ตอนที่แล้วWS บทที่ 211 นักเวทย์ระดับหนึ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 213 รูปแบบที่หนึ่ง

WS บทที่ 212 ผ่านด่านอีกครั้ง


ตอนนี้ คาถาทั้งหกในจิตใต้สำนึกของเมอร์ลินได้กลายเป็นคาถาระดับหนึ่งแล้ว หลังจากที่เขาสร้างเขตแดนแสงดำสำเร็จ โครงสร้างเวทมนต์ภายในจิตใต้สำนึกทั้งหมดกลับมาสมดุลอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ เขาต้องใช้พลังจิตเพื่อรักษาสมดุลเอาไว้ซึ่งทำให้เขาต้องใช้พลังจิตจำนวนมหาศาล ในขณะที่เขากลัวว่าพวกมันจะแตกสลายหากมันเสียสมดุลไปแต่ตอนนี้เขาไม่ต้องทำเช่นนั้นแล้ว

นอกจากนี้ เมื่อเขากลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง ความจุสูงสุดของพลังเวทย์ของโครงสร้างเวทมนต์ก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง นี่หมายความว่าความแข็งแกร่งของเมอร์ลินจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองสามเท่าเมื่อเขากลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง

เมอร์ลินลุกขึ้นยืนช้าๆ เขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในจิตใต้สำนึกของเขา ตอนนี้เขากลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งแล้ว เขารู้สึกถึงพลังอำนาจที่อยู่ภายในและพร้อมที่จะระเบิดออกมา

“เอาล่ะ ได้เวลาผ่านด่านแล้ว!”

เมอร์ลินติดอยู่ในหอคอยโบราณมานานกว่าสามเดือน การสร้างคาถาเขตแดนแสงดำประสบความสำเร็จและความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงพร้อมที่จะเข้ารับการท้าทายอีกครั้ง

เมอร์ลินเพิ่งเดินออกจากห้องไร้เสียง เขามองเห็นภูตไฟบินออกจากรูปปั้นเปลวไฟ มันเหลือบมองเมอร์ลินเพียงครั้งเดียว ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ายินดี “ยินดีด้วย พ่อมดเมอร์ลิน ในที่สุด เจ้าก็กลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง! ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเจ้าเพิ่มขึ้นมากแล้ว เจ้าคิดว่าจะผ่านด่านได้หรือไม่?”

“อืม ครั้งนี้ฉันมั่นใจว่าสามารถจัดการผู้พิทักษ์ได้และเอาสมบัติที่เจ้าของหอคอยโบราณทิ้งไว้มาให้ได้ จากนั้นฉันก็สามารถฝึกฝนเพลิงวินาศรูปแบบแรกและออกจากหอคอยโบราณ” เมอร์ลินพยักหน้าขณะพูด

“ดีมาก ข้าจะเปิดห้องลับเพื่อให้เจ้าเข้าไปข้างใน กฎยังเป็นเหมือนเดิม หากเจ้าไม่มีความมั่นใจในการเอาชนะลิสเตอร์ให้ออกจากพื้นที่ของห้องลับ ลิสเตอร์ไม่มีทางที่จะทิ้งห้องลับและออกมาข้างนอกอย่างแน่นอน”

ภูตไฟอธิบายให้เมอร์ลินฟังถึงสิ่งที่เขาต้องระวัง เมอร์ลินพยักหน้าก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ และก้าวเข้าไปในห้องลับทันที

เมอร์ลินเพิ่งก้าวเข้าไปในห้องลับ เขาพบกับ ‘กระต่าย’ อีกครั้ง มันขดตัวอยู่ที่มุมห้องด้วยขนสีขาวราวหิมะ

“กลัมาแล้วหรือ เจ้าหนู”

ผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ เงยหน้าขึ้นและเหลือบมองเมอร์ลินอย่างเย็นชา หลังจากนั้น มันก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนและพูดด้วยความประหลาดใจ “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าเจ้าไม่ได้ปล่อยให้เวลาเสียเปล่าสินะ ตอนนี้เจ้ากลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งเรียบร้อยแล้ว!”

เมอร์ลินไม่รู้สึกแปลกใจเลย ภูตไฟสามารถสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเขาได้ในพริบตา ดังนั้นผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ ก็น่าจะรับรู้ได้เช่นกัน

เมอร์ลินพยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อเอาชนะแก”

“ฮิฮิ เจ้าหนู คิดว่าตัวเองพลังเพิ่มขึ้นนิดหน่อยก็คิดจะทำตัวโอหังเลยรึ ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่ได้เอาจริงเลย เดี๋ยวข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นเองว่าพลังที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร...” ลิสเตอร์พูดอย่างไม่ใส่ใจ

สีหน้าของเมอร์ลินยังคงสงบ เขาไม่ได้พูดต่อ อย่างไรก็ตาม แผ่นหินสีเทาปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วจากร่างกายของเขาและล้อมรอบเมอร์ลินเอาไว้

นี่เป็นรูปปั้นผู้พิทักษ์แบบเสริมพลังที่ร่ายผ่านอุปกรณ์เวทมนต์ หลังจากร่ายคาถาป้องกันแล้ว เมอร์ลินก็เปิดใช้งานคาถาระดับหนึ่งซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นานทันที!

“เขตแดนแสงดำ!”

เมอร์ลินส่งเสียงคำรามต่ำ ในช่วงเวลาสั้นๆ แสงเริ่มบิดเบี้ยวอย่างรวดเร็วภายในห้องที่เคยมืดมิดและสลัวมาก่อน ทันใดนั้นทุกอย่างก็กลายเป็นสีดำสนิท แม้แต่พลังจิตก็ไม่สามารถตรวจสอบสิ่งใดได้

“คาถาธาตุมืด?”

เป็นครั้งแรกที่น้ำเสียงของ ‘กระต่าย’ เปลี่ยนไป ทันใดนั้น เมอร์ลินก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนอย่างรุนแรงของธาตุน้ำแข็งและแผ่นผลึกน้ำแข็งหนาทึบล้อมรอบร่างของมันอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าเขตแดนแสงดำของเมอร์ลินจะเป็นเพียงคาถาระดับหนึ่งแต่ก็สามารถทำให้นักเวทย์ระดับสามตกอยู่ในภาพลวงตาได้

ถึงพลังจิตของผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ จะแข็งแกร่งมากแต่มันน่าจะอยู่จุดสูงสุดของนักเวทย์ระดับสาม มันน่าจะทำให้ลิสเตอร์ตกอยู่ในภาพลวงตาได้

นอกจากนี้เมอร์ลินยังสังเกตเห็นท่าทีที่เคร่งเครียดของมัน บ่งบอกว่าคาถานี้ มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ จะรับมือได้ง่าย ๆ

เมื่อสามเดือนก่อน ผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ ได้จัดการกับเมอร์ลินแบบที่เขาไม่สามารถต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อยแต่ตอนนี้ไม่ไม่เหมือนตอนนั้น

เมื่อเขาเห็นว่าเขตแดนแสงดำแบบธรรมดาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ มากนัก เมอร์ลินจึงร่ายเขตแดนแสงดำอย่างต่อเนื่องและจากนั้นเขาก็ร่ายเขตแดนแสงดำแบบเสริมพลังทันที

หลังจากร่ายคาถาไป ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความมืดมิดทันที ผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ ซึ่งยังคงสามารถควบคุมพลังธาตุน้ำแข็งได้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้มันตกอยู่ในภาพลวงตา สิ่งเดียวที่ป้องกันตัวของมันอยู่คือแผ่นน้ำแข็งหนารอบ ๆ ตัวมัน

“เพลิงพิโรธ!”

เมอร์ลินร่ายเพลิงพิโรธอย่างรวดเร็ว ด้วยพลังจิตอันยิ่งใหญ่ที่เขามีในตอนนี้ การควบคุมเวทมนตร์ของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก เปลวไฟที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาไม่กระจายออกมาแม้แต่น้อย ขณะที่พวกมันพุ่งเข้าหา ‘กระต่าย’ อย่างรวดเร็ว

เขาไม่ได้ร่ายเพลิงพิโรธแค่ครั้งเดียวแต่ร่ายสิบครั้งติดต่อกัน ทำให้ครึ่งหนึ่งของห้องเกือบจมอยู่ในกองไฟ เนื่องจากอุณหภูมิที่น่าสยดสยองทำให้ทุกอย่างในห้องเผาไหม้

เมอร์ลินจ้องมองอย่างเงียบ ๆ ไปที่ไฟที่ลามอยู่ในห้อง ไม่มีทางที่ผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ ซึ่งตกอยู่ภายใต้ภาพลวงตาจะไม่สามารถต้านทานสิ่งนี้ได้

พลังของเขตแดนแสงดำไม่ทำให้เมอร์ลินผิดหวังเลย มันช่วยให้เขาเอาชนะผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ ที่ทรงพลังในครั้งแรกที่เมอร์ลินร่ายมันออกมา

ไม่นาน เปลวเพลิงก็ค่อยๆ หายไป ในเวลาเดียวกัน ผลกระทบของเขตแดนแสงดำเริ่มลดลงจนแสงปรากฏขึ้นอีกครั้งในห้อง เขาได้มองเห็นขนสีขาวของผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ ก็กลายเป็นสีดำไหม้เกรียม ปล่อยกลิ่นไหม้อันน่าสยดสยองออกมา

"มันตายแล้วรึยัง?"

ดวงตาของเมอร์ลินหรี่ลงเล็กน้อย หลังจากจมดิ่งสู่ภาพลวงตา ผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ ก็ถูกโจมตีด้วยเปลวไฟอันรุนแรงของเมอร์ลินมากกว่าสิบครั้ง มันไม่สามารถต้านทานได้แม้ว่ามันจะเป็นภูตธาตุก็ตาม

*แคร่ก*

ในขณะที่เมอร์ลินพร้อมที่จะเดินเข้าไปในห้องลับต่อไป ร่างของ  ‘กระต่าย’ ก็ส่งเสียงแปลก ๆ พื้นผิวของร่างกายเริ่มแตก เผยให้เห็นขนสีขาวเหมือนหิมะ

“เจ้าหนู เจ้าชนะแล้ว เจ้าสามารถเข้าไปข้างในได้!”

ทันใดนั้น ผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ ที่เปลี่ยนเป็นสีดำไหม้เกรียมก็พูดกับเมอร์ลินอีกครั้ง

“นี่แกยังไม่ตาย?”

เมอร์ลินรู้สึกประหลาดใจมาก เขาสัมผัสได้ถึงพลังของเพลองพิโรธอย่างชัดเจน ไม่มีทางที่ร่างเนื้อปกติจะต้านทานได้อย่างแน่นอน ต่อให้เป็นภูตธาตุก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของเพลิงพิโรธมากกว่าสิบครั้งได้

“ข้าจะตายได้อย่างไร ภูตธาตุอย่างพวกเราวิวัฒนาการด้วยวิธีการพิเศษโดยนายท่านแต่ข้าไม่ได้ผ่านการวิวัฒนาการที่สมบูรณ์เลยวิวัฒนาการได้เพียงครึ่งทาง อย่าคิดว่าข้าเป็นเพียงร่างเนื้อธรรมดา ๆ ภายในร่างกายของข้ายังคงทำจากพลังธาตุน้ำแข็งด้วยและข้าจะไม่ตายแม้ว่าจะถูกโจมตีด้วยเวทมนตร์ที่แรงกว่า ตราบใดที่เราอยู่ในห้องลับนี้ ข้าสามารถฟื้นคืนชีพได้โดยไม่มีขีดจำกัด เว้นแต่ว่า หอคอยโบราณทั้งหมดถูกทำลาย ในกรณีนี้ข้าจะหายไปโดยธรรมชาติ” ผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ อธิบายทุกอย่างให้เมอร์ลินฟัง

นอกจากนี้ มันยังบอกเขาอีกว่า มันได้รับคำสั่งจากเจ้าของหอคอยโบราณคือให้หยุดนักเวทย์ที่จะเข้ามาในห้องลับแต่ถ้าหากมันถูกกำจัดมันจะถือว่านักเวทย์คนนั้นมีคุณสมบัติ มันถึงจะยอมให้นักเวทย์คนนั้นเข้าไป

ดังนั้น เมอร์ลินจึงผ่านด่านได้สำเร็จ แม้ว่าผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ จะฟื้นคืนชีพแต่ก็จะไม่โจมตีเขาอีกต่อไป

*ครืน*

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังก้อง

ประตูหินหนาๆ ก็เปิดออกอีกครั้ง ยังมีห้องลับอีกห้องหนึ่งอยู่ภายใน นี่คือที่ที่เจ้าของหอคอยโบราณได้ทิ้งสมบัติของเขาไว้

เมอร์ลินรีบพยักหน้าเล็กน้อยให้ ‘กระต่าย’ ก่อนเข้าไปในห้องลับที่อยู่ด้านในสุด

...

ห้องลับไม่กว้างขวางมากนัก มีไข่มุกขนาดมหึมามากมายฝังอยู่ในกำแพงทั้งสี่รอบตัวเขา แสงที่ส่องออกมาจากไข่มุกเหล่านั้นทำให้ห้องลับทั้งหมดสว่างไสวจนรู้สึกเหมือนเป็นเวลากลางวัน

เมอร์ลินมองเห็นกล่องขนาดใหญ่สองสามกล่องที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นในห้องลับ

เขาเปิดกล่องใหญ่สองสามกล่องเหล่านั้น ข้างในมีวัสดุปรุงยาและหินธาตุ มันเป็นหินธาตุไฟมีจำนวนมากเกินกว่าจะนับได้

"แก่นเพลิงนรกและหินไฟ...อย่างที่คาดไว้ นี่คือสมบัติที่จำเป็นต่อการฝึกฝนเพลิงวินาศ!"

เมอร์ลินสามารถระบุสมบัติในกล่องได้อย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากหินธาตุไฟแล้ว ยังมีสมบัติบางอย่างที่จำเป็นสำหรับการฝึกฝนเพลิงวินาศด้วย

ด้วยจำนวนที่มากมายนี้ เขาสามารถฝึกฝนรูปแบบแรกสำเร็จได้โดยเร็ว

เมอร์ลินตรวจสอบของข้างในอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเก็บสมบัติทั้งหมดในกล่องใหญ่เหล่านั้นไว้ในแหวนของเขา ก่อนที่จะออกจากห้องลับอย่างช้าๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด