ตอนที่แล้วอาชาพฤกษา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปความโกรธของเรเชล

แค่แกล้ง?


และโลหิตซึ่งเป็นแหล่งพลังชีวิตหลักของเผ่ามารโลหิตก็เรียกได้ว่าเป็นแหล่งอาหารชั้นเยี่ยมในการเสริมสร้างพลังชองอาชาพฤกษา ทำให้การคงอยู่ของเผ่าพันธุ์นี้เป็นที่น่าหวาดเกรงของสิ่งมีชีวิตเกือบจะทุกเผ่าพันธุ์โดยเฉพาะเผ่ามารโลหิต

จนกระทั่งสงครามเทพอสูรครั้งล่าสุด เผ่าอาชาพฤกษาที่เลือกจะเข้าร่วมภาคีสุริยันถูกโค่นล้มโดยพันธมิตรอนธการพร้อมกับเผ่าเทวะและถูกกวาดล้างทำลายจนทุกคนเข้าใจว่าอาชาพฤกษาสูญสิ้นไปแล้ว

เมื่อเห็นชายหนุ่มผมเขียวยิ้มกว้างเป็นการยอมรับ เขาก็ตะโกนออกมา

“เป็นไปไม่ได้ เผ่าพันธุ์เจ้าสิ้นแล้วเมื่อครั้งสงครามเทพอสูรจบไป เจ้าโกหก!”

“เหอะ เจ้าคิดว่าพวกข้าตายหมดทุกคนเลยรึไง ข้านี่ไงล่ะที่ยังคงรอดอยู่ และจำไว้ให้ดีล่ะ ที่เผ่ามารโลหิตของเจ้ายังคงใช้ชีวิตต่อไปได้นั่นก็เพราะพวกข้าเบื่อหน่ายสงครามเต็มที เอาล่ะ จบการสนทนา ที่นี้ก็จงตายซะ”

“ไม่! ข้าไม่ยอมรับความตายที่ไร้ซึ่งเกียรตินี้ อ๊ากกก” ไลคาออนร้องโหยหวนก่อนที่ร่างของเขาจะแหลกเหลวโดยการบดขยี้และถูกดูดซับโลหิตโดยมือพฤกษาจนไม่เหลือแม้แต่เลือดเพียงหยดเดียว

“แข็งแกร่ง” เรเชลที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดมองไปที่ชายหนุ่มผมเขียวอย่างหวาดกลัว

“คุณจะไม่ฆ่าฉันใช่มั้ย?”

เมื่อชายหนุ่มผมเขียว หรืออสูรอาชาพฤกษาได้ยินประโยคคำถามกึ่งขอร้องแบบนี้ก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดเสียงอ่อนโยนว่า

“เผ่าอาชาพฤกษาไม่สังหารใครง่ายๆ ที่ข้าสังหารเจ้านั่นก็เพราะเกรงว่ามันจะคาบข่าวไปบอกมารโลหิตตนอื่นมาวางแผนจัดการข้า ก็นะ ข้าอยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขนี่นา อ้อ ลืมแนะนำตัวไปเลย ข้ามีนามว่า แบคคัส เจ้าสามารถเรียกข้าว่า พี่เบค หรือว่าพี่จ๋าก็ได้นะ!” ชายหนุ่มพูดจบก็หยิบพัดมาพัดใส่หน้าด้วยท่าทางดุจคุณชายผู้ดี ไม่เหมือนกับคนที่พึ่งสังหารใครมา

“...”

“แล้วตอนแรกที่เจอกันทำไมถึงทำเหมือนจะฆ่าฉันล่ะ ที่พูดกับอสูรพฤกษาไปหมายความว่ายังไงเหรอ?”

“อ้อ อันนั้นข้าแค่เบื่อเลยแกล้งเจ้าเลย ก็แหม นานๆทีจะได้เจอมนุษย์ที่แข็งแกร่งแบบเจ้านี่นา ส่วนเรื่องที่ข้าคุยกันเจ้านั่นก็ประมาณว่า...

‘ช่วยแกล้งทำเป็นต่อสู้กับเด็กสาวคนนี้หน่อย อย่ารุนแรงมากนักล่ะ’

‘แต่นายท่าน นางเพิ่งจะระดับ S เองนะ’

‘ช่างเถอะน่า ข้าแค่อยากดูอะไรสนุกๆ’

“เทเฮะ” ชายหนุ่มทำท่าเขกหัวโดยคิดว่าเป็นท่าที่ดูน่ารักที่สุด

“...”

‘ถ้าเขาเจอกับตาบ้านั่นจะป่วนขนาดไหนนะ ไม่อยากจะคิดเลย’ เรเชลคิดในใจ เธอล้มเลิกความคิดที่จะหนีไปแจ้งข่าวเรื่องของแบคคัสแล้ว เพราะเธอเห็นว่าเขาเป็นอสูรที่ไม่ชอบความรุนแรง? เธอเชื่ออย่างนั้นเพราะแบคคัสพึ่งพูดกับไลคาออนเมื่อกี้ว่าเขาเบื่อหน่ายสงคราม คนเกลียดสงครามไม่มีทางเป็นคนไม่ดีไปได้หรอก

อีกอย่าง ถึงหนีไปตอนนี้ก็คงไม้พ้นโดนมือไม้นั่นจับตัวเธอไว้แน่ๆ ขนาดอสูรหมาป่านั่นเร็วกว่าเธอตั้งหลายเท่ายังโดนจับได้ง่ายๆเลย

“เอาล่ะ ทีนี้มาเรื่องของพวกเราต่อก้นดีกว่า” แบคคัสทำหน้าจริงจังขณะพูดเรื่องนี้

“อ่ะ แืม จะให้ฉันทำอะไร?”

“...หลังจากสิ้นสุดการแข่งขันนี่แล้วเจ้าช่วยซื้อเกม ‘น้องสาวของผมคือผู้กล้า’ แล้วส่งมาตามที่อยู่นี้ให้หน่อยได้มั้ย มันเป็นเกมที่พึ่งออกวางขายเมื่อไม่นานมานี้ ข้าถูกยัยผู้หญิงบ้าเพื่อนสมัยเด็กบางคนยึด เอ๊ย เก็บเงินไปหมดเพราะทำอะไรพลาดนิดหน่อยเลยออกไปซื้อไม่ได้ เพราะงั้น...ช่วยหน่อยนะ คิดซะว่าตอบแทนที่ข้าช่วยเจ้าไว้จากหมาขนแดงนั่นก็ได้” แบคคัสขอร้องพลางยื่นกระดาษที่เขียนที่แยู่พร้อมชื่อที่เขียนว่าโลแกนมาให้

“เอ่อ ตอนนี้ฉันไม่มีเงินเพราะการแข่งนี้ฟ้าทเอาอะไรเข้ามา ถ้าออกไปได้จะซื้อมาฝากนะ” เรเชลคิ้วกระตุก ตอนแรกเธอคิดว่าจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายมากกว่านี้เสียอีก แต่อีกใจก็รู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้มีอะไรมากนอกไปจากอสูรติดเกมฝากซื้อของเท้านั้น

“เยี่ยม เจ้านี่เป็นคนดีจริงๆ งั้นก่อนที่จะออกจากการแข่งขันนี้เจ้าก็มาพักกับพวกข้าที่ตำหนักหยกก่อนละกัน ที่นั่นดีมากเลยระ ข้าจะไปขอห้องให้เจ้าพักชั่วคราว”

“เอ่อ ขอบคุณค่ะ อ๊ะ!?”

ครืนนน

ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น พื้นดินโดยรอบก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

“แบคคัส? นี่ฝีมือคุณเหรอ?” เรเชลถามขณะเกาะโพรงไม้ไว้แน่น

“ข้าไม่มีพลังในการบงการปฐพี” แบคคัสขมวดคิ้วตอบ ชายหนุ่มแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่ในตอนนี้ปรากฏเกราะพลังงานที่เริ่มสูญสลายไปจากจุดกึ่งกลางของเกาะ

“บาเรียที่ปกคลุมเกาะสูญสลาย? ฮ่าๆๆ เจ้าหมอนั่นทำสำเร็จแล้วงั้นเหรอ?” แบคคัสหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนจะหยิบหูฟังไร้สายขึ้นมาสวมหูก่อนจะติดต่อหาใครบางคน ไม่นานหูฟังนั้นก็ฉายภาพโฮโลแกรมของชายวัยกลางคนหน้าอมโรคคนหนึ่งขึ้น ข้างหลังของเขามีชิ้นส่วนเครื่องกลที่น่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์กองไว้มากมายเกินจะนับไหว

“ว่าไงเบค”

“โร้ค เจ้าทำลายบ้าเรียที่ปกคลุมโลกได้แล้วอย่างงั้นเหรอถึงได้ยกเลิกการใช้งานบาเรียบนเกาะนี้น่ะ?”

“ประมาณนั้น เรียกว่าเกือบจะดีกว่า พอดีมีผู้ช่วยที่ดีน่ะ ราฟ มาทักทายเพื่อนฉันหน่อย เบคนี่ราฟ เขาเป็นผู้เข้าแข่งขันที่ฉันขอความร่วมมือมาช่วยฉันเรื่องบาเรีย ส่วนราฟนี่คือแบคคัส หรือ เบค เป็นอสูรชั้นราชาระดับ SS เหมือนกับไป๋เสวี่ยฉีที่ฉันชักชวนมาร่วมมือด้วยน่ะ” โลแกนหันมาเรียกชายหนุ่มผมเทาที่กำลังนั่งเหงื่อแตกอยู่

“ราฟ? เดี๋ยวก่อนนะคะคุณเบค...ราฟ นั่นนายจริงๆด้วย ทำไมถึงไปอยู่ที่นั่นได้ล่ะ!?” เรเชลที่ได้ยินชื่อที่คุ้นหูรีบหันไปมองที่ภาพโฮโลแกรมทันทีด้วยความตื่นเต้นดีใจ

“อื๋อ…อ้าว เรเชล เธอยังรอดอยู่อีกเหรอ” ความกวนประสาทแบบนี้มีแค่คนเดียวเท่านั้น

“ไอ้คนน่าตาย ยังปากปีจอเหมือนเดิม”

“คนรู้จักของเจ้าเหรอ” แบคคัสถามหญิงสาว เขาไม่คิดว่าโลกจะกลมแบบนี้

“ค่ะ ถึงไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่ แต่หมอนี่เป็นเพื่อนของฉัน” เรเชลตอบ ถึงเธอจะบอกแบบนี้ แต่แบคคัสเห็นแววตาของหญิงสาวฉายแววแห่งความดีใจออกมาอย่างปิดไม่มิด

“หึๆ ชักอยากรู้แล้วสิว่าเขาทำให้ยอดนักดาบสาวในอนาคตยอมรับเป็นสหายได้อย่างไร” แบคคัสเอ่ยยิ้มๆ

“เรื่องมันยาวน่ะค่ะ คุณแบคคัส ช่วยพาฉันไปหาเขาได้มั้ยคะ?” เรเชลขอร้องชายหนุ่ม

“ย่อมได้ ในเมื่อสหายของเจ้าทำให้ความหวังของพวกข้าใกล้สำเร็จ” แบคคัสกล่าวจบก็ชูมือขวาไปข้างหน้า ก่อนทีแหวนที่ฝังคริสตัลสีเหลืองอำพันจะเปล่างแสงออกมา จากนั้นชายหนุ่มผมเขียวก็ใช้มือซ้ายแตะไหล่ของเรเชล แล้วทั้งสองก็ถูกดูดไปเข้าช่องมิติ

หลังจากที่ทั้งสองหายเข้าประตูมิติไป ปรากฏเงาร่างบางของสตรีที่แสนงดงามขึ้น ต่างหูของเธอเรื่องแสงสีขาวคล้ายหมอกแสดงถึงพลังแห่งมายาที่ซ่อนตัวตนของเธอจนถึงตอนนี้

“...อย่างที่คิด ผู้หญิงคนนั้นรู้จักกับเจ้าคนผมเทานั่นจริงๆ ไม่เสียแรงที่ส่งอสูรโลหิตติดตามไว้เมื่อสี่วันก่อน” วาเนสซ่าเอ่ยออกมาขณะมองดูความผันผวนของมิติที่ถูกปิดลงเมื่อครู่

สี่วันก่อน ขณะที่เธอกำลังเล่นสนุกกับการสูบเลือดผู้เข้าแข่งขันคนอื่นอยู่นั้น หญิงสาวสัมผัสได้ถึงเรเชลที่อยู่ใกล้เคียงจึงได้สั่งให้ไลคาออนแอบติดตามหญิงสาวผมบลอนด์ไปโดยเธอได้มอบต่างหูมายาอีกข้างให้กับเขาเพื่อใช้ซ่อนตัว ส่วนเธอจะออกไปสนุกต่อ

จนเมื่อไม่นานมานี้ คำสาปแห่งผู้ทรยศที่อาจารย์ของเธอได้สร้างขึ้นระหว่างเธอและไลคาออนถูกตัดออกไป มันทำให้เธอรู้ว่าอสูรโลหิตที่ส่งไปติดตามเหยื่อล่อของเธอถูกสังหารไปแล้ว ทำให้เธอมาที่จุดที่สัญญานชีวิตของไลคาออนหายไป

เมื่อหญิงสาวมาถึงก็พบกับชายหญิงสองคนกำลังคุยกันอยู่ ก่อนจะมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น จากนั้นชายผมเขียวก็เปิดโฮโลแกรมออกมาจากหูฟังไร้สาย

แล้วเธอก็เห็นใบหน้าที่ฝังใจเธอมาหลายวัน ใบหน้าที่เธอไม่เคยลืม เพราะถูกเจ้าหมอนั่นมองจิตของเธอด้วยสายตาหื่นกามจนเธอรู้สึกขนลุก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด