ตอนที่แล้วWS บทที่ 221 ดวงใจแห่งความมืด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 223 ภาพมายา

WS บทที่ 222 ช่องว่างทมิฬ


“เจอกันอีกแล้วนะ พ่อมดลีโอ”

พ่อมดคนหนึ่งที่พ่อมดฮอบส์พามาด้วยจู่ ๆ ก็พูดทำลายบรรยากาศที่อึมครึม

“พ่อมดกริซโล เจ้าก็มาด้วยรึ!”

พ่อมดลีโอส่ายหัว เขาได้พบกับพ่อมดกริซโล ก่อนหน้านี้เมื่อพวกเขาเข้าร่วมกองกำลังกับหอคอยอเวจีเพื่อต่อสู้กับพวกออสมู พ่อมดกริซโลนั้นยังเป็นนักเวทย์ระดับเจ็ดอีกด้วย

“ส่วนนี่คือพ่อมดบาห์เรน! เราสามคนได้ทำการประชุมกันอย่างรวดเร็ว พ่อมดเมอร์ลินไม่ใช่แค่ลูกศิษย์ธรรมดา ๆ ของพ่อมดลีโอ เขาเป็นนักเวทย์สุดมหัศจรรย์ที่เพิ่งปรากฏตัวในดินแดนมนต์ดำ เขาคือนักเวทย์หกธาตุที่มีพรสวรรค์มากกว่าไคลส์ ข้าพูดถูกหรือเปล่า” พ่อมดกริซโลมองตรงไปยังเมอร์ลินอย่างพินิจแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบและสม่ำเสมอ

พ่อมดลีโอไม่แปลกใจเลย เมอร์ลินเพิ่งเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของดินแดนมนต์ดำ ดังนั้นพวกหอคอยอเวจี, เมืองแห่งอัคคีและองค์กรนักเวทย์อื่น ๆ ที่มีเครือข่ายข้อมมูลอย่างกว้างขวางจึงสามารถรู้เรื่องของเมอร์ลินได้อย่างรวดเร็ว

“ใช่แล้ว เมอร์ลินเป็นนักเวทย์หกธาตุอย่างแท้จริงและเขาได้ลงนามในสัญญาระดับสูงสุดกับดินแดนมนต์ดำแล้ว! เขาได้กลายเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของดินแดมนต์ดำด้วย!”

พ่อมดลีโอไม่ได้คิดที่จะซ่อนเรื่องนี้ เรื่องแบบนี้มันไม่สามารถปกปิดได้ ในตอนที่ไคลส์กลายเป็นนักเวทย์ห้าธาตุและสมาชิกอย่างเป็นทางการของดินแดมนต์ดำ ข่าวก็แพร่กระจายไปยังองค์กรนักเวทย์ทุกหนทุกแห่ง ถ้าเรื่องของไคลส์ยังไปไกลได้ขนาดนั้น นับประสาอะไรกับเรื่องของเมอร์ลิน

“นักเวทย์หกธาตุ…ผู้มีพรสวรรค์มากมายได้ปรากฏตัวขึ้นในดินแดนมนต์ดำ แม้ไคลส์เพิ่งจะทรยศและจากไปแต่ตอนนี้เมอร์ลินกลับปรากฏตัวออกมาแทนที่และยิ่งใหญ่กว่าไคลส์! อย่างไรก็ตาม พ่อมดลีโอ ข้าเกรงว่าอัจฉริยะอย่างเมอร์ลินจะกลายเป็นพวกออซมูเข้าสักวัน ข้าคิดว่า…”

ก่อนที่พ่อมดกริซโลจะพูดจบ เขาถูกพ่อมดลีโอขัดจังหวะ “เกี่ยวกับพวกออซมู ดินแดนมนต์ดำสามารถจัดการพวกมันได้ด้วยตัวเอง สิ่งที่เรากำลังคุยกันอยู่ตอนนี้เป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนของเราเท่านั้น การสนทนาของพวกเราจะมีเพียงแค่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขที่ข้าได้ระบุไว้ก่อนหน้านี้ เอาล่ะ พวกคุณยอมรับเงื่อนไขที่สองของข้าได้หรือไม่?”

เห็นได้ชัดว่าพ่อมดลีโอไม่ต้องการพูดถึงเรื่องของออซมู

เมื่อได้ฟังสิ่งที่พ่อมดลีโอพูด พ่อมดฮอบส์และอีกสองคนก็เงียบไป หลังจากนั้นพ่อมดฮอบส์ก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เราตกลงตามเงื่อนไขเหล่านี้ได้แต่มีบางอย่างที่พ่อมดลีโอควรรู้ การเข้าไปในช่องว่างทมิฬนั้นอันตรายมาก หากพ่อมดเมอร์ลินหลงทางในช่องว่างทมิฬ ทางเราจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น”

พ่อมดลีโอไม่เพียงไม่กังวลแถมยังยิ้มออกมาด้วย “เป็นอย่างที่ข้าคาดไว้ ข้าไม่สนใจต่ออันตรายของช่วงว่างทมิฬจะมากเพียงใดก็ตาม ถ้าเมอร์ลินต้องหลงทางในนั้น ข้าก็ยังคงรักษาสัญญาและมอบวิธีการฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดให้”

“ตกลง ข้ายอมรับเงื่อนไข!”

พ่อมดฮอบส์และคนอื่นๆ ผงกศีรษะอย่างพอใจขณะที่ดวงตาเปล่งประกายด้วยความปรารถนา

"นี่คือวิธีการฝึกฝนดวงใจแห่งความมืด!"

พ่อมดฮอบส์หยิบหนังสือจากแหวนของเขาอย่างคล่องแคล่ว ตัวหนังสือนั้นเล่มค่อนข้างบาง มีเพียงไม่กี่หน้าและเขียนด้วยภาษามอลต้า

เมอร์ลินหยิบหนังสือจากมือพ่อมดฮอบส์และพลิกดูสั้นๆ จากนั้นเขาก็ใช้เดอะเมทริกซ์บันทึกวิธีการฝึกฝนดวงใจแห่งความมืด

“เอาล่ะ พ่อมดเมอร์ลิน ลงนามเอกสารสัญญานี้”

เมื่อเห็นว่าเมอร์ลินได้ศึกษาวิธีการฝึกฝนดวงใจแห่งความมือแล้ว พ่อมดฮอบส์จึงทำสัญญาที่เปล่งประกายสีทองจางๆ ออกมาทันที

เมอร์ลินพยักหน้า เขาได้ลงนามสัญญากับดินแดนมนต์ดำมาแล้ว ดังนั้นดูเหมือนว่าเขาจะคุ้นเคยกับกระบวนการนี้ หลังจากที่เขาทำสัญญา เขาได้ขยายพลังจิตของเขาลงบนกระดาษและประกาศแต่ละคำอย่างเคร่งขรึม

"ฉันขอสาบานด้วยชื่อของฉัน เมอร์ลิน วิลสัน ฉันจะไม่เปิดเผยคาถาธาตุมืดและดวงใจแห่งความมืดที่ฉันจะได้รับจากหอคอยอเวจี! "

แต่ละคำที่เมอร์ลินพูด อักษรรูนลึกลับที่เกี่ยวข้องจะลอยออกมาจากกระดาษสัญญาก่อนที่มันจะจมลงไปในกระดาษ เมื่อพูดคำสุดท้าย แรงดึงอันทรงพลังได้รวบรวมส่วนหนึ่งของพลังจิตของเขาและประทับตราลงบนสัญญา

“ตอนนี้เจ้าลงนามสัญญาแล้ว พ่อมดเมอร์ลิน เจ้าพร้อมที่จะไปที่ห้องสมุดเพื่อเลือกคาถาธาตุมืดหรือจะไปที่ช่องว่างทมิฬโดยตรงเพื่อฝึกฝนดวงใจแห่งความมืดก่อน?” พ่อมดฮอบส์เก็บเอกสารสัญญาและหรี่ตาขณะที่ถาม

เมอร์ลินกำลังจะสอบถามเกี่ยวกับช่องว่างทมิฬแต่พ่อมดลีโอตอบแทนเขาทันทีว่า "เมอร์ลินจะไปที่ช่องว่างทมิฬก่อนเพื่อฝึกฝนดวงใจแห่งความมืด"

เมื่อเห็นพ่อมดลีโอพูด เมอร์ลินทำได้เพียงพยักหน้าแต่ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย เขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับช่องว่างทมิฬในหอคอยอเวจีเลย นอกจากนี้ พ่อมดฮอบส์เพิ่งกล่าวว่ามีอันตรายที่อาจทำให้หลงทางอยู่ในนั้นซึ่งทำให้เมอร์ลินรู้สึกลังเลใจ

“ตามข้ามา ระหว่างทาง ข้าจะค่อยๆ อธิบายรายละเอียดของช่องว่างทมิฬให้ฟังเอง” พ่อมดลีโอดูเหมือนจะอ่านสีหน้าที่เต็มไปด้วยความลังเลออกของเมอร์ลินและพยายามอธิบาย

เมอร์ลินพยักหน้า หลังจากนั้นพ่อมดฮอบส์และคนอื่นๆ ก็ลุกขึ้นยืน “ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปที่ช่องว่างทมิฬ”

ต่อจากนั้น เมอร์ลินและพ่อมดลีโอก็เดินตามหลังพ่อมดฮอบส์ขณะที่พวกเขาเข้าสู่เส้นทางเดินมืดที่ซับซ้อน

ระหว่างทาง พ่อมดลีโอเริ่มอธิบายความมืดมิดให้เมอร์ลินฟัง

"ช่องว่างทมิฬเป็นพื้นที่ลึกลับที่สร้างขึ้นโดยผู้ก่อตั้งหอคอยอเวจี, จอมเวทย์ดามานี ผู้ซึ่งใช้พลังงานจำนวนมหาศาลในการสร้างมัน ภายในเต็มไปด้วยพลังธาตุมืดแบบที่ไม่มีที่สิ้นสุด ผู้ที่เข้าไปข้างในจะได้รับผลกระทบทำให้ตกอยู่ในภาพลวงตา

แน่นอนว่าที่นั่นนั้นอันตรายแต่จอมเวทย์ดามานีไม่สร้างพื้นที่ที่อันตรายอย่างแท้จริง แม้ว่าช่องว่างทมิฬจะเป็นสถานที่อันตรายที่จะดักจับผู้คนทำให้หลงอยู่ในภาพลวงตาแต่มันก็เอื้ออำนวยอย่างยิ่งต่อการฝึกฝนดวงใจแห่งความมืด หากใครใช้เข้าไปฝึกฝนในช่องว่างทมิฬและต่อต้านภาพลวงตาได้ ดวงใจแห่งความมืดจะได้รับการฝึกฝนโดยไม่มีสิ่งกีดขวางใด ๆ เจ้าจะเข้าใจรายละเอียดปลีกย่อย เมื่อเจ้าดูวิธีการฝึกฝนดวงใจแห่งความมืดอย่างใกล้ชิด

พ่อมดลีโอได้ให้คำแนะนำง่ายๆ เกี่ยวกับช่องว่างทมิฬและเมอร์ลินก็เข้าใจเกี่ยวกับหน้าที่ของมันซึ่งก็คือการช่วยเหลือนักวเทย์ที่ตั้งใจแน่วแน่ที่จะฝึกฝนดวงใจแห่งความมืด

เป็นไปได้ว่าเจตนาดั้งเดิมของจอมเวทย์ดามานีคือการอนุญาตให้เหล่านักเวทย์ของหอคอยอเวจีใช้ช่องว่างทมิฬเพื่อที่พวกเขาจะได้ฝึกฝนดวงใจแห่งความมืดได้ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม จากสิ่งที่เมอร์ลินมองเห็นได้ในตอนนี้ก็คือที่มีคนเพียงไม่กี่คนที่ฝึกฝนดวงใจแห่งความมืดในหอคอยอเวจีดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย

พ่อมดลีโอดูเหมือนจะเดาความคิดของเมอร์ลินได้และพูดเบา ๆ ว่า “แน่นอนช่องว่างทมิฬเป็นสถานที่อันตราย หากขาดสติเพียงพริบตาสติของเจ้าจะสูญหายไปโดยสิ้นเชิง…อย่างไรก็ตาม มีสมบัติในหอคอยอเวจีที่มีชื่อว่าศิลาแห่งการรู้แจ้ง ก็ตามชื่อของมัน หินก้อนนี้ จะสามารถทำให้จิตใจมั่นคงในช่องว่างทมิฬและไม่ต้องกังวลว่าจะตกไปอยู่ในภาพลวงตา ดังนั้น การฝึกฝนดวงใจแห่งความมืดจะง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมาทางหอคอยอเวจีไม่ได้ครอบครองศิลาแห่งการรู้แจ้ง ใช่มั้ยพ่อมดฮอบส์?”

ในระหว่างนั้น พ่อมดฮอบส์ก็หยุดเดิน แม้ว่าพวกเขาจะมองไม่เห็นสีหน้าของเขาเนื่องจากพวกเขาอยู่ในทางเดินมืดสลัวแต่เมอร์ลินคาดว่าสีหน้าของพ่อมดฮอบส์น่าจะมืดมน อย่างไรก็ตาม พ่อมดฮอบส์ตอบเพียงเสียงเย็นชาว่า

“ใช่แล้ว หอคอยอเวจีไม่มีศิลาแห่งการรู้แจ้งอีกต่อไป ดังนั้นนักเวทย์ส่วนใหญ่ที่เข้าสู่ช่องว่างทมิฬจึงหลงทางในภาพลวงตา มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนดวงใจแห่งความมืดสำเร็จ”

อันที่จริง พ่อมดฮอบส์กำลังปกปิดอะไรบางอย่าง ในหอคอยอเวจีมีนักเวทย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ฝึกฝนดวงใจแห่งความมืด ยิ่งไปกว่านั้น ภายใต้อิทธิพลอันสามานย์ของออสมู นักเวทย์เหล่านี้บางคนได้ทรยศต่อหอคอยอเวจี

“เอาล่ะ ช่องว่างทมิฬอยู่ตรงหน้าแล้ว”

พ่อมดฮอบส์หันกลับมาและมองตรงไปยังเมอร์ลินด้วยสายตาที่ลึกล้ำ พูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส "เจ้าเข้าใจอันตรายของช่องว่างทมิฬหรือไม่ หากไม่มีศิลาแห่งการรู้แจ้ง คนส่วนใหญ่ที่เข้าสู่ช่องว่างทมิฬจะหลงทางอยู่ภายใน"

นี่เป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุที่พ่อมดฮอบส์และคนอื่น ๆ ตกลงในเรื่องนี้อย่างง่ายดาย ช่องว่างทมิฬให้ประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์สำหรับการฝึกฝนดวงใจแห่งความมืดแต่หากไม่มีศิลาแห่งการรู้แจ้ง การเข้าไปนั้นก็ไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย จากสิบคนจะมีแปดหรือเก้าจะหายไปตลอดกาลภายในวังวนของภาพลวงตา

“ใครบอกว่าเขาจะเข้าไปโดยไม่มีศิลาแห่งการรู้แจ้ง?”

ขณะที่เมอร์ลินกำลังลังเลอยู่นั้นเอง ทุกคนก็ได้ยินเสียงของพ่อมดลีโออย่างชัดเจน ในเวลาเดียวกัน หินสีดำรูปไข่ขนาดเท่าไข่ปรากฏบนฝ่ามือของพ่อมดลีโอ หินนั้นส่งพลังพิเศษออกมาซึ่งทำให้เมอร์ลินรู้สึกหนักหน่วง

“นั่นมันศิลาแห่งการรู้แจ้ง มันคือของจริงใช่มั้ย?!”

พ่อมดฮอบส์อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ พ่อมดกริซโลและพ่อมดบาห์เรนเบิกตากว้างด้วยความตกใจเช่นกัน พวกเขาจ้องมองไปที่หินสีดำในมือของพ่อมดลีโอ ขณะที่ใบหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวด้วยความประหลาดใจ

เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่ศิลาแห่งการรู้แจ้งได้หายไปจากหอคอยอเวจี หากไม่มีศิลาแห่งการรู้แจ้ง แม้พวกเขาจะครอบครองช่องว่างทมิฬแต่มันก็ประโยชน์และไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่

ในตอนแรก หอคอยอเวจีนั้นแข็งแกร่งกว่าดินแดนมนต์ดำ, เมืองแห่งอัคคีและองค์กรอื่น ๆ แต่พวกเขาใช้ศิลาแห่งการรู้แจ้งจนหมดจึงทำให้การบ่มเพาะผู้ที่แข็งแกร่งจากหอคอยอเวจีค่อยๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป

ดังนั้น พวกเขาจึงมองไปที่ศิลาแห่งการรู้แจ้งในมือของพ่อมดลีโอด้วยความรู้สึกตึงตะลึงอย่างสุดขีด

“ข้าจะปล่อยให้เมอร์ลินเข้าไปในช่องว่างทมิฬโดยไม่ได้เตรียมตัวอย่างนั้นหรือ”

‘รอยยิ้ม’ ที่น่าสยดสยองปรากฏบนใบหน้าของพ่อมดลีโอ แม้ว่า ‘รอยยิ้ม’ เช่นนี้ ควบคู่ไปกับการแสดงออกที่น่าสะพรึงกลัวจะทำให้ใคร ๆ ต่างกลัว มันทำให้เมอร์ลินถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าพ่อมดลีโอจะเตรียมทุกอย่างไว้

ด้วยศิลาแห่งการรู้แจ้ง เขาจะปลอดภัยมากขึ้นเมื่อเขาเข้าสู่ช่องว่างทมิฬและโอกาสในการฝึกฝนดวงใจแห่งความมืดได้สำเร็จก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก

“เมอร์ลิน เอาศิลาแห่งการรู้แจ้งไปและเข้าไปในช่องว่างทมิฬซะ”

ตาที่สามสีแดงเข้มบนหน้าผากของพ่อมดลีโอกะพริบตลอดเวลา เรืองแสงด้วยแสงสีแดงเลือดแปลก ๆ ทำให้พ่อมดกริซโล พ่อมดฮอบส์และพ่อมดบาห์เรน ทั้งสามเป็นนักเวทย์ระดับเจ็ด พวกเขารู้สึกกดดันสุดอย่างที่ไม่รู้จะพรรณนาออกมาอย่างไร

เมื่อพวกเขามองดูช่องแขนที่ว่างเปล่าของพ่อมดลีโอนั้น นักเวทย์ระดับเจ็ดสามคนจำได้ว่าลีโอเพิ่งตัดหัวนักเวทย์ระดับเจ็ดจากออซมูมามาด ๆ แม้ว่าพวกเขาจะต้องการครอบครองศิลาแห่งการรู้แจ้งแต่พวกเขาก็ไม่เคลื่อนไหวอย่างโง่เขลาในเวลานี้

"ช่องว่างทมิฬ จงเปิดออก!"

หลังจากที่พ่อมดฮอบส์สร้างอักษรรูนลึกลับขึ้นมาสองสามตัง ประตูหินหนาก็เริ่มเปิดออกช้า ๆ ข้างในมืดสนิท แม้แต่พลังจิตของใครก็ตามก็ไม่สามารถตรวจจับสิ่งใดๆ ข้างในได้

ช่องว่างทมิฬอยู่หลังประตูหินนั่น เมอร์ลินสูดหายใจเข้าลึกๆ และก้าวเข้าไป

“พ่อมดลีโอ เราควรจะไปรอที่อื่น คนส่วนใหญ่ที่เข้าไปในช่องว่างทมิฬสามารถออกไปได้ภายในสองหรือสามวัน อย่างมากที่สุดหนึ่งสัปดาห์! หากผ่านไปเจ็ดวัน พ่อมดเมอร์ลินก็ไม่มีชีวิตได้อีกต่อไป แม้เขาจะถือศิลาแห่งการรู้แจ้งก็ตาม”

พ่อมดฮอบส์พ่นลมอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับท่าทางที่ค่อนข้างคุกคามของพ่อมดลีโอที่เป็นนักเวทย์ระดับหก เขากล้าที่จะข่มขู่นักเวทย์ถาระดับเจ็ดสามคน

อย่างไรก็ตาม ขณะที่พวกเขานึกถึงนักเวทย์ระดับเจ็ดจากออสมูที่ถูกสังหารด้วยพ่อมดลีโอ พ่อมดฮอบส์และคนอื่น ๆ ทำได้เพียงอดทนกับมันในตอนนี้และไปกับพ่อมดลีโอเพื่อรออย่างเงียบ ๆ ข้างนอกช่องว่างทมิฬ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด