ตอนที่แล้ว505-506
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป509-510

507-508


Ep.507

“ฉันไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอก อีกเดี๋ยวแกก็รู้เอง”

ซูเฉินยิ้มมุมปาก หันไปกวักมือเรียกเฉาหราน

เนื่องจากต้องโดนทรมานถึงจะสารภาพออกมา ดังนั้นเรื่องนี้จะขาดเฉาหรานไปไม่ได้

กลวิธีควัก เจาะ คว้าน แทงลูกตา เขาผู้นี้ชำนาญที่สุด

“พี่เฉิน มีอะไรให้ฉันช่วย?”

เฉาหรานวิ่งมาหยุดข้างๆซูเฉินแล้วเอ่ยถาม

“เจ้าหมอนี่ปากแข็งมาก ทำเหมือนทุกครั้ง ‘เปิดโลก’ ให้มันดูซักหน่อย”

ซูเฉินเอื้อมมือไปคว้าเหมิงเซิ่ง มุมปากเขาปรากฏรอยยิ้มเย็นชา

เฉาหรานตระหนักได้ทันที [กริชอเวจี] ในมือหายวับไป เมื่อมันปรากฏขึ้นอีกครั้ง ปลายแหลมก็อยู่ห่างกับลูกตาของเหมิงเซิ่งเพียงเส้นผม

เฉาหรานไม่รีบร้อนที่จะลงมือ เขาต้องการให้เหมิงเซิ่งได้สัมผัสถึงรสชาติของความหวาดกลัว

“เจ้าคิดจะทำอะไร?” เหมิงเซิ่งกลืนน้ำลาย เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย

ซูเฉินหันศีรษะ ทอดสายตามองไกลออกไป ทำราวกับไม่ได้ยิน

“แน่นอนว่ากำลังจะควักลูกตาแกไง!” เฉาหรานหัวเราะอย่างเผ็ดร้อน ควบคุม [กริชอเวจี] แทงฟัฟฟฟ! เข้าตาขวาของเหมิงเซิ่ง

ทันใดนั้นเอง เลือดสาดกระเซ็นไปทุกที่

“อ๊าาาา! พวกเจ้ามันไม่ใช่มนุษย์!”

ใบหน้าของเหมิงเซิ่งบิดเบี้ยว ร้องโวยวายด้วยความเจ็บปวดระคนแค้น

“เสียงดังดีจริงๆ เมื่อกี้ยังปิดปากเงียบอยู่เลยแท้ๆ”

เฉาหรานแสยะยิ้ม เอื้อมมือไปคว้าด้ามจับ [กริชอเวจี] แล้วค่อยๆคว้านมัน

ไล่เซาะจนกระทั่งเบ้าตาของเหมิงเซิ่งกลายเป็นรูเลือด ถึงค่อยชักกริชสั้นออกมา

เห็นฉากอันน่าสยดสยองนี้ ซูเฉินอดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้นเสียงดัง

แม้ปกติจะดูเกียจคร้าน แต่ในด้านความโหดร้ายและทรมานผู้คน เฉาหรานผู้นี้ไร้เทียมทานที่สุด

การทรมานของเขา มันไม่เพียงทำร้ายร่างกายเท่านั้น แต่ยังบั่นทอนจิตใจของผู้ถูกกระทำอย่างร้ายแรง

ซูเฉินเองก็มีฝีมือในการทรมานผู้คนอยู่บ้าง แต่เมื่อวัดฝีไม้ลายมือกับเฉาหรานแล้ว หากอีกฝ่ายคือกองไฟ เขาคงเป็นได้แค่สะเก็ดไฟเท่านั้น

เพราะอย่างมากที่สุด การทรมานของซูเฉินคือจับหักขนหักขา มันเทียบไม่ได้เลยกับการละเล่นกับลูกตาคนอื่น

อีกด้านหนึ่ง เหมิงเซิ่งมิอาจทนต่อการถูกทรมานเช่นนี้ได้ ร้องครวญครางไม่หยุด

ซูเฉินรู้สึกว่าน่าจะทรมานจนได้ที่แล้ว จึงเอ่ยถามออกมา “ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง ถ้ายอมบอกความจริง ฉันจะยอมให้ไปสบาย”

“ไปตายซะเถอะ! บิดาจะไม่ยอมเอ่ยอะไรทั้งนั้น!”

เหมิงเซิ่งกัดฟัน ร้องคำรามออกมา

“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!”

เฉาหรานพับแขนเสื้อขึ้น ถ่มน้ำลายใส่เหมิงเซิ่ง หันมาพูดกับซูเฉินว่า “พี่เฉิน ฉันเพิ่งศึกษาวิธีการทรมานแบบใหม่มาพอดี มันเรียกว่า ‘ลงทัณฑ์ด้วยวิธีฆ่าหั่นศพ’ (千刀万剐) ในเมื่อเจ้าหมอนี่มันไม่ยอมสารภาพ งั้นฉันขอให้เขาได้ลิ้มลองความร้ายกาจของมัน”

ได้ยินแบบนี้ เหมิงเซิ่งสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ใบหน้าเขาแสดงออกถึงความหวาดกลัวอย่างลึกล้ำ

กระทั่งซูเฉินยังกลืนน้ำลาย จับจ้องเฉาหรานอย่างตกตะลึง ลอบกล่าวในใจว่า ‘เจ้าหมอนี่นับวันยิ่งถลำลึกไปบนเส้นทางแห่งความโหดร้าย กลายเป็นเพชฌฆาตมือฉมังไปซะแล้ว อ๊า!’

ลงทัณฑ์ด้วยวิธีฆ่าหั่นศพ แน่นอนว่าเป็นการทรมานประเภทหนึ่ง แต่กระบวนการของมัน เรียกได้เลยว่าโหดร้ายมาก

กระนั้น เพื่อที่จะง้างปากเหมิงเซิ่ง ซูเฉินรู้สึกว่ากลวิธีใดๆ ก็จำเป็นต้องนำออกมา

เขาหันไปพยักหน้าและกล่าว “ลงมือเถอะ ฉันจะรอชม ‘การแสดง’ ของนาย”

“พี่เฉินวางใจได้ ลงทัณฑ์ด้วยการฆ่าหั่นศพ เป็นเพียงหนึ่งในกลเม็ดเล็กๆน้อยๆของฉัน ถ้าเขายังไม่ยอมพูด ฉันยังมีอีก 99 กลเม็ดไว้ทรมานฃ”

เฉาหรานเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น จากนั้นเริ่มควงกริชในมือ ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้เหมิงเซิ่ง

ได้ยินว่ายังมีวิธีทรมานอีก 99 วิธี ปราการในหัวใจของเหมิงเซิ่งพังทลายลงทันที กล่าวน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “ข้าจะพูด! ข้ายอมบอกทุกอย่างแล้ว!”

หัวใจของซูเฉินรู้สึกปรีดาเป็นอย่างยิ่ง ทว่าใบหน้าที่แสดงออกมาภายนอกยังคงเย็นชา จ้องเขม็งเหมิงเซิ่ง แค่นเสียงเบาๆ “งั้นก็รีบพูดมา อย่าให้ต้องเสียเวลา!”

Ep.508

“ข้าได้รับมันมาจากชั้นสสารพิษนอกทวีปเสวียนเทียน!” เหมิงเซิ่งสารภาพราวกับยอมรับชะตากรรมเรียบร้อยแล้ว

“หือ?”

คำตอบนี้ของเหมิงเซิ่ง ทำให้ซูเฉินรู้สึกประหลาดใจมาก

ก่อนหน้านี้ เขาได้รู้จากปากเฉินเมิ่งเฟย ว่าสสารพิษที่อยู่นอกทวีปเสวียนเทียนนั้นเลวร้ายอย่างหาที่เปรียบมิได้ ต่อให้เป็นการดำรงอยู่ในเลเวล 10 เมื่อเข้าไป ก็ยังหายตัวอย่างไร้ร่องรอย

ขณะที่เหมิงเซิ่งเป็นผู้ฝึกตนเลเวล 5 เท่านั้น แล้วทำไมเขาถึงกล้าเข้าสู่ชั้นสสารพิษ แถมยังกลับออกมาแบบมีชีวิตได้?

“นี่แกล้อฉันเล่น? กำลังจะบอกว่าแกสามารถเข้าออกชั้นสสารพิษได้ตามใจชอบงั้นสิ?”

สีหน้าของซูเฉินมืดมน ตามสัญชาตญาณ เขาคิดว่าเหมิงเซิ่งไม่น่าจะพูดความจริง

“พี่เฉิน เจ้าหมอนี่ยังโกหกอยู่ ให้ฉันจัดการใช้วิธีลงทัณฑ์ฆ่าหั่นศพไหม?”

เฉาหรานเองก็คิดว่าเหมิงเซิ่งกำลังพูดปดเช่นกัน เริ่มควงกริชในมือ ตั้งท่าว่าจะเคลื่อนไหว

“ข้าไม่ได้โกหก ข้าคือคนที่กำลังจะตาย ไม่จำเป็นต้องโกหกเจ้า”

เหมิงเซิ่งกลัวจริงๆ รีบอธิบายอย่างเร่งร้อน

ซูเฉินครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถามว่า “งั้นทำไมแกถึงเข้าไปในชั้นสสารพิษ?”

เกาะหวังซวี่และทวีปเสวียนเทียนอยู่ใกล้กันมาก ชนิดที่ว่าพื้นที่ส่วนหนึ่งของมันเชื่อมต่อกับชั้นสสารพิษ

ดังนั้นความร้ายกาจของชั้นสสารพิษ ไม่มีใครบนเกาะหวังซวี่ที่ไม่ทราบเรื่องนี้ แล้วเหตุใดเหมิงเซิ่งถึงยังกล้าเข้าไปอีก? นี่เป็นจุดที่น่าสงสัยมาก

“ในปีนั้น ข้าโดนศัตรูไล่ล่า ถูกบังคับให้ต้องดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง เลยได้แต่หลบหนีเข้าไปในชั้นสสารพิษ” เหมิงเซิ่งไม่ลังเล ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

คำอธิบายนี้ก็ดูสมเหตุสมผลดี หากสถานการณ์สิ้นหวังจริงๆ อาจเป็นไปได้ที่จะเลือกหนทางนี้

ประโยคนี้ซูเฉินเชื่อ เอ่ยถามต่อว่า “ทั้งๆที่คนอื่นๆล้วนตายกันหมดเมื่อเข้าไปในชั้นสสารพิษ แล้วทำไมแกถึงรอด?”

เหมิงเซิ่งอธิบายว่า “ตอนแรกข้าคิดว่าคงไม่รอดเหมือนกัน เพราะข้างในมีแมลงสัตว์ร้ายที่ร้ายกาจซ่อนตัวอยู่ พวกมันมีความสามารถในการกลืนกินทุกอย่าง แต่เมื่อข้าได้ปลดปล่อยเกราะดำออกมา พวกมันก็ไม่คิดโจมตีข้าอีก”

ได้ยินเรื่องนี้ ซูเฉินเริ่มตื่นเต้นเล็กน้อย

สิ่งที่เหมิงเซิ่งพูด จะเป็นความจริงหรือไม่ เขาไม่แน่ใจ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมิงเซิ่งไม่ได้โกหก นั่นคือมีสิ่งมีชีวิตบางอย่างซ่อนตัวอยู่ในชั้นสสารพิษจริงๆ ซึ่งพวกมันเคยถูกค้นพบแล้วบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง

ครุ่นคิดสักเล็กน้อย ซูเฉินเอ่ยถามว่า “แล้วแกไปเอาผลไม้ทั้งสามชนิดนี้มาจากที่ไหน?”

“แมลงสัตว์ร้ายพวกนั้นมอบให้ข้า”

เหมิงเซิ่งไม่ลังเล กล่าวสารภาพอย่างตรงไปตรงมา

ซูเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อยๆปั่นความคิด

เดิมที เขายังคิดวางแผนที่จะคลำเถาวัลย์ไปเจอแตงจากเหมิงเซิ่ง เค้นตำแหน่งที่ตั้งที่ให้กำเนิดผลทั้งสามชนิด แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้แล้ว

เพราะหากต้องการพืชวิญญาณทั้งสามชนิดนี้ เกรงว่าคงต้องเข้าไปในชั้นสสารพิษ และสอบถามแมลงสัตว์ร้ายเหล่านั้นแทน

อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ด่วนสรุปว่าสิ่งที่เหมิงเซิ่งพูดนั้นจริงหรือไม่ เพราะจะเกิดอะไรขึ้นหากเหมิงเซิ่งแอบซ่อนเจตนาร้าย จงใจนำเขาไปสู่ชั้นสสารพิษ และมันอาจเกิดอันตรายขึ้นได้

กระนั้น หากให้ยอมทิ้งเรื่องพืชวิญญาณทั้งสามต้นไป ซูเฉินไม่ยินยอม

เพราะท้ายที่สุดแล้ว พวกมันคือสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพืชปีศาจที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้ หากครั้งนี้เขาพลาด วันหน้าอาจไม่มีวาสนาได้เจอกันอีก

“เอาล่ะ ข้าพูดทุกอย่างที่ควรพูดไปหมดแล้ว ปล่อยให้ข้าไปสบายเสียที”

เมื่อเห็นว่าซูเฉินไม่ได้กล่าวอะไรเป็นเวลานาน เหมิงเซิ่งก็เป็นฝ่ายกระตุ้นเขา

ซูเฉินได้สติกลับมา และนึกขึ้นได้อีกเรื่องหนึ่ง เอ่ยถามว่า “แล้วเกราะดำของแกได้มาจากที่ไหน?”

แม้เกราะดำนี้จะชำรุด และได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่พลังป้องกันของมันน่าทึ่งมาก

หากไม่ใช่เพราะกลวิธีโจมตีอันหลากหลายของเขา เกรงว่าคงไม่สามารถทำร้ายเหมิงเซิ่งได้

ซูเฉินกระทั่งคิดว่า หากเกราะดำยังคงสภาพสมบูรณ์ไม่บุบสลาย ต่อให้เขาใช้ [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล]ก็อาจจะยังไม่สามารถทำลายมันได้

สมบัติล้ำค่าเช่นเกราะดำ ต้องมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ซึ่งนี่ย่อมดึงดูดความสนใจของซูเฉิน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด