฉันลงทุนหุ้นไปกับกิลด์พวกนั้นจริงๆ ราคาร่วงอย่างกับดาวตกแหนะ” ฟรองซีน เทมเมอร์ หญิงสาวผู้นำตระกูลหลักที่เป็นตระกูลผู้ใช้พลังในการควบคุมสัตว์เอ่ยขึ้นยิ้มๆขณะเอามือไปลูบแก้มของวานรสามตาขนทอง อสูรระดับจักรพรรดิที่นั่งอยู่บนไหล่ของเธอ

“...” เหล่าหัวหน้าตระกูลพากันหันไปมองฟรองซีนด้วยความอิจฉา เพราะเธอเป็นเพียงคนเดียวในแดนมนุษย์ที่สามารถเป็นผู้ครอบครองอสูรระดับจักรพรรดิได้ ไม่เว้นแม่แต่มิเชลที่ต้องการมีคู่หูเป็นอสูรระดับจักรพรรดิเช่นกัน

“ถ้ามันเป็นเรื่องจริงพวกเราก็ควรรีบกลับเตรียมตัวให้พร้อม แล้วประกาศให้ประชาชนทราบกันเลยดีกว่า” เคนสนอความเห็น หลังจากที่รู้ว่าวานรสามตาขนทองที่มีความสามารถในการตรวจจับพลังระดับสูงสุดในโลกยืนยันเรื่องนี้กับฟรองซีน เขาก็ไม่คิดจะสงสัยอีก ที่สำคัญเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เพราะสงครามบรรพกาลครั้งนั้นได้ทำให้ประชากรมนุษย์หายไปเกือบหมด กว่าที่พวกบรรพบุรุษจะรวมผู้คนแล้วจัดตั้งเป็นแดนมนุษย์ได้ก็ใช้เวลาหลังจากนั้นหลายร้อยปี ซึ่งตัวเขาไม่ต้องการให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง

“ทำไมเราไม่หาเทพอสูรนั่นแล้วฆ่ามันก่อนที่มันจะเรียกเทพอสูรที่เหลือมาที่โลกล่ะ” ฟรองซีนถามยิ้มๆ ดูเธอไม่เดือดร้อนอะไรกับเรื่องนี้เลย ทำให้คนที่เหลือขมวดคิ้ว

“เธอคิดว่าเทพอสูรเป็นหมูรอให้เขือดรึไงถึงได้คิดว่าจะจัดการมันง่ายนัก” จัสมินถามอย่างไม่สบอารมณ์ ยัยผู้หญิงบ้าอสูรนี่จะชิบไปถึงไหนกัน

“เราก็มีอยู่ไม่ใช่เหรอ คนที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับเทพอสูรน่ะ”

“ใคร?” เหล่าผู้นำถามออกมาพร้อมกัน

“เขาไง” ฟรองซีนยิ้มบางๆก่อนจะชี้ไปที่ภาพโฮโลแกรมของราฟที่ฉายอยู่กลางโต๊ะประชุม

“!?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด