ตอนที่แล้วWS บทที่ 210 ผ่านด่าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 212 ผ่านด่านอีกครั้ง

WS บทที่ 211 นักเวทย์ระดับหนึ่ง


*ปัง!*

กรงเล็บที่แหลมคมของ ‘กระต่าย’ ที่เปรียบเสมือนใบมีดโกน ด้วยการแรงข่วนเพียงครั้งเดียวก็ทำให้รูปปั้นผู้พิทักษ์เบื้องหน้าเมอร์ลินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง รอยร้าวได้ปรากฏขึ้นบนนั้นบนบริเวณที่ ‘กระต่าย’ โจมตี

“ด้วยพลังมหาศาลและความเร็วเช่นนี้ ดัชนีเยืองแข็งของฉันคงไร้ประโยชน์อย่างแน่นอน!”

เมอร์ลินเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา ในเมื่อดัชนีเยือกแข็งไร้ประโยชน์ เมอร์ลินจึงตัดสินใจร่ายอีกคาถา

“ข่ายสายฟ้า!”

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงคาถาระดับศูนย์แต่เมอร์ลินก็ยังอยากจะลองดูว่ามันจะทำให้ผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ เป็นอัมพาตได้หรือไม่

สายฟ้าแลบปรากฏรอบตัวพวกเขา อย่างไรก็ตาม ตามที่เมอร์ลินคาดไว้ข่ายสายฟ้าค่อนข้างไร้ประโยชน์ เมอร์ลินเปลี่ยนไปใช้ หมอกรัตติกาลแบบเสริมพลัง อย่างไรก็ตาม มันไม่มีผลกระทบต่อผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ เลย

บางทีเมอร์ลินอาจจะสามารถทำให้ภูตธาตุที่ทรงพลังนี้ตกอยู่ในภาพลวงตาได้ ถ้าเขาสร้างคาถาเขตแดนแสงดำสำเร็จแต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำอย่างนั้น

เมื่อเขาได้ลองทุกอย่างแล้วแต่ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นมันไม่ตรงกับสิ่งที่เขาคาดหวังเลย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจออกจากห้องลับก่อนที่ผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ จะโจมตีในครั้งถัดไป

“สายลมแห่งอิสระ” เมื่อร่ายเสร็จ เขาก็หายไปจากห้องลับทันที

“ช่างอ่อนแอเหลือเกิน ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะหนีออกไปจริง ๆ”

ท่าทางผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ อยากจะออกไปหาเมอร์ลินและสู้ต่อ อย่างไรก็ตาม มันสามารถเคลื่อนที่ได้ภายในห้องลับนี้เท่านั้น เนื่องจากมันจะไม่มีพลังเมื่อออกจากห้อง ดังนั้นมันจึงทำได้เพียงลงไปนอนเบียดเสียดกันในมุมหนึ่งของห้องลับและผล็อยหลับไปพร้อมกับเสียงกรนอันดัง

เมื่อเห็นผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ กลับกลายเป็นสีขาวราวหิมะอีกครั้ง เมอร์ลินก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ใครจะคิดว่า ‘กระต่าย’ ที่ดูไม่เป็นพิษไม่เป็นภัยเช่นนี้เป็นภูติธาตุที่แสนน่ากลัวไปได้

นอกจากนี้ ผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ ไม่ได้ต่อสู้ย่างสุดกำลัง มันไม่ได้ใช้ความสามารถในการควบคุมธาตุน้ำแข็งก่อนหน้านี้ ความสามารถที่ทรงพลังที่สุดของภูตธาตุก็คือการควบคุมพลังธาตุ

แค่ต่อสู้ในรูปแบบปกติ เมอร์ลินยังสู้มันไม่ได้ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการยากมากที่จะเอาชนะ ‘กระต่าย’ ตัวนี้

ในไม่ช้า เมอร์ลินก็มาถึงรูปปั้นเปลวไฟอีกครั้ง ทันใดนั้น ภูตไฟก็พุ่งออกจากรูปปั้นทันที

ภูตไฟพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ “เจ้าแพ้แล้วหรือ ลิสเตอร์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่อ่อนแอ ข้าเกรงว่ามันจะไม่ง่ายสำหรับเจ้าที่จะฝ่าด่านที่ดูแลโดยลิสเตอร์”

เมอร์ลินพยักหน้าและกล่าวว่า “มันแข็งแกร่งมาก ฉันสามารถรับมือหุ่นเชิดผู้พิทักษ์และค่อย ๆ จัดการมันได้แต่สำหรับลิสเตอร์ ฉันไม่มีโอกาสที่จะทำอย่างนั้นเลย สมกับเป็นภูตธาตุที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังจริง ๆ”

เมอร์ลินรู้ว่ามันยากมากที่จะสู้กับ ‘กระต่าย’ โดยอาศัยเพียงแค่ดัชนีเยือกแข็ง เขาจำเป็นต้องมีวิธีการบางอย่างในการจำกัดความเร็วของ "กระต่าย" ตัวนั้น

“ถึงครั้งนี้เจ้าจะแพ้แต่ครั้งหน้าเจ้าอาจจะทำสำเร็จ ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าไม่ใช่แม้แต่นักเวทย์ระดับหนึ่ง เจ้าเหลือเพียงคาถาบทสุดท้ายเท่านั้น ถ้าเจ้าทำสำเร็จเจ้าก็จะกลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง ไว้ถึงตอนนั้นก่อน เจ้าค่อยท้าทายลิสเตอร์อีกครั้ง!” ดูเหมือนว่าภูตไฟจะสามารถเห็นสถานะที่แท้จริงของเมอร์ลินได้ในพริบตาเดียว

"เข้าใจแล้ว ภูติไฟช่วยเตรียมห้องเงียบที่ไม่มีเสียงสะท้อนให้ฉันที ไว้เมื่อฉันสร้างเขตแดนแสงดำได้เมื่อไหร่ ฉันจะไปท้าทายลิสเตอร์อีกครั้ง!"

เมื่อพูดจบ เมอร์ลินก็เดินตามภูตไฟเข้าไปในห้องที่ไม่มีเสียงสะท้อนซึ่งจัดเตรียมโดยภูตไฟ

ภายในห้อง เมอร์ลินได้ทบทวนการต่อสู้ของกับกับผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ ก่อนหน้านี้อย่างรอบคอบ เห็นได้ชัดว่า มันมีความเร็วที่สูงมากจนดัชนีเยือกแข็งไม่สามารถไล่ตามมันได้ ต่อให้มีพลังมหาศาลเพียงใด มันก็คงไม่มีประโยชน์หากโจมตีไม่โดน

นอกจากนี้พลังของหมอกรัตติกาลยังอ่อนแอเกินไป แม้ว่าจะผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ มีสติปัญญาและเทียบเท่ากับคนธรรมดาที่จึงสามารถตกลงไปในภาพลวงตาได้ ในเมื่อหมอกรัตติกาลไม่มีประโยชน์อะไรกับมัน บางทีเขตแดนแสงดำอาจจะทำให้มันตกอยู่ภาพลวงตาก็เป็นได้

ถ้าเขาทำสำเร็จจริง ๆ ก็คงไม่มีปัญหาอะไรสำหรับเขาที่จะเอาชนะ ‘กระต่าย’ และบุกเข้าไปในห้องลับ

เพื่อที่จะทำให้แผนการของเขาสำเร็จ เขาจำเป็นต้องมีพลังจิตที่สูงเทียบเท่านักเวทย์ระดับสาม ตอนนี้ พลังจิตของเมอร์ลินเกือบจะถึงจุดสูงสุดของนักเวทย์ระดับสองแล้ว ดังนั้นเขายังต้องเพิ่มพลังจิตจำนวนมาก ก่อนที่เขาจะสร้างคาถาเขตแดนแสงดำได้สำเร็จ

หากเมอร์ลินมัวแต่พึ่งพาแต่เทคนิคการทำสมาธิ เขาต้องใช้เวลาครึ่งปีในการทำให้พลังจิตไปถึงขั้นนั้น

นี่ถือได้ว่าเร็วมากแต่ถึงอย่างนั้น เมอร์ลินยังคงไม่พอใจกับความเร็วดังกล่าว นอกเหนือจากการทำสมาธิขั้นสูงแล้ว เขาจำเป็นต้องเตรียมน้ำยามนตราอสูร

น้ำยามนตราอสูรที่เมอร์ลินมีอยู่นั้นใกล้จะหมดลงแล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มาถึงหอคอยโบราณและได้รับแหวนของนักเวทย์จำนวนมากที่ถูกแมงมุมลายฆ่า เมอร์ลินได้ค้นพบวัสดุยามากมายภายในแหวนเหล่านั้น

ในข้าวของของพวกเขามีส่วนผสมปรุงยาที่จำเป็นสำหรับทำน้ำยามนตราอสูรด้วย ด้วยวัสดุปรุงยาเหล่านี้ เมอร์ลินสามารถเตรียมน้ำยาได้หลายขวดด้วยอัตราความสำเร็จเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์

ดังนั้น ด้วยความช่วยเหลือของเดอะเมทริกซ์ เมอร์ลินจึงเริ่มปรุงยาอย่างเงียบๆ

...

สามเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมอร์ลินเพิ่งตื่นจากการทำสมาธิ พลังจิตของเขาถึงจุดสูงสุดแล้วและสามารถทะลุทะลวงได้ทุกเมื่อ

“นี่เป็นน้ำยามนตราอสูรขวดสุดท้าย หวังว่ามันจะทำให้พลังจิตของฉันทะลวงไปถึงระดับสามได้นะ!”

เมอร์ลินรีบดื่มน้ำยามนตราอสูรในเครื่องแก้วอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาสั้น ๆ พลังจิตในใจของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วที่แทบจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

เนื่องจากได้รับน้ำยามนตราอสูรไปมาก ทำให้ผลของน้ำยานั้นไม่ให้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนครั้งแรก อย่างไรก็ตาม พลังจิตยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

*บูม!*

ทันใดนั้น จิตใจของเมอร์ลินก็ว่างเปล่า หลังจากนั้น ความรู้สึกเยือกเย็นก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของเมอร์ลิน เขารู้สึกว่าพลังจิตของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

“ฉันทำสำเร็จแล้วเหรอ”

ความสุขผุดขึ้นในหัวใจของเมอร์ลิน เขาอยู่ในห้องที่ไร้เสียงของหอคอยโบราณเป็นเวลาสามเดือนและกินน้ำยามนตราอสูรที่เขาเตรียมไว้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พลังจิตของเขาเท่านั้นที่สามารถพิจารณาได้ว่ามีความก้าวหน้าอย่างมาก ไปถึงระดับของนักเวทย์ระดับสาม

ช่วงเวลาที่พลังจิตของเขาทะลุทะลวง เมอร์ลินสามารถสัมผัสได้ถึงพลังจิตของเขาอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น มันสามารถทะลุผ่านกำแพงหนาทึบ ทำให้เขาสามารถ ‘มองเห็น’ อีกด้านหนึ่งได้

นี่คือสิ่งที่พลังจิตของเมอร์ลินไม่สามารถทำได้ก่อนหน้านี้ พลังจิตก่อนหน้าของเมอร์ลินไม่สามารถผ่านกำแพงที่หนากว่าเล็กน้อยได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันสามารถทะลุกำแพงได้อย่างง่ายดาย

แน่นอนว่ามีข้อดีหลายอย่างที่มาพร้อมกับพลังจิตที่เพิ่มขึ้น ข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดคือตอนนี้เขาสามารถสร้างเขตแดนแสงดำได้ ถ้าทำสำเร็จ เขาก็จะกลายเป็นสมาชิกของดินแดนมนต์ดำอย่างเป็นทางการ!

“ฉันใช้เวลาอยู่ที่นี่มาสามเดือนแล้วและใช้เวลามากกว่าสองเดือนในเมืองโฟลตติ้ง นี่ก็เกือบครึ่งปีแล้ว ฉันเกรงว่าฉันจะรีบกลับไปงานแต่งงานของเมซี่ส์และยาเกซไม่ทัน”

เมอร์ลินพึมพำเบาๆ เขายังจำได้เมื่อตอนที่เขาออกจากเมืองปรากาซ เลห์แมนกล่าวถึงงานแต่งงานของเมซี่ส์และยาเกซ แต่ตอนนี้เขาติดอยู่ในหอคอยโบราณ เขาไม่รู้ว่าจะรีบกลับไปที่ปรากาซและเข้าร่วมงานแต่งงานของเมซี่ส์และยาเกซได้ทันเวลารึเปล่า

แม้ว่าเมอร์ลินจะกลายเป็นนักเวทย์และแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังมีสถานที่ที่สำคัญมากในใจของเขาสำหรับครอบครัวของเขา เมอร์ลินจะเสียใจมากที่ไม่ได้ไปร่วมงานแต่งของเมซี่ส์และยาเกซ

ในเวลาเพียงชั่วครู่ เมอร์ลินก็ขจัดความคิดที่ยุ่งเหยิงในใจออกไป เขานั่งลงอย่างช้า ๆ และเริ่มเปิดใช้งานเดอะเมทริกซ์

“เดอะเมทริกซ์ วิเคราะห์โครงสร้างเวทมนต์คาถาเขตแดนแสงดำ!”

บี๊บ โฮสต์เคยมอบคำสั่งวิเคราะห์รูปแบบของเขตแดนแสงดำก่อนหน้านี้ โฮสต์ต้องการวิเคราะห์ใหม่หรือไม่

 

เมอร์ลินค่อนข้างสับสน อย่างไรก็ตาม หลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบอยู่ครู่หนึ่ง เขาจำได้ว่าเขาเคยใช้เดอะเมทริกซ์ทำการวิเคราะห์โครงสร้างเวทมนต์เขตแดนแสงดำมาก่อนหน้านี้ แต่ที่เขาไม่ได้จำลองมันเพราะว่าพลังจิตไม่เพียงพอ

ย้อนกลับไปในตอนนั้น เดอะเมทริกซ์ได้วิเคราะห์ออกมาได้ 111,368รูปแบบ และในจำนวนนั้น เมอร์ลินได้เลือกโครงสร้างคาถาอันหนึ่งมา มันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดไม่ว่าจะในแง่ของความเสถียร พลัง หรือความเข้ากันได้กับหมอกรัตติกาล

ตัดภพมาที่ตอนนี้ เมอร์ลินมีพลังจิตที่เพียงพอแล้ว เขามั่นใจมากว่าจะสร้างคาถาเขตแดนแสงดำสำเร็จและกลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม โครงสร้างของมันซับซ้อนมากอาจใช้เวลานานมากเช่นกัน

โชคดีที่เมอร์ลินเตรียมการไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวที่จะต้องสร้างคาถาที่ซับซ้อนเช่นนี้

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว เขาจึงเริ่มต้นการจำลองคาถา พลังจิตจำนวนมหาศาลเริ่มเคลื่อนไหวและสลักคาถาเขตแดนแสงดำลงในจิตใต้สำนึกของเขาทันที

วันเวลาได้ผ่านพ้นไปทีละวัน เมอร์ลินยังคงนั่งนิ่งอยู่ในห้องไร้เสียงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

*พรึ่บ!*

ทันใดนั้นเอง ร่างกายของเมอร์ลินก็สั่นสะท้าน ธาตุมืดจำนวนมหาศาลรอบ ๆ ตัวเขา เริ่มหลอมรวมเข้าหาร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง

ร่างกายของเมอร์ลินเป็นเหมือนหลุมดำที่กลืนกินธาตุมืดอย่างบ้าคลั่งที่อยู่รอบตัวเขา

หลังจากที่ใครรู้ว่านานแค่ไหน เมอร์ลินก็ลืมตาขึ้นในที่สุด รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมริมฝีปากของเขา

"ในที่สุดฉันก็ทำสำเร็จ!"

ในที่สุดเขตแดนแสงดำก็สร้างสำเร็จแล้ว วันนี้ เมอร์ลินได้กลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งอย่างเป็นทางการแถมยังเป็นนักเวทย์หกธาตุด้วย  มันเป็นเรื่องยากมากที่จะหานักเวทย์ได้อย่างเขาแม้ในองค์กรนักเวทย์ขนาดใหญ่ก็แทบจะไม่มีเช่นกัน

การเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งนั้นจะถือว่าเป็นนักเวทย์ที่แท้จริง เท่ากับว่าตอนนี้เมอร์ลินได้ก้าวเข้าสู้เส้นทางของนักเวทย์อย่างเต็มแล้วแล้ว!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด