ตอนที่แล้วEP 607 คุณป้า!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEP 609  เสร็จสิ้นภารกิจ!

EP 608 สั่งสอนผู้อำนวยการหลิง!


EP 608 สั่งสอนผู้อำนวยการหลิง!

By loop

ในห้องโถง

"ป้า" สิ่งที่ดงซูบินพูดออกมา ทำเอาทุกคนถึงกับตะลึงไปเลย!

โจวหยินหยูเธอเองก็ตกตะลึงชั่วขณะหนึ่งและไม่ตอบสนองเป็นเวลานาน

ผู้อำนวยการหลิงจ้องไปที่ดงซูบินในทันทีและสูดลมหายใจเข้าไป เขาสำลักในลำคอถึงกับพูดอะไรไม่ออก และตัวของเขาก็แข็งไปในทันที

เจ้าหน้าที่สำนักงานของกระทรวงกิจการพลเรือนที่อยู่รอบๆ ก็ตกตะลึง จ้องมองพวกเขาด้วยแววตาที่ว่างเปล่า เพราะไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

แน่นอนนี่ไม่ใช่คำทั่วๆที่จะใช้กันง่ายอย่างเช่น "ป้า ลุง" "ป้า" "ลุง" ไม่ใช่แค่เรียกง่ายๆ นะ

อันที่จริงดงซูบินยังรู้ว่าหญิงวัยกลางคนที่อยู่ข้างหน้าเขานั้นคือใคร เขาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นภรรยาของลูกคนที่สองของตระกูลเสี่ยว ซึ่งเป็นญาติคนสำคัญของเสี่ยวหลานและเป็นแม่ของเสี่ยวจิน เธอคือเสี่ยวหยางเจิง  ดงซูบินที่กำลังหงุดหงิดที่ผู้อำนวยการหลิงอยู่ตอนนี้เองก็ถึงกับปรับอารมณ์ไม่ถูกเช่นกัน ดั้งนั้นดงซูบินจึงถามเธอในทันที "คุณป้ามาที่นี่ได้อย่างไรกันครับ" "

เสี่ยวหยางเจิงยิ้มและพูดว่า: "พอดีว่าที่นี้เป็นที่ทำงานของฉันนะ โอ้จริงสิ ฉันยังไม่ได้บอกคุณเรื่องนี้อย่างงั้นหรอ?" "

ดงซูบินกล่าวต่อทันที่ว่า "อันที่จริงคุณป้าย้ายมาที่กระทรวงกิจการพลเรือนอย่างงั้นหรอครับ?" “

“แสดงว่าฉันยังไม่ได้บอกคุณเลยจริงๆสินะ.” เสี่ยวหยางเจิงทำท่าทางครุ่นคิดว่าเธอและดงซูบินคุยกันมากมายเมื่อวานนี้ แต่พวกเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องงานกันเลยหรือไม่ก็ลืมพูดเรื่องงานกันไปเลย

ดงซูบินก็เข้าใจทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น รัฐมนตรีเสี่ยว นั่นคือ รัฐมนตรีกระทรวงกิจการพลเรือนนั้นเอง นี้มันบังเอิญอะไรเช่นนี้!

"แล้วสรุปคุณมาทำอะไรที่นี้หรอ ซูบิน? คุณบอกว่าคุณมาที่ปักกิ่งเพื่อทำธุระ ไม่ใช่หรือยังไงกัน "เสี่ยวหยางเจิงถาม

ดงซูบินเริ่มพูดพร้อมกับยิ้มแห้งไปด้วยในเวลาเดียวกัน: "พอดีว่าผมมาส่งเอกสารเกี่ยวการเข้าประเมินการเป็นหน่วยงานต้นแบบด้านการส่งเสริมผู้สูงอายุที่นี้นะครับคุณป้า “

เมื่อคนรอบๆได้ยินสิ่งที่รัฐมนตรีเสี่ยวกำลังพูดกับดงซูบินอย่างอ่อนโยน และแต่ละก็รู้ทันทีว่าทั้งสองคงรู้จักกันไม่ก็ต้องเป็นญาติกันอย่างแน่นอน!

นี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันขึ้น

ผู้อำนวยการหลิงถึงกับตัวเซ่เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า

นี่มันอะไรกันเนี่ย! ชายคนนั้นกลายเป็นญาจิของรัฐมนตรีเสี่ยวได้อย่างไรกัน? ทำไมชายคนนั้นถึงไม่พูดเรื่องนี้ก่อนเลย! ฉันงงไปหมดแล้ว!

สายตาของทุกคนกำลังมองดงซูบินดูเหมือนจะเปลี่ยนไปในทันที ไม่น่าแปลกใจที่ชายคนนั้นจะกล้าตะโกนเสียงดังอย่างไม่พอใจในกระทรวงกิจการพลเรือน! พวกเขาเข้าใจเรื่องนี้หมดแล้ว! ปรากฎว่าชายคนนี้ไม่ใช้บุคคลธรรมดานั้นเอง!

ในเวลานี้เสี่ยวหยางเจิงมองไปรอบ ๆ "เกิดอะไรขึ้น?"

เธอถามทุกคนที่อยู่รอบๆนั้น นั้นก็ร่วมถึงผู้อำนวยการหลิงก็ต้องตอบเช่นกัน แต่เมื่อถามอีกครั้ง เห็นได้ชัดต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ

“อ๋ออย่างงี้ครับ พอดีว่าผมได้ยินมาว่าคุณป้าอยู่แถวนี้ ผมก็เลยมาหาคุณ  แต่ผมมาเมื่อเช้าแล้วหาไม่เจอไม่คิดว่าคุณป้าจะเป็นรัฐมนตรีประจำกระทรวงนี้  ผมได้ยินมาว่าผู้อำนวยการหลิงอยู่ในความดูแล แต่พอดีว่าผมรอมาตั้งสองสามชั่วโมงกว่าจะเจอเขา  แต่เมื่อถึงเวลาเข้าพบ เขาก็บอกผมว่าเขาไม่ว่าง ซึ่งก่อนหน้านั้นผมไปที่สำนักงานส่งเสริมผู้สูงอายุมาแล้วทางนั้นบอกว่าพวกเขาได้โอนหน้าที่นี้ให้กับทางกระทรวงกิจการพลเรือนแล้ว ผมเลยต้องกลับมาที่นี้อีกครั้ง แต่สุดท้ายสิ่งที่พบคือเขากลับพยายามปฏิเสธเอกสารของผมนั้นร่วมถึงบอกว่ารูปแบบเอกสารที่เราเตรียมมาผิดอีกด้วย และขอให้เราเขียนใหม่ครับ ตอนนี้การประเมินได้เริ่มขึ้นแล้ว , ถ้าผมกลับไปที่เขตเพื่อเปลี่ยนเอกสารและประทับตราใหม่ มันก็จะไม่ทันเวลาในการประเมิน นอกจากนี้ การจัดรียงเอกสารของเราก็ได้แบบมาจากหน่วยงานที่ส่งเอกสารและทางหน่วยงานรับรองแล้ว” ดงซูบินพยายามเล่าเรื่องทีเขาเจอและชี้ไปที่พื้นแล้วพูดว่า: “ผมไม่รู้ว่าผู้อำนวยการหลิงนั้นมีปัญหาอะไรหรือไม่ ขัน้นโยนเอกสารที่ทางเราตั้งใจทำงานหนักมากและไม่แม้แต่จะนำขึ้นมาพิจรณาก่อนด้วยซ้ำ !”

ใบหน้าของผู้อำนวยการหลิงนั้นดูซีดไปนทันที และเขาดูเหมือนเขาต้องวิ่งเอามือไปอุดปากดงซูบินด้วยซ้ำ และพูดอย่างเร่งรีบ: “ท่านรัฐมนตรีเสี่ยว ไม่ใช่ มันไม่ใช่อย่างนั้น จริงๆแล้วเรื่องราวเป็นเช่นนี้…” เสี่ยวหยางเจิง เหลือบมองเขาแลพูดแทรกขึ้นมาทันที: “คุณช่วยตามฉันไปที่ห้องทำงานด้วย!”

“คือ... เรื่องมันไม่ใช่..” ผู้อำนวยการหลิงรีบแก้ตัว ตื่นตระหนกจริงๆ

เสี่ยวหยางเจิงไม่ได้มองเขาอีกเลย ตบไหล่ดงซูบินแล้วยิ้มและพูดว่า "หลังจากฉันทำธุระเสร็จให้คุณแวะไปหาฉันที่ห้องเลยก็ได้นะ พร้อมเอกสารเหล่านั้นด้วย ”

“ขอบคุณครับ คุณป้า ต้องขออภัยที่ต้องรบกวนคุณ” ดงซูบินพูด

“เอาล่ะเดียวอย่างไรฉันจะให้เลขาติดต่อไปอีกที” หลังจากเสี่ยวหยางเจิงพูดเสร็จเธอหันหลังกลับและออกจากอาคารสำนักงาน

ตอนนี้ดงซูบินไม่ได้กังวลและดึงมือโจวหยินหยู "พี่โจว นั่งลงและรอ"

“อา!” ใบหน้าของโจวหยินหยูเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เธอมองดงซูบินอย่างประหลาดใจอย่างสุดซึ้ง จากนั้นเหลือบมองที่ผู้อำนวยการหลิงซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยรอยยิ้มจางๆ และนั่งลงที่เก้าอี้ว่างพร้อมกับดงซูบิน เลขาธิการซูบิร รู้จักผู้นำระดับเมืองหลวงและเธอยังเป็นคนระดับรัฐมนตรีของกระทรวงและคณะกรรมาธิการระดับชาติด้วย? อีกทั้งยังเป็นญาติกัน? เรื่องราวนี้ทำให้โจวหยินหยูถึงกับตะลึงไปในทีเดียว

บรรยากาศในห้องโถงตอนนี้ดูอึดอัดมาก และไม่มีใครพูดอะไรกันเลย

ในเวลานี้ ยามหลายคนเที่ถูกเรียกมาก็มาถึง

“คนนั้นอยู่ที่ไหน”

“คนร้ายอยู่ตรงไหนครับ” .

ผู้อำนวยการหลิงที่กำลังยืนหน้าชาอยู่หลังจากที่รู้ว่าป้าของดงซูบินนั้นคือใคร อีกทั้งสิ่งที่เขาทำไปมันยากที่จะให้อภัยเอามากๆ อีกทั้งรู้ว่ารัฐมนตรีเสี่ยวคงไม่ปล่อยเขาไปแน่ๆ  เมื่อเห็น ยามเหล่านั้นเดินเข้ามาอย่างดุดัน ใบหน้าของผู้อำนวยการหลิงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดทันทีว่า: "กลับไปให้หมด ไม่มีใครสร้างปัญหาอะไรทั้งนั้น!"

"แต่..." ยามพูดอย่างสงสัย

“กลับไป! ไม่ได้ยินที่ฉันสั่งหรอ?” ผู้อำนวยการหลิงโกรธ

ยามมองดูกันและกันแล้วก็หันหลังให้สกปรก

ไร้สาระ ตอนนี้เราทุกคนรู้ว่าดงซูบินเป็นญาติของรัฐมนตรีเสี่ยว!

และใครจะกล้าจับเขากัน? ทุกอย่างมันผิดเพี้ยนไปหมด? ตอนนี้จิตใจของผู้อำนวยการหลิงนั้นไม่อยู่กับเหนือกับตัวแล้ว

บรรยากาศกลับมาคึกคักอีกครั้ง

เจ้าหน้าที่ๆอยู่รอบๆ ก้มศีรษะลงทันทีและกลับไปทำงาน โดยแสร้งว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น พวกเขารู้ว่าวันนี้น่าเป็นวันซวยสุดๆของผู้อำนวยการหลิง

เจ้าหน้าที่ธุรการที่เป็นคนนำดงซูบินขึ้นไปพบกับผู้อำนวยการหลิงในตอนแรกก็หน้าเสียไปเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เขาหยาบคายมากกับดงซูบิน และตอนนี้เขาเองก็ยังไม่ทราบชะตากรรมของตัวเขาเอง เพราะเขาไม่รู้เลยว่าดงซูบินจะเอาเรื่องเขาด้วยหรือไม่? และจะนำเรื่องนี้รายงานต่อรัฐมนตรีเสี่ยวหรือไม่ดังนั้นเขาจึงกัดฟันด้วยที่นั่ง ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เทน้ำสองแก้วแล้วยื่นให้ ดงซูบิน และ โจวหยินหยูอย่างสุภาพ “คุณทั้งสองครับ ได้โปรดดื่มน้ำก่อนนะครับ มีเรื่องอะไรให้ผมช่วยบอกได้เลยนะ ถ้าหากมีอะไรเพิ่มเติม.... บอกได้เลย”

ดูเหมือนท่าทีหยิ่งยโสของเขาในตอนแรกจะหายไปจนหมดแล้ว

เมื่อผู้อำนวยการหลิงเห็นลูกน้องของเขาเองก็เปลี่ยนท่าทีไปเช่นกัน เขาก็รู้สึกอับอายขึ้นมา หน่อยๆ เขาเองอยกาจะเหวี่ยงใส่ลูกน้องของเขาแต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะทำอะไรได้ สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงกัดฟันหลังของเขาและนั่งยอง ๆ บนพื้นโดยไม่มีทางเลือกอื่น เขาหยิบเอกสารเหล่านั้นขึ้นมาช้าๆ เขาหยิบกระดาษที่เขาเพิ่งโยนทิ้งไป จัดเรียงทีละใบ จากนั้นจึงเดินไปที่เก้าอี้ที่ว่างด้วยท่าทางที่เขินอายตอนนี้ นี้เป็นการเสียหน้าครั้งใหญ่ที่สุดที่เขาเคยเจอมาในชีวิต ดังนั้นเขาไม่ทางเลือกนอกจากต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อนแต่อย่างไรถึงแม้เขาจะจัดการเรื่องเอกสารให้กับดงซูบินจนเสร็จสุดท้ายรัฐมนตรีเสี่ยวก็ได้ยินเรื่องที่ผู้อำนวยการหลิงได้ลงไม้ลงมือกับดงซูบินแล้ว นี้ถือเป็นเรื่องใหญ่และรัฐมนตรีเสี่ยวจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างแน่นอน "คุณทั้งสองคน ทางเราจะรีบดำเนินการเรื่องเอกสารให้ในทันที...“ดงซูบินไม่ได้พูดอะไรต่อ และโจวหยินหยูก็ยื่นบุหรี่ให้”คุณว่ารูปแบบข้อมูลผิดหรือเปล่า” โจวเหยียนหยูจับมือของเธอและก็หยิบไฟแช็คและจุดบุหรี่ให้เลขาซูบิน แล้วจากนั้นเขาก็หยิบเอกสารที่เหลือขึ้นมาโดยไม่แม้แต่จะมองผู้อำนวยการหลิงด้วยซ้ำ

ผู้อำนวยการหลิงหัวเราะคิกคักกลบเกลื่อนสิ่งที่เขาทำไป: “ผมอาจจะไม่สุภาพไปเมื่อกี้ แต่ไม่ต้องห่วง  ข้อมูลของคุณนั้นดีเยี่ยมทางเราสามารถดำเนินการต่อได้” ดงซูบินจ้องเขม็ง“คุณบอกว่ารูปแบบไม่ถูกต้อง คุณจะบอกว่าสิ่งที่คุณพูดไปตะกี้คือการหยอกล้อหรือยังไง”

ในตอนนี้ผู้อำนวยการหลิงเองไม่สามารถโต้เถียงใดๆกับดงซูบินได้เลยเขาทำได้เพียงแสดงท่าทางที่สุภาพออกมา  “เปล่าเลย ผมเพียงอ่านไม่ชัดเท่านั้น”

“แสดงวาตอนนี้น่าจะชัดแล้ว ใช่ไหม?” ดงซูบินชี้ไปที่นาฬิกา “ตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น คุณนับได้กี่ชั่วโมง เพียงเพราะคุณดูไม่ระวัง คุณเลยมาประวิงเวลาจนทำให้เราเสียเวลาไปมากเลย” นี้หรือประสิทธิภาพการทำงานของกระทรวงแห่งนี้

แล้วใครกันที่โยนผลงานอันทรงคุณค่าที่เราตั้งใจทำมาทิ้งเช่นนั้น คุณสิทธิอะไรกัน อา และผมจะถามว่าใครให้สิทธิ์คุณ!”ดงซูบิน ถือก้นบุหรี่ในมือชี้ไปที่เขา!

ผู้อำนวยการหลิงทำได้เพียงแค่ฟังอย่างจำยอมเพียงเท่านั้น

เจ้าหน้าที่รอบๆ พบว่า ผู้อำนวยการหลิงคนนี้กำลังถูกชายหนุ่มดุ ทุกคนคิดว่ามันตลก แต่ไม่มีใครกล้าหัวเราะ

หลังจากวิพากษ์วิจารณ์ผู้อำนวยการหลิงมาระยะหนึ่งแล้วดงซูบินก็เหนื่อยและดื่มน้ำ.

ผู้อำนวยการถือได้ว่าเป็นการฉวยโอกาสพูดแล้วพูดด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยวว่า “อันที่จริง คราวนี้เอกสารการสมัครของหน่วยต้นแบบการส่งเสริมผู้สูงวัยถูกโอนมาจากสำนักส่งเสริมผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามขั้นตอนปกติและไปที่กระทรวงโยธาโดยตรงมีขั้นตอนเล็กน้อยว่ารูปแบบเอกสารประกอบการสมัครเพิ่มเติมแตกต่างจากการสมัครครั้งแรกคำอธิบายของการส่งเสริม ควรเพิ่มเข้าไป และยังมีตราประทับอย่างเป็นทางการด้วย...”

" คุณไม่จำเป็นต้องบอกผมเกี่ยวกับเรื่องนี้"ดงซูบินรู้วิธีการทำงานของพวกเขาเป็นอย่างดี จริงคุณทำได้เพียงแจ้งเราโดยตรง แต่เพราะคุณขี้เกียจคุณจึงจะทำให้งานที่เราทำมาทั้งหมดนั้นสูญเปล่า และพยายามหาเหตุผลร้อยแปดพันก้ามาเพื่อปฏิเสธเรา ถ้าอย่างงั้นไม่มีข้อผิดพลาดในเอกสารหรือไม่ ถ้าอย่างนั้น ช่วยบอกหน่อยว่าทางเราจะดำเนินการต่อได้หริอยัง" โจวเหยียนหยูยินดีที่ได้ยินมันตอนนี้เธอเข้าใจบุคคลิกของดงซูบินแล้ว เขาจะไม่ยอมให้อภัยใครง่ายๆ และคนที่มามีเรื่องกับเขานั้นถือเป็นความโชคร้ายของคนผู้นั้นมาก

อย่าทำอีก?

อย่าบอกนะว่า!

ผู้อำนวยการหลิงพูดในใจว่าคนตัดสินใจฉันไม่ใช้นายหรอกพ่อหนุ่มแต่เป็นรัฐมนตรีเสี่ยวตั้งหาก การพูดเช่นนี้นจะช่วยอะไรได้กัน? นายไม่ใช่หรือยังไงที่เล่าเรื่องพวกนั้นให้กับรัฐมนตรีเสี่ยวฟัง? แต่ยังไงก็ตามนายก็เป็นญาติของเธอ ถ้ายังงั้นก็ใช้เวลาที่นายมาอบรมฉันบอกรัฐมนตรีเสี่ยวแทนฉันได้ไหม?หรือนายต้องการให้รัฐมนตรีเสี่ยวสำเร็จโทษฉันกันแน่? แล้วช่วยอย่ามาทำตัวเป็นหัวหน้าฉันด้วย!

“คุณ” ผู้อำนวยการหลิงถอนหายใจและพูดอย่างรวดเร็ว: “นั่นเป็นเพราะผมนั้นไม่ว่างจริงๆ ซึ่งทำให้เวลาของคุณล่าช้า ผมขอโทษจริงๆ ด้วยวิธีนี้ ผมจะรีบดำเนินการเอกสารให้คุณทันที ส่วนปัญหา ผมจะหาคนมาแก้ไขให้  มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย” หลังจากผู้อำนวยการหลิงพูดจบเขาไม่รอให้ดงซูบินพูดอะไร ผู้อำนวยการหลิงก็รีบหยิบเอกสารและ เดินขึ้นไปชั้นบน " เสี่ยวหลิว มากับฉัน ทำสำเนาเอกสารและรีบตามขึ้นมา"ลูกน้องของผู้อำนวยการหลิงรีบเดินตามเขาไปอย่างเร่งรีบ

ดงซูบินมองดูเขา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

โจวหยินหยูเองเธอเคยผ่านเรื่องราวมากมายในการเป็นข้าราชการมาก่อนแต่เธอไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นวันนี้  อีกทั้งผ่านไป 2 นาทีเท่านั้นลูกน้องของผู้อำนวยการหลิงก็เดินลงมาจากชั้นบนและบอกพวกเขาว่าเอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้ว , มอบสำเนาให้พวกเขารับเอกสารไปแล้วและขั้นตอนที่เหลือทางผู้อำนวยการหลิงก็รับไปดูแลเองทั้งหมด

ซึ่งก่อนหน้านี่เขาใช้เวลา 7-8 ชั่วโมงในการรอ แต่ตอนนี้มันจบภายใน 2 นาที เวลามันต่างกันมาก  จริงแล้วๆพวกเขาทำไม่ได้หรือไม่ตั้งใจทำกันแน่?

ดงซูบินมองเยาะเย้ยและพูดภายใจของเขาว่าถ้าไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้นคนพวกนั้นก็คงจะไม่เปลี่ยนวิธีการรทำงานสินะ! ? .

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด