ตอนที่แล้วChapter 28 : ได้ใบพัด!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 30 : พบหีบสมบัติเงิน! คัมภีร์อัพเกรดฐานรูน?

Chapter 29 : จู่โจมยามราตรี!


ยังมีเวลาเหลืออีกสิบชั่วโมงกว่าที่จะถึงเวลากลางคืน

ไคลน์นั่งอยู่เฉยๆไม่ได้ทำอะไร

วันนี้เขายังเหลือโควตาที่สามารถขุดได้อีกเจ็ดครั้งแต่ก็ไม่รู้เลยว่าจะได้ใช้พวกมันทั้งหมดไหม

ตามปกติแล้วกลางวันและกลางคืนในสุสานหรือถ้ำในโลกที่แล้วของเขาจะเป็นเหมือนกับคนละโลกกันเลยก็ว่าได้เพราะในช่วงเวลากลางคืนมักจะมีสัตว์ดุร้ายมากมายปรากฏตัวออกมา

บางทีในโลกแห่งสุสานเองก็คงเป็นเช่นเดียวกัน

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อถึงเวลากลางคืน....

ดวงตาของคนเราก็จะยิ่งมองได้จำกัดลง แม้ว่าการมองเห็นในที่มืดของไคลน์จะถูกยกระดับขึ้นมาแต่ก็ยังไม่ได้สะดวกอะไรขนาดนั้นเมื่อถึงยามกลางคืน

ในความเป็นจริงแล้วด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันของไคลน์ต่อให้เขาอยู่เฉยๆไปอีกเดือนหนึ่งก็ไม่มีปัญหา

ด้วยเครื่องกลั่นน้ำและฟาร์มเพาะเนื้อของเขาก็สามารถทำให้เขาอยู่ไปได้อีกนานแสนนานแล้ว

แต่ไคลน์กลับไม่พอใจในสถานการณ์ของตัวเองในปัจจุบัน

เขาต้องการยกระดับชีวิตและเพิ่มความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้อ่านคู่มือชีววิทยาสิ่งมีชีวิตในสุสานซึ่งเป็นฉบับไม่สมบูรณ์ด้วยแล้ว

ภายในคู่มือนั้นมีสัตว์อสูรแห่งสุสานทรงพลังมากมายถูกบันทึกเอาไว้

และก็ไม่ใช่ว่าพวกมันเดินไม่ได้เสียหน่อย

ถ้าวันใดวันหนึ่งพวกมันมาบังเอิญเจอกับเขาเข้าและความแข็งแกร่งของเขามีเพียงน้อยนิดเท่านี้ถ้างั้นแล้วการที่เขากับจิ้งจอกน้อยจะรอดไปได้คงเป็นเรื่องยากอย่างมาก

หลังจากคิดได้ดังนี้ไคลน์ก็ทนอยู่เฉยๆไม่ไหวอีกต่อไป

เขาเริ่มจากยัดไม้40ท่อนเขาไปในเครื่องกลั่นน้ำเพื่อทำการกลั่นน้ำเป็นลำดับแรก

จากนั้นเขาก็ไปรดน้ำฟาร์มเพาะเนื้อ

ส่วนเวลาที่เหลือก็ใช้ไปกับการฝึกฝนร่างกาย

ฝึกความแข็งแกร่ง : วิดพื้น , ซิทอัพ

ฝึกหอกฝึกมีด : แทง , ฟัน , ตั้งท่า

ฝึกการใช้อุปกรณ์รูน : ฝึกความแม่นยำ , บรรจุกระสุน , ยิงต่อเนื่อง...

พอเขาเหนื่อยเขาก็จะหยุดและมานั่งเล่นกับจิ้งจอกน้อยหรือเข้าไปในช่องแชทเพื่อตรวจสอบข้อความส่วนตัว

ไคลน์ยังได้ข้อมูลมาจากช่องแชทโลกและช่องแชทเฉพาะภูมิภาคไม่น้อยอีกด้วย

หลักๆเลยก็คือข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันของผู้เล่นส่วนใหญ่

พวกเขาส่วนใหญ่ขุดไปได้ห้าหรือหกสุสานแล้วขณะที่พวกที่เจนจัดหน่อยก็จะอยู่ที่ราวๆสุสานแห่งทิ่สิบ

คงต้องพูดว่าพวกเขาไม่เหมือนกับไคลน์

ทุกๆครั้งที่พวกเขาขุดก็เหมือนการปิดตาเปิดกล่องและไม่รู้เลยว่าจะพบอะไรภายในนั้น

ผู้เล่นที่บ้าระห่ำบางคนก็ต้องหยุดพักรักษาตัวเนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับสัตว์อสูรแห่งสุสาน

พวกเขาส่วนใหญ่จะไปต่อก็ต่อเมื่อน้ำและอาหารหมดลงเท่านั้น

วันนี้มีผู้เล่นจำนวนมากเลยทีเดียวที่พบเจอกันและกันและส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกร่วมมือกันมากกว่า

แน่นอนว่าพวกที่เลือกจะปล้นอีกฝ่ายก็มีเหมือนกัน!

ซึ่งกรณีนี้จะมีเหตุการณ์สืบเนื่องได้สามรูปแบบ

หนึ่งคือโดนสวนก็เสียท่าซะเองกับสองคือปล้นเพียงทรัพยากรแต่ไม่สังหารและสุดท้ายก็คือสังหารและขโมยทุกอย่างไป

ในบรรดาพวกเขามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เลือกสังหารและขโมยทุกอย่าง กล่าวอีกอย่างก็คือมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่คนภายนอกรู้

ยังไงซะพวกฆาตกรมันก็คงไม่เอ่ยปากออกมาก่อนหรอกว่าพวกมันเป็น

ก่อนที่ผู้เคราะห์ร้ายจะเสียชีวิตมีหลายครั้งที่พวกเขาส่งข้อความขอความช่วยเหลือมาทางช่องแชทแต่เมื่อคนอื่นๆถามกลับก็ไม่มีการตอบสนองเสียแล้ว

เหตุการณ์นองเลือดเช่นนี้เกิดขึ้นในสุสานหลายๆแห่ง

ดังนั้นจึงมีผู้เล่นหลายคนออกมาบอกว่าอยากให้ทุกๆคนร่วมมือกันและอย่าได้มีปัญหากันเมื่อพบเจอ

“มีเพียงร่วมมือกันเท่านั้นถึงจะมีโอกาสรอดมากขึ้น ยังไงซะสองหัวก็ดีกว่าหัวเดียวอยู่แล้วและยังทำให้ไม่เหงาอีกด้วย”

“ขอสนับสนุนให้ร่วมมือกันและห้ามปล้น”

“การสังหารคือการกระทำที่ผิดกฎหมาย อย่าได้ทำอะไรล้ำเส้นเลยดีกว่า!”

และอื่นๆอีกมากมาย

หลังจากไคลน์อ่านเสร็จเขาก็คงพูดได้เพียงว่าผู้เล่นจำนวนน้อยพวกนี้เป็นเพียงคนไร้เดียงสาเท่านั้น

พวกเขากลับยกเอาศีลธรรมและกฏหมายในสังคมที่เจริญแล้วในโลกใบที่แล้วมาใช้กับโลกแห่งสุสานอันโหดร้ายแห่งนี้ซะอย่างนั้น

ผู้คนส่วนใหญ่ในช่องแชทไม่ได้ตอบสนองแต่อย่างใด

พวกเขาส่วนใหญ่เขาใจหลักตรรกะดี ถ้ามีน้ำและอาหารเหลือก็คงพอร่วมมือกันได้

แต่ถ้าน้ำและอาหารเริ่มหมดลงถึงตอนนั้นใครจะเป็นใครจะตายคิดว่าพวกเขาจะสนไหม?

ยังไงซะต่อให้พวกเขาฆ่าคนที่นี่ก็ไม่มีใครรู้อยู่แล้วและไม่จำเป็นต้องไปขึ้นศาลด้วย

“ถ้าผู้เล่นเริ่มจับกลุ่มกันมากขึ้นถ้างั้นทรัพยากรในตลาดจะมากขึ้นหรือลดลงกันนะ?”

ไคลน์ไม่อาจคาดเดาได้เลย

การจับกลุ่มกันทำให้การขุดค้นปลอดภัยขึ้นเนื่องจากมีคนคอยระวังหลังให้กันและยังร่วมทีมกันเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรแห่งสุสานได้อีกด้วย

แต่ถ้าร่วมทีมกันพวกเขาก็ต้องมุ่งหน้าไปยังสุสานแห่งเดียวกันและจำนวนการขุดก็ไม่ได้เอามารวมกันแต่อย่างใด จำนวนการขุดของพวกเขาก็ยังคงอยู่ที่10ครั้งต่อวันเช่นเดิม

ถ้าพวกเขาไม่ร่วมทีมกันก็ไม่จำเป็นต้องแบ่งปันทรัพยากรกับใคร จำนวนการขุดก็สามารถสะสมได้แต่ก็อันตรายมากเช่นกันเนื่องจากต้องลุยคนเดียว

แต่ละแบบต่างก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป

เพียงเสี้ยวพริบตาเวลาก็ล่วงเลยเข้าช่วงกลางวันแล้ว

อาหารกลางวันในวันนี้คือสตูเนื้อ

เนื้อพวกนี้ก็คือเนื้อของจระเข้เกราะหินและกิ้งก่าตาเดียวนั่นเอง

เพื่อให้เนื้อของพวกมันมีความหลากหลายมากขึ้นเขาจึงใส่น้ำของผลเถาวัลย์สีดำลงไปเพื่อเพิ่มความหวานอมเปรี้ยว

หลังจากปรุงเสร็จอาหารกลางวันมื้อนี้ก็กลายเป็นมื้ออาหารที่อร่อยที่สุดนับตั้งแต่ที่ไคลน์เข้ามายังสุสานเลยก็ว่าได้

เนื้อของจระเข้เกราะหินสามารถเพิ่มความต้านทานการโจมตีได้ในระดับหนึ่ง

ไคลนร์ไม่มั่นใจนักว่ามันมีผลกับจิ้งจอกน้อยด้วยรึเปล่า

ไม่ช้าไม่นานท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง (มีท้องฟ้าด้วย?)

หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จไคลน์ก็จัดการเตรียมตัวเป็นครั้งสุดท้าย

ตรวจสอบอาวุธ

เขาให้คำสั่งสำคัญมากๆกับจิ้งจอกน้อยไปและเริ่มวอร์มร่างกายเล็กน้อยเช่นกัน

ในเวลาเดียวกันเขาก็มักจะตรวจสอบความเคลื่อนไหวของสัตว์อสูรแห่งสุสานในสุสานแห่งถัดไปอยู่เรื่อยๆผ่านทางคำใบ้

บางทีหมาในซากศพอาจจะออกจากสุสานไปเองก็เป็นได้

...

ไม่นานนักยามราตรีก็มาเยือนในที่สุด

ชัดเจนแล้วว่าการมองเห็นในที่มืดของไคลน์ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น

ในอดีตเขามองไม่เห็นแม้แต่นิ้วมือของตัวเองด้วยซ้ำแต่ตอนนี้เขากลับสามารถมองเห็นออกไปได้ไกลถึงสิบห้าเมตร

ส่วนระยะการมองเห็นในที่มืดของหมาในซากศพนั้นแทบจะเป็น0เลยทีเดียว นอกจากนี้พวกมันยังไม่มีสัมผัสทางด้านการดมกลิ่นและการได้ยินเองก็ค่อนข้างแย่

ตราบใดที่เขาอยู่ห่างจากมันเกินสิบเมตรไคลน์ก็มั่นใจว่าเขาสามารถยิงเข้าจุดตายมันได้แน่นอน!

เมื่อเวลามาถึงไคลน์ก็ตรวจสอบสุสานทางด้านหน้าอีกครั้ง

[มีหีบสมบัติเงินอันน่าดึงดูดอยู่ในสุสานทางด้านหน้าแต่มีหมาไนซากศพสองตัวรอต้อนรับท่านอยู่ ตอนนี้คือช่วงเวลาดีที่จะจู่โจม ท่านสามารถจัดการพวกมันได้อย่างง่ายดาย]

คำใบ้มัน...

จัดการได้อย่างง่ายดาย!

ไคลน์กับจิ้งจอกน้อยเดินเข้าไปในอุโมงค์ด้านหน้าและเริ่มทำการขุดต่อไป

ไม่นานนักพวกเขาก็ขุดมาจนถึงหลุมดำ

ไคลน์มองไปที่จิ้งจอกน้อยเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “ระวังตัวด้วยและอย่าทำให้ศัตรูแตกตื่นล่ะเข้าใจนะ?”

ไคลน์ไม่ได้กังวลกับจิ้งจอกน้อยมากนักก็จริงอยู่แต่ก่อนที่จะเข้าไปในสุสานเขาก็ย้ำอีกครั้ง “ถ้าฉันไม่สั่งก็อย่าเพิ่มโจมตีนะ”

“งืมๆๆ!”

จิ้งจอกน้อยยกขาหน้าน้อยๆขึ้นมาตบอกราวกับจะบอกว่า ‘ไว้ใจฉันได้เลย’

ไคลน์เดินเข้าไปในหลุมดำเป็นคนแรกโดยมีจิ้งจอกน้อยตามมาติดๆ

...

สุสานแห่งที่สิบเก้า

ที่แหงนึ้เงียบเป็นอย่างมาก

ไคลน์ตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบ เขาพยายามมองหาตำแหน่งของหมาไนซากศพด้วยระยะสายตาที่มีจำกัด

แง่ม!

จิ้งจอกน้อยดึงขากางเกงของไคลน์เบาๆ

เมื่อมองลงไปไคลน์ก็เห็นจิ้งจอกน้อยทำท่าทีเหมือนให้มองดูไปในทิศทางหนึ่ง

ต้องรู้ด้วยว่าระยะการมองเห็นในที่มืดของจิ้งจอกน้อยเหนือกว่าไคลน์มากดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เธอจะพบตำแหน่งของศัตรูก่อนไคลน์

ไคลน์พยักหน้าเล็กน้อยและเดินไปในทิศทางที่จิ้งจอกน้อยบอก

ในทุกๆครั้งเขาจะลงน้ำหนักเท้าให้เบาที่สุด

ระยะทางเพียงสิบกว่าเมตรแต่เขากลับใช้เวลาเดินถึงสองนาทีเต็ม

เมื่อเริ่มเห็นอะไรบางอย่างไคลน์ก็ชะงักเท้า

ที่เขามองเห็นอยู่ลางๆก็คือเค้าร่างของหมาไนซากศพทั้งสองตัวที่อยู่ท่ามกลางความมืด

เวลาแห่งการล่าเริ่มต้นขึ้นแล้ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด