ตอนที่แล้วChapter 40 : คนทั้งสามขี้ระแวงขนาดนี้เลยหรอ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 42 : ได้รับบัตรลูกค้าชั้นเยี่ยม – จิ้งจอกน้อยวิวัฒนาการ!

Chapter 41 : พบคนแคระนักขุดทอง? มาแลกเปลี่ยนกันเถอะ!


แม้ในคู่มือจะบอกว่าคนแคระนักขุดทองชอบอาหารอร่อยๆแต่ก็ไม่ได้บอกว่ารสนิยมของพวกเขาเป็นยังไง?

บนโลกเองก็มีประเทศอยู่หลายประเทศจึงทำให้มีหลากหลายรสนิยมแตกต่างกันออกไป

บางคนก็ไม่ชอบเผ็ดนักขณะที่บางคนก็ชอบจืดๆเรียบๆ

โลกจริงเป็นเช่นนี้ก็คงไม่ต้องกล่าวถึงโลกแห่งสุสานแล้ว

ไม่ใช่ว่าจิ้งจอกน้อยชอบเนื้อย่างแล้วจะหมายความว่าคนแคระนักขุดทองจะชอบเหมือนกันซักหน่อย

ไม่นานนักเขาก็ตระเตรียมเนื้อย่างจนเสร็จ

จากนั้นเขาก็ใส่เครื่องปรุงลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติจนทำให้กลิ่นของเนื้อย่างหอมฟุ้งไปทั่ว

จากนั้นไคลน์ก็เก็บเนื้อย่างเข้าช่องเก็บของไปแล้วเดินออกไปจากฐานรูน

วิ้ง!

ฐานรูนเปล่งแสงระยิบระยับออกมาพร้อมๆกับหายไปในพริบตา

...

ไคลน์หยิบพลั่วขึ้นมาและเดินไปยังผนังดิน

อีกด้านหนึ่ง

ชาร์ลกับพวกที่ยังคงไม่จากไปหันกลับมาให้ความสนใจกับการกระทำของไคลน์

เมื่อพวกเขาเห็นไคลน์เดินออกมาจากปราสาทพวกเขาก็ลุกขึ้นยืนผิงผนังถ้ำที่ขุด ถ้าไคลน์เปิดฉากโจมตีพวกเขาพวกเขาก็จะรีบขุดรูหนีไปในทันที

การที่คนทั้งสามเลือกขุดกำแพงตรงนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด

ด้วยประสบการณ์มากมายของชาร์ลทำให้เขาคาดเดาได้จากรอยเท้าว่าไคลน์ขุดมาจากเส้นทางไหน

ดังนั้นถ้าไคลน์ประสงค์ร้ายกับพวกเขาพวกเขาก็จะออกจากที่นี่ไปทันทีโดยที่ไคลน์ไม่สามารถจับพวกเขาได้แน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นสุสานแห่งถัดไปที่พวกเขาเลือกก็ปลอดภัยมากแน่นอนเนื่องจากเป็นสุสานที่ไคลน์พึ่งจะจากมา

แต่ทันใดนั้นเองปราสาทโบราณก็ส่องแสงระยิบระยับขึ้นมา

จากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปในตัวของไคลน์

ปราสาทโบราณหายไปแล้ว!

“นี่มัน..”

“ฐานรูน!”

คนทั้งสามตกตะลึงจนพูดไม่ออก

ก่อนหน้านี้คนทั้งสามคาดเดาและเชื่อเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าปราสาทนี้ก็คือสิ่งก่อสร้างพิเศษภายในสุสาน

แต่มาตอนนี้เมื่อเห็นวิธีการเก็บฐานรูนอันคุ้นเคยพวกเขาจึงได้ทราบว่าพวกตนเข้าใจผิดไปไกลมาก

ปราสาทโบราณนี้แท้จริงแล้วคือฐานรูนของไคลน์!

“แม่เจ้าทำไมฐานรูนของเขาถึงได้ต่างจากของพวกเราขนาดนี้?”

“หรือเขาจะซ่อมมันแล้ว?”

“ไม่ถูกต้อง ฉันไม่เคยเห็นใครในช่องแชทบอกเลยว่าฐานรูนจะกลายเป็นปราสาทหลังจากซ่อมเสร็จ”

คนทั้งสามมองไปที่ไคลน์ด้วยสายตาสับสน

“ดูนั่นสิข้างกายเขามีจิ้งจอกด้วย หรือนี่เป็นสัตว์เลี้ยงงั้นหรอ?”

“หืม? ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น! สิ่งมีชีวิตแห่งสุสานเองก็เลี้ยงให้เชื่องได้ด้วยหรอเนี่ย? ในอนาคตพวกเรามาลองกันเถอะ”

พวกเขาสังเกตเห็นจิ้งจอกน้อยแล้ว

ภาพรวมของไคลน์ในสายตาของพวกเขาตอนนี้คือบุคคลลึกลับผู้หนึ่ง

คนทั้งสามก็อยากจะทำตัวหน้าด้านถามไคลน์เหมือนกันติดอยู่ที่ว่ากลัวว่าไคลน์จะลงมือนี่แหละ พวกเขาจึงทำได้เพียงมองดูไคลน์ขุดอุโมงค์จากไปด้วยสายตาอับจน

แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก!

หลังจากขุดมาได้สามเมตรไคลน์ก็หยุดมือ

จากนั้นเขาก็หันหัวกลับไปถามจิ้งจอกน้อย “จิ้งจอกน้อยพวกนั้นตามมาไหม?”

จิ้งจอกน้อยที่นั่งอยู่ตรงปากอุโมงค์แอบยื่นหัวน้อยๆออกไปมองคนทั้งสาม

“โฮ่งๆ!”

ไคลน์ก็รับทราบสัญญาณนี้

เห่าสองครั้งหมายถึงไม่และเห่าหนึ่งครั้งหมายถึงตามมานั่นเอง

“เอาเถอะ ดูเหมือนว่าคนทั้งสามนี้จะไม่มีความคิดไม่ดีจริงๆ”

ไคลน์ส่ายหัวแล้วหันกลับมาโฟกัสกับการขุดกำแพงต่อ

เขาคิดเผื่อในกรณีหลายๆอย่างเอาไว้แล้ว ถ้าอีกฝ่ายเลือกจะเข้ามาแบบไม่ได้รับเชิญนั่นก็หมายความว่าพวกเขามีเจตนาร้าย

เพราะไคลน์อยู่ในสถานการณ์ที่ดีที่สุดที่ล่อให้อีกฝ่ายลงมือเนื่องจากถ้าลงมือตอนนี้คนทั้งสามจะสามารถปิดล้อมไคลน์เอาไว้ในที่แคบได้

ไม่นานนักทางผ่านก็ถูกเขาขุดขึ้นจนสำเร็จ

ไคลน์เก็บพลั่วกลับไปและไม่ได้หยิบอาวุธใดๆออกมา เขากล่าวเตือนจิ้งจอกน้อยอีกครั้งว่าอย่าแสดงท่าทีไม่เป็นมิตรออกมาหลังจากที่เขาไปยังสุสานแห่งถัดไป

จากนั้นเขาก็เดินเข้าสู่หลุมดำโดยมีจิ้งจอกน้อยตามมาติดๆ

สุสานแห่งที่สามสิบ

พื้นที่ของสุสานแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตมากนักและมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพียงไม่ถึงสิบเมตร

เมื่อเข้ามาถึงไคลน์ก็สังเกตเห็นสิ่งมีชีวิตหน้าตาน่าเกลียดตนหนึ่งในทันที

ด้านหลังของสิ่งมีชีวิตตนนั้นแบกกระเป๋าใบใหญ่และกำลังนั่งใช้เท้าคีบบิสกิตขึ้นมาแทะ

สหายผู้นี้สูงเพียง1.3เมตรและมีแขนขาค่อนข้างสั้น

ผิวของเขาเหี่ยวย่นมีสีน้ำตาลแก่และมีจุดสีเขียวดำบนตัวมากมายหลายจุด

ลักษณะเช่นนี้คล้ายๆกับก็อบลินผสมกับสุนัขก็ไม่ปาน ดวงตาของเขาข้างหนึ่งใหญ่ข้างหนึ่งเล็กและจมูกเองก็งองุ้ม

เมื่อคนแคระนักขุดทองเห็นพวกเขาอีกฝ่ายก็รีบจัดแจงยัดบิสกิตหลากสีเข้าปากจนหมด จากนั้นเขาก็หยิบกระเป๋าลุกขึ้นยืนให้ดูสูงที่สุดเท่าที่จะสูงได้

อีกฝ่ายไม่ได้เลือกที่จะหนีไปทันทีแต่กำลังตรวจสอบท่าทีของไคลน์กับจิ้งจอกน้อยอย่างระมัดระวัง

ถ้าอีกฝ่ายเคลื่อนไหวเขาก็จะหนีไปทันที

ไคลนืกับจิ้งจอกน้อยไม่ขยับ

“โฮ่งๆๆ”

จิ้งจอกน้อยร้องออกมา

เสียงของเธอนุ่มนวลและเต็มไปด้วยเจตนาดี

“สวัสดี” ไคลน์ทักอีกฝ่าย

ไคลน์หยิบเนื้อย่างที่พึ่งทำเสร็จใหม่ๆออกมาโบกให้อีกฝ่ายเห็น

เมื่อลมสุสานพัดมากลิ่นของของเนื้อย่างก็ลอยไปเตะจมูกของคนแคระนักขุดทองเข้า

เมื่อได้กลิ่นหอมเช่นนี้เขาก็อดสูดดมไม่ได้ จากนั้นเขาก็แลบลิ้นออกมาเลียเอาเศษบิสกิตที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากเข้าปากไปจนเกลี้ยง

ไคลน์ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ฉันไม่มีเจตนาไม่ดีนะแค่อยากจะแลกเปลี่ยนกับคุณเท่านั้น ดูเถอะว่าในมือฉันไม่มีอาวุธเลย”

ไคลน์ยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่เขาคิดว่าเป็นมิตรมากที่สุด

คนแคระขุดทองยังคงระแวงอยู่ขณะเดียวกันเขาก็พึมพำคำพูดอะไรก็ไม่รู้ออกมา

ไคลน์ฟังไม่เข้าใจเลยแม้แต่คำเดียว!

ไคลน์มองไปที่คนแคระนักขุดทองแล้วกล่าวขึ้น “จิ้งจอกน้อยเธอคุยกับเขารู้เรื่องไหม? บอกเขาทีว่าฉันอยากจะแลกเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่างกับเขา”

ตอนนี้เขาคงพึ่งได้แค่จิ้งจอกน้อยแล้ว

จิ้งจอกน้อยเอียงคอและคิดอยู่ซักพักก่อนจะส่งเสียงครางหงิงๆออกมาอีกครั้ง

คนแคระนักขุดทองดูจะไม่ค่อยเข้าใจนักดังนั้นพวกเขาจึงใช้เวลาคุยกันเกือบสองนาทีกว่าจะเข้าใจ

เขาชี้ไปที่กระเป๋าตัวเองก่อนเป็นลำดับแรกจากนั้นก็ชี้กลับมาที่เนื้อย่างในมือไคลน์

“ใช่แล้วฉันต้องการแลกเปลี่ยนกับนาย”

ไคลน์ยิ้ม

คนแคระนักขุดทองกรอกตาไปมาราวกับครุ่นคิดแต่ในขณะเดียวกันปากของเขาก็เริ่มมีน้ำลายหยดแหมะๆแล้ว

ไม่นานต่อมาคนแคระนักขุดทองก็พยักหน้าและเปิดกระเป๋า

ภายในกระเป๋ามีไอเทมอยู่มากมายและเต็มไปด้วยของจิปาถะเยอะแยะเต็มไปหมด

ไคลน์ลองตรวจสอบของในกระเป๋าดูและเห็นทั้งรูน , ทองคำ , เงิน , เพรชพลอยไปจนถึงดาบสั้น

“แลกรูน!”

ไคลน์หยิบเอารูนลมขึ้นมาแล้วทำท่าทางบอกกับคนแคระนักขุดทอง

คนแคระนักขุดทองส่ายหัวอยู่หลายครั้งก่อนจะล้วงมือลงไปในกระเป๋าเพื่อควานหาบางอย่าง

เมื่อเขาหดมือกลับมาก็ปรากฏว่ามีรูนน้ำติดมาด้วย

“อันนั้นก็ได้!”

ดวงตาของไคลน์ส่องประกายแวววับพร้อมๆกันนั้นเขาก็โยนเนื้อย่างในมือให้กับคนแคระนักขุดทอง

เนื้อย่างพวกนี้ไม่ได้มีค่ามากนัก

การที่เขาโยนมันให้กับอีกฝ่ายก่อนก็คือการซื้อใจนั่นเอง

นี่จะทำให้การพูดคุยแลกเปลี่ยนเป็นไปในเชิงบวกมากขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด