ตอนที่แล้ววาเนสซ่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตราประทับตะวันฉาย

ถ้ำแรกทิวา


“ฮู่ว...เกือบโดนเห็นซะแล้วเรา”

หลังจากที่วาเนสซ่าและไลคาออนจากไปสักพัก เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากยอดไม้ที่อสูรโลหิตในร่างแวร์วูฟแหงนหน้าขึ้นมองเมื่อครู่ ก่อนที่เจ้าของเสียงจะทะยานร่างออกมาจากยอดไม้ลงสู่ผืนดิน

“กลิ่นอายมารจากสองตนนั้นแรงสุดๆไปเลย โดยเฉพาะยัยแว่นนั่นที่ได้ยินเจ้าหมาป่าพูดว่าเป็นถึงศิษย์เอกของจักรพรรดิโลหิต...ถ้าให้เดาพวกนั้นน่าจะอยู่ระดับ S หรืออาจจะถึง SS?” เจ้าของร่างบางกล่าว ผมสีแดงเพลิงยาวถึงกลางหลังพลิ้วไหวตามสายลมอุ่นๆที่พัดมาจากภูเขาไฟลูกมหึมา ใบหน้าสวยคมใช้ดวงตาสีเหลืองอำพันมองไปยังทิศทางที่มารทั้งสองตนจากไป ก่อนจะมองไปทางที่เรเชลมุ่งหน้าไป จากนั้นเจ้าตัวก็ถอนหายใจออกมา

“เห้อ...คิดว่าจะได้มาปั่นหัวคนเล่น แต่ดูเหมือนการแข่งขันนี้จะถูกพวกมารระดับสูงแทรกแซงซะแล้วสิ งั้นฉันขอแยกตัวเก็บคะแนนให้มากที่สุดก่อนละกัน พลังของฉันใช้กับพวกมารระดับนี้ที่มีพลังต้านทานการควบคุมจิตใจไม่ได้ซะด้วย ซวยชะมัด!” กล่าวจบหญิงสาวผมแดงเพลิงก็รวบรวมปราณไว้ที่ฝ่าเท้าแล้วใช้ออกด้วยท่าร่างของตนพุ่งตัวไปคนละทิศทางกับเรเชลและมารทั้งสอง

.

.

.

‘ถะ...ถึงแล้วขอรับนายท่าน...อะ อ้วก!’ เสียงอันแสนอิดโรยของเด็กชายดังขึ้นในหัวของพัคแทยัง

ฟุบ!

ชายหนุ่มตาทองหยุดการเคลื่อนไหวแล้วหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาสถานที่ที่โมจิเรียกว่าถ้ำ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่เห็นถ้ำที่ว่า

พัคแทยังก้มมองลูกเสือน้อยที่กำลังอาเจียนอยู่บนพื้น

“เอ่อ ขอโทษทีนะ ฉันไม่เคยพาใครเดินทางด้วยท่าร่างนี้มาก่อนเลยไม่รู้ว่ามันจะทำให้นายรู้สึกแย่แบบนี้” พัคแทยังมองเพื่อนใหม่ของเขาด้วยความรู้สึกผิด แต่ก็กล่าวต่อด้วยใบหน้าอันอ่อนโยนว่า

“งั้นคราวหน้าฉันจะวิ่งให้เร็วกว่านี้ละกัน นายจะได้ไม่ต้องรู้สึกแย่นานเกินไป” หลังจากพูดด้วยใบหน้าประหนึ่งนักบุญจบชายหนุ่มก็ถามโมจิที่ตอนนี้ตัวแข็งค้างด้วยความช็อคไปหลังจากได้ยินประโยคของชายหนุ่มเมื่อครู่

“แล้วไหนถ้ำแรกทิวาล่ะ”

‘อ่ะ เอ่อ...รอข้าสักครู่ขอรับ ถ้ำที่นี่มีการวางกลไกระบบเสียงและภาพมายาไว้ ถ้าไม่พูดรหัสลับประตูถ้ำจะไม่เปิดให้ใครเห็นและเข้าไปได้ เป็นสิ่งประดิษย์ของเจ้าคนสติเฟื่องนั่น’

โมจิกล่าวจบก็หันหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง จากนั้นมันก็คำรามด้วยเสียงที่สมกับเป็นทายาทแห่งราชันย์พยัคฆ์ว่า

“อุแง๊ววว!”

“...” พัคแทยังมองโมจิด้วยสีหน้าตะลึง คิ้วของเขาถึงกับกระตุกเบาๆ เพราะเสียงที่เขาได้ยินในหัวเพราะการสื่อสารทางจิตดังขึ้นมาว่า

‘ฟ้ารู้...ดินรู้...โลกหล้ารู้...ข้ารู้...อสูรที่งดงามที่สุดคือท่านไป๋เสวี่ยฉี!’

หลังจากสิ้นเสียงของโมจิ ทันใดนั้นประตูหยกที่มีลวดลายของพยัคฆ์สีทองกำลังคำรามด้วยท่วงท่าน่าเกรงขามบานหนึ่งก็เผยออกมาจากความว่างเปล่า จากนั้นบานประตูก็เปิดออกให้หนึ่งคนหนึ่งเสือได้เดินทางเข้าไป

เมื่อพัคแทยังได้เดินเข้าประตูแล้ว สิ่งที่อยู่ภายในก็ได้ทำให้พัคแทยังตกตะลึงอีกครั้ง

“เอาไว้ฉันค่อยถามนายละกันว่ารหัสลับนั่นใครเป็นคนคิด” ชายหนุ่มหันมากล่าวกับโมจิก่อนจะเดินไปยังทิศทางหนึ่ง

สิ่งที่อยู่ภายในประตูหยกนั้นคือมิติขนาดเล็กที่มีเกาะขนาดเล็กที่รายล้อมด้วยทะเลสาบมรกตในใจกลางถ้ำ โดยมีตำหนักที่เป็นปฏิมากรรมอันแสนงดงามตั้งอยู่พร้อมด้วยเหล่าสิงสาราสัตว์และเหล่าสกุณาที่มีขนาดตัวใหญ่เกินปกติกำลังขับขานเสียงของพวกมันอย่างไพเราะราวกับเป็นบทเพลงจากธรรมชาติ แสงจากดวงอาทิตย์จำลองบนเพดานถ้ำทำให้ความงดงามของสถานที่แห่งนี้ที่แม้จะเทียบไม่ได้กับวังลอยฟ้าอย่าง ‘นภาสวรรค์’ ของเผ่าเทวะที่เขาเคยอยู่ แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่งดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นตั้งแต่ลงมายังโลกมนุษย์เลยทีเดียว

“อย่าคิดที่จะทำร้ายพวกเขาเชียวนะนายท่าน เพราะอสูรที่อยู่ที่นี่มีระดับอย่างต่ำก็ S แล้ว พวกเขาคือราชาอสูรที่เบื่อหน่ายสงครามกับมนุษย์แล้วถูกเจ้าคนสติเฟื่องชักชวนให้มาอาศัยที่นี่ ถ้าพวกเขาร่วมมือกันต่อให้เป็นนายท่านที่มีพลังแห่งสุริยันในตำนานก็ยากที่จะชนะโดยไร้บาดแผล” เสียงของเด็กชายดังขึ้น เมื่อพัคแทยังหันไปมองเขาก็เห็นเด็กชายผมขาวในชุดจีนโบราณคนหนึ่งกำลังจับชายเสื้อของเขาอยู่

“นายคือ...โมจิ?”

“ขอรับ ข้าสามารถอยู่ในร่างจำแลงของมนุษย์ได้เมื่อกลับมายังสถานที่แห่งนี้ด้วยสร้อยคอจำแลงกายของเจ้าคนสติเฟื่องนั่น มันจะดูดซับพลังปราณทิวาจากดวงอาทิตย์จำลองในถ้ำแห่งนี้ไว้เป็นแหล่งพลังงานของสร้อย แต่อสูรตนอื่นในนี้ชื่นชอบการอยู่ในร่างหลักมากกว่า พวกเขาเลยไม่ค่อยแปลงกายเป็นมนุษย์เท่าไหร่ขอรับ”

“อ้อ” พัคแทยังพยัคหน้า ก่อนจะกลับไปชื่นชมความงดงามของสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง

“เจ้าเด็กดื้อ!”

ชายหนุ่มดื่มด่ำกับธรรมชาติในสถานที่แห่งนี้ได้ไม่นาน เสียงหวานที่ฟังดูเกรี้ยวกราดก็ดังขึ้นมาจากข้างในตำหนัก ก่อนที่จะมีร่างงามระหงส์ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของทั้งสอง

“อะจึ๋ย! ท่านแม่...แหะๆ” หลังจากได้ยินเสียงอันแสนคุ้นเคย เด็กน้อยผมขาวก็รีบเข้าไปหลบอยู่หลังเจ้านายของตนโดยโผล่หน้าออกมามองผู้มาใหม่เล็กน้อย

“ไม่ต้องมาแหะๆเลย! เจ้าแอบหนีออกจากถ้ำไปตั้งแต่เช้าแล้วกลับมาด้วยสภาพเต็มไปด้วยฝุ่นเนี่ยนะ ข้าได้ยินจากเหยี่ยววายุว่าเจ้าไปมีเรื่องกับพวกผู้เข้าแข่งขันด้วยนี่!” หญิงสาวที่พึ่งปรากฏตัวออกมากล่าวด้วยน้ำเสียงโมโห

เธอเป็นหญิงสาวผมขาวราวหิมะ ใบหน้าสวยคมสมกับเป็นพยัคฆ์สาว ผิวขาวเนียนและรูปร่างอันสมบูรณ์แบบในชุดจีนโบราณทำให้เสน่ห์ของเธอนั้นยากนักที่ชายใดจะต้านทาน

พัคแทยังมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ เขารู้สึกคุ้นเคยกับหญิงสาวอย่างแปลกประหลาด แต่ก็ไม่กล้าถาม เขาจึงเลือกที่จะยืนอยู่เงียบๆและปล่อยให้สองแม่ลูกสนทนากันต่อไป

“ง่า ท่านแม่ ยกโทษให้ข้าด้วย ข้าแค่อยากไปดูการแข่งขันของมนุษย์ใกล้ๆแค่นั้นเอง...โอ๊ย!” ยังไม่ทันพูดจบ เด็กน้อยก็ต้องเอามือกุมหัวเพราะถูกกำปั้นของหญิงสาวเขกไปหนึ่งที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด