Sign in Buddha's palm 241 (II) ซูฉินและมังกรปีศาจ
Sign in Buddha's palm 241 (II) ซูฉินและมังกรปีศาจ
ด้วยพลังอันไม่ธรรมดาของเผ่าพันธุ์มังกร ก็พอจะเทียบกับนภาชั้นที่เก้าได้แล้ว
“กร๊าส!!!”
เมื่อซูฉินกำลังคิดสิ่งนั้นอยู่
เสียงคำรามของมังกรก็พลันดังก้องสะท้อนผืนฟ้าสะท้านผืนดิน
ในทันทีหลังจากนั้น
มังกรปีศาจตัวใหญ่ก็พุ่งตรงออกมาจากวิหารการสงคราม ร่างกายที่ยาวกว่าหลายร้อยเมตรนั้นได้แสดงอานุภาพศักดิ์ศรีแห่งมังกรได้อย่างน่าตื่นตะลึง
และในที่สุด
ดวงตาสีฟ้าขนาดใหญ่ของมังกรปีศาจก็จ้องลงมาที่ซูฉิน
หนึ่งคนหนึ่งมังกรเริ่มจ้องมองกัน
จากสายตาของยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดคนอื่นๆ ในที่แห่งนี้ มังกรปีศาจนั้นใหญ่โตมโหฬาร เมื่อเทียบกับขนาดของมังกรปีศาจแล้ว ซูฉินไม่ต่างไปจากมด
มังกรปีศาจนั้นเรียกได้ว่ามองต่ำลงไปยังซูฉิน
แต่ความเป็นจริงนั้นทั้งคู่ต่างจดจ้องกันด้วยความเท่าเทียม
ยิ่งกว่านั้น เมื่อเวลาผ่านไป ดวงตาของซูฉินยังคงสงบนิ่งลุ่มลึกราวกับหลุมลึกไร้ก้นบึ้ง มังกรปีศาจมีแต่จะกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ
มังกรปีศาจตระหนักได้รางๆ ว่ามนุษย์ที่เขามองว่าเป็นอาหารนั้น มีกลิ่นอายที่ชวนอึดอัดเล็กน้อยไหลออกมาจากร่าง!
ในความทรงจำอันเนิ่นนานของมังกรปีศาจ เจ้าของวิหารการสงครามก็ให้ความรู้สึกเดียวกันนี้กับมัน
ในตอนนั้น
ตอนที่ที่มังกรปีศาจยังคงเป็นอิสระ อย่างไรก็ตาม เจ้าของวิหารการสงครามได้บังคับให้มันเป็นทาสและสร้างกฎเกณฑ์ต่างๆ ในร่างของมัน และปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยต้องปกป้องวิหารการสงครามไปชั่วชีวิต
ตั้งแต่นั้นมา มังกรปีศาจก็ไม่มีอิสระเหลืออยู่อีกต่อไป
กลับถูกกักขังไว้ภายในวิหารการสงครามยาวนานหลายต่อหลายปี
ภาพในอดีตผ่านเข้ามาในจิตใจของมังกรปีศาจ
มังกรปีศาจยิ่งกังวลมากขึ้น อานุภาพมังกรที่ปล่อยออกมาจากร่างก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
“คิดจะลงมืองั้นหรือ?”
ซูฉินมองดูมังกรปีศาจอยู่เงียบๆ มีแววถากถางวาบผ่านดวงตาของเขา
แท้จริงแล้ว
ซูฉินนั้นได้ประเมินมังกรปีศาจตนนี้สูงเกินไป
อันที่จริง มังกรปีศาจตนนี้มีสติปัญญาต่ำมาก และเลือดสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในร่างก็เจือจางจนแทบมองไม่เห็น มันเหมือนกับไม่ใช่มังกร จะดีกว่าถ้าจะเรียกมันว่าเผ่าพันธุ์อสรพิษ
“กร๊าซ!!!”
ในที่สุดมังกรปีศาจก็ทนไม่ไหว มันรู้สึกถึงภัยคุกคามจากซูฉิน และมันก็ไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ได้อีกต่อไป
ซูม!!!
บนยอดเขาคุนหลุน ความร้อนอันน่าสยดสยองได้แพร่กระจายออกมาอย่างดุเดือด ภายในปากมังกรเห็นเป็นกลุ่มเปลวไฟมืดทมิฬที่ลุกโชนพลิ้วไหวอยู่
ในขณะที่เปลวไฟที่มืดมิดและลึกล้ำนี้ปรากฏขึ้น
พลังฟ้าดินก็เริ่มปั่นป่วนหลอมละลาย ท่ามกลางเปลวไฟอันมืดทะมึนนี้ แม้แต่พลังฟ้าดินก็ถูกเผาจนกลายเป็นอากาศธาตุ
“มังกรปีศาจมันกำลังจะทำอะไร?”
“ทำไมเปลวไฟสีดำนั้นถึงให้ความรู้สึกน่ากลัวเช่นนี้?”
“มิผิด กำลังภายในของข้าเริ่มถูกเผาทำลายไปแล้ว ไม่ดีๆ รีบหนี!”
ยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดที่อยู่ในพื้นที่แห่งนี้ต่างตกใจตื่นตะลึง
ในสายตาของพวกเขา เปลวไฟในปากของมังกรปีศาจสามารถเผาผลาญได้ทุกสิ่งอย่าง ราวกับว่ามันมาจากขุมนรก
“ผู้ทรงสมณศักดิ์ ผู้ทรงสมณศักดิ์กำลังเจอปัญหาแล้ว!”
หญิงชราที่ถือไม้เท้าสงบใจลง แล้วจ้องไปทางซูฉิน
ภายใต้เปลวไฟมืดมิดและลึกล้ำนี้ ทุกสิ่งบนโลกราวกับเป็นเชื้อเพลิงให้มันเผาผลาญ ช่างน่าหวาดกลัวยิ่ง แม้หญิงชราจะมีความมั่นใจในตัวซูฉิน นางก็ไม่คิดว่าเขาจะหยุดเปลวไฟอันน่ากลัวนี้ได้
“ผู้ทรงสมณศักดิ์......”
เฉียนขู่ตัวสั่นไปทั้งตัว เขาเหลือบมองซูฉินสลับกับเปลวไฟที่ทั้งมืดทะมึนและลึกล้ำ เขารู้สึกว่ากำลังภายในของเขาเริ่มจะเผาไหม้ ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ก็สูญเสียกำลังภายในส่วนใหญ่ไปแล้ว
“ลุงสาม......”
หลีหว่านก็หวาดกลัวเช่นกัน มองไปยังซูฉินผู้ซึ่งไร้เทียมทานในใจนาง
“กร๊าซ!!!”
ช่วงเวลาต่อมา
มังกรปีศาจก็รวบรวมพลังสำเร็จ เปลวไฟมืดทะมึนลึกล้ำภายในปากก็พวยพุ่งออกมา เข้าปกคลุมร่างซูฉิน
“จบแล้ว”
เมื่อยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดหลายสิบคนได้เห็นฉากดังกล่าว ใจของพวกเขาก็ตกไปอยู่ตาตุ่ม
หลังจากที่มังกรปีศาจสังหารซูฉินได้ เป้าหมายต่อไปย่อมต้องเป็นพวกเขา ด้วยความแข็งแกร่งที่มังกรปีศาจแสดงออกมานี้ ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธคนใดในที่แห่งนี้ จะมีใครกันที่มั่นใจว่าตนเองจะรอดไปได้?
“นี่เจ้ามาเล่นจะไฟต่อหน้าข้าหรือ?”
ในเวลานี้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน มองตรงไปยังเปลวไฟอันมืดมิดและลึกล้ำที่กำลังเข้ามาปกคลุมตัวเขาอย่างรวดเร็ว ภายในม่านตาของเขามีภาพดวงตะวันจางๆ แขวนเด่น ดั่งรูปวาดที่พรรณนาถึงโลกของอีกาทองคำ
หวึ่ง!!!
ท่ามกลางสายตาที่ตื่นตะลึงของทุกคน
เปลวไฟมืดมิดลึกล้ำที่ดูเหมือนจะเผาไหม้ได้ทุกอย่าง ก็แผ่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วโอบเข้ารอบตัวซูฉิน และในระยะสิบจ้าง เปลวไฟเหล่านั้นพลันลดความรุนแรงลง กลายเป็นอ่อนน้อมเชื่อฟัง ลุกไหม้เอื่อยๆ อยู่ด้านข้างของซูฉิน
ท่ามกลางเปลวเพลิงสีดำที่ล้อมรอบ ดวงตาของซูฉินสงบนิ่งราวกับเป็นเทพเจ้าแห่งเพลิงที่ปกครองเปลวไฟนับหมื่นชนิดบนโลกหล้า
…
…