ตอนที่แล้วผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 8
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 10

ผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 9


ผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 9

.........................

เซี่ยเยี่ยนถอนหายใจหลังลงจากรถบัส กลุ่มควันสีดำเหล่านั้นก็คือธาตุอันเดดที่เขาเก็บมาเมื่อคืน เขาได้แอบใช้มันจัดการกับโจรทั้งสอง

ถึงแม้ตำรวจจะมาถึงรถบบัสและเห็นสภาพที่เกิดขึ้นแล้วก็ตาม พวกเขาก็จะพบว่ามีเพียงชายอ้วนคนนั้นที่ลงมือทำร้ายคนอื่น เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเซี่ยเยี่ยน

หลังจากโบกรถบัสอีกคัน ยี่สิบนาทีต่อมา เซี่ยเยี่ยนก็มาถึงตลาดค้าของเก่าที่สะพานซ่งเซียน

ตลาดค้าของเก่าที่สะพานซ่งเซียนอยู่ติดกับคลองฮวนหัว ตลาดแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่อะไรนัก อีกทั้งนักท่องเที่ยวก็ยังน้อยมากในเวลานี้เพราะเป็นเวลาที่ร้อนที่สุดของวัน พ่อค้าแม่ค้าหลายคนต่างอยู่ว่าง พวกเขาดูไม่ได้รับผลกระทบจากอากาศร้อนนี้มากนัก

เซี่ยเยี่ยนไม่ได้มีความเข้าใจในวัตถุโบราณแต่อย่างใด เขาเพียงแค่ร่ำเรียนวิชาแกะสลักมาจากอาจารย์ก็เท่านั้น เซี่ยเยี่ยนเดินทอดน่องไปตามทาง ในที่สุดเขาก็มองเห็นร้านขายของโบราณที่อาจารย์พูดถึง แม้มันจะดูไม่เหมือนร้านค้าเพราะประตูถูกล็อคอยู่ก็ตาม

เซี่ยเยี่ยนไม่ได้คิดอะไรมาก หลังจากทำความเข้าใจกับราคาของในตลาดแล้ว เขาก็นั่งลงข้างแผงขายเหรียญโบราณที่มีร่มเงาสามารถบังแดดได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เขานำหินสำหรับแกะสลักและมีดแกะสลักออกมาจากถุงผ้า เขาคิดอยุ่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มลงมือแกะสลัก

"นี่พ่อหนุ่ม เธอกำลังแกะสลักเหรอ?" ลุงคนขายเหรียญโบราณถามออกมาเพราะไม่มีอะไรทำ

"ครับ" เซี่ยเยี่ยนตอบ

"การแกะสลักน่ะทำเงินไม่ได้มากอะไรหรอกนะ เธอไม่รู้สึกว่ามันเสียเวลาบ้างเหรอที่ต้องมาทำอะไรแบบนั้นใต้แสงแดดร้อนๆนี่" ลุงผมทรงไม้กวาดเอ่ยถาม

"ก็สะสมทีละเล็กทีละน้อยครับ" เซี่ยเยี่ยนเงยหน้าขึ้นมายิ้มก่อนจะถามว่า "คุณลุงชื่ออะไรครับ?"

"ฉันแซ่หู เรียกฉันพี่หูก็ได้"

"ผมแซ่เซี่ย เรียกผมเสี่ยวเซี่ยก็ได้ พี่หู ผมเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก ที่นี่เขามีคนคอยเก็บค่าที่มั้ย?" เซี่ยเยี่ยนถาม

"มีสิ แต่นายเต็มใจจ่ายเหรอ?" พี่หูถามกลับ

"แน่นอนว่าไม่สิพี่ แย่สุดผมก็แค่ย้ายไปขายที่อื่น" เซี่ยเยี่ยนหัวเราะ

"ถูกเผง!" พี่หูหัวเราะตาม

หลังจากพูดคุยกันสักพัก เซี่ยเยี่ยนก็กลับไปโฟกัสกับการแกะสลัก พี่หูโบกพัดในมือไปพลางมองดูไปพลาง ใบหน้าของเขาเริ่มปรากฏความประหลาดใจ

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็อดใจไม่ไหวและถามออกไป "เสี่ยวเซี่ย นายคงไม่ได้กำลังแกะสลักตราประทับอยู่หรอกนะ?"

"เปล่าครับ" เซี่ยเยี่ยนตอบขณะก้มหน้าแกะสลัก

"ว่าแล้ว ตราประทับน่ะมีตัวอักษรสลักไว้แค่ด้านล่าง ด้านอื่นก็ปล่อยไว้เรียบๆ แต่นี่นายเล่นตัดไปทุกด้านเลย แล้วนายก็ยังแกะสลักหัวกะโหลกไว้อีก นี่นายจะแกะสลักอะไรกันแน่?" พี่หูถามอย่างสงสัย

"นี่เป็นหินเรเควี่ยมครับ"

"มันใช้ทำอะไร?"

"ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ทำให้จิตใจสงบ ทำให้วิญญาณสงบ"

"ได้ผลจริงดิ?"

"ถ้าผมบอกว่าได้ผลล่ะ พี่เชื่อมั้ย?" เซี่ยเยี่ยนเงยหน้าขึ้นและถามกลับด้วยรอยยิ้ม

"เหอๆ จริงใจดี" พี่หูยิ้ม แน่นอนว่าเขาย่อมไม่เชื่อ แต่เซี่ยเยี่ยนไม่ได้ติดใจอะไรและก้มหน้าก้มตาแกะสลัก พี่หูหยุดพูดและมองดูอย่างตั้งใจ

การเคลื่อนไหวมือของเซี่ยเยี่ยนทั้งว่องไวและมีประสิทธิภาพ เขาไม่ได้เปลี่ยนมีดด้วยซ้ำ ใช้เพียงมีดแกะสลัก สลักลวดลายต่างๆอย่างสวยงามไร้ที่ติ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เซี่ยเยี่ยนก็แกะสลักจนเสร็จและผยักหน้าอย่างพึงพอใจในผลงาน ที่เขาแกะสลักขึ้นมานั้นก็คือ วงเวทเรเควี่ยม

นี่เป็นวงเวทแบบง่ายๆไม่ใช่ทั้งวงเวทสำหรับโจมตีหรือป้องกัน มันก็แค่ของที่มีไว้ป้องกันธาตุอันเดดไม่ให้รบกวนเนโครแมนเซอร์ตอนที่กำลังทำการทดลอง

พูดง่ายๆก็คือ นี่เป็นวงเวทที่มีไว้กระจายธาตุอันเดดในอากาศภายในขอบเขตที่กำหนด

เนื่องด้วยขนาดของหินที่ใช้แกะสลักนั้นมีขนาดเล็ก ดังนั้นผลของมันจึงค่อนข้างอ่อนแอ มันเพียงสามารถกระจายธาตุอันเดดที่อยู่ภายในรัศมีหนึ่งเมตรได้เท่านั้น เพียงเหมาะสำหรับใช้เป็นเครื่องราง

หากว่าเมื่อคืนอันเสี่ยวหรูมีของสิ่งนี้อยู่ เธอก็คงจะไม่ถูกสิงร่าง และแน่นอนว่าพิธีผีถ้วยแก้วย่อมไม่อาจเรียกวิญญาณมา

เซี่ยเยี่ยนเจาะรูสำหรับร้อยเชือกก่อนจะถามออกไป "พี่หู พี่มีเชือกสีแดงมั้ย? ผมขอซื้อสักสองเส้นสิ"

"ได้ดิ" ผู้คนมักสวมเหรียญโบราณไว้เป็นเครื่องรางนำโชคกันอยู่แล้ว ร้านเขาย่อมไม่ขาดแคลนเส้นเชือก พี่หูหยิบเชือกออกมากำหนึ่งและยื่นให้เซี่ยเยี่ยน

"นี่เงินครับพี่" เซี่ยเยี่ยนหยิบเงินออกมาห้าหยวน

"ไม่ต้องหรอก ถือซะว่าเป็นของขวัญก็แล้วกัน" พี่หูโบกไม้โบกมือ

"ขอบคุณครับพี่หู!" เซี่ยเยี่ยนไม่รอช้า รีบชักเงินกลับทันควัน

เขาค่อยๆร้อยเชือกเข้ากับหินเรเควี่ยมและมัดเป็นปม จากนั้นจึงวางมันลงไปบนถุงผ้าที่แบะกางไว้กับพื้น

พี่หูส่ายหน้า เขาไม่คิดว่าเซี่ยเยี่ยนจะขายของแบบนี้จริงๆ

เซี่ยเยี่ยนไปที่ร้านสะดวกซื้อและซื้อน้ำมาสองขวด เขายื่นขวดหนึ่งให้พี่หูก่อนจะดื่มน้ำจากขวดที่ถืออยู่ไปครึ่งหนึ่ง เขาปาดเช็ดมุมปากและหยิบหินออกมาอีกก้อนและเริ่มแกะสลักอีกครั้ง

หินก้อนที่สองถูกเขาแกะสลักเสร็จอย่างรวดเร็ว มันยังคงเป็นหินเรเควี่ยมเช่นเดิม เขาวางหินก้อนที่สองลงบนถุงผ้า เซี่ยเยี่ยนดื่มน้ำอีกครึ่งขวดที่เหลือก่อนจะลุกขึ้นยืดเส้น เขาดึงคอเสื้อขึ้นเช็ดเหงื่อ การกระทำนี้ทำให้จี้รูปหัวกะโหลกออกมาอยู่ข้างนอกโดยไม่ตั้งใจ

เมื่อได้เห็นจี้รูปหัวกะโหลก พี่หูก็ตาเป็นประกาย ขณะที่เห็นว่าเซี่ยเยี่ยนกำลังจะเก็บจี้กลับเข้าเสื้อ เขาก็รีบขัดขึ้น "เดี่ยวก่อน เสี่ยวเซี่ย!"

"ครับ?" เซี่ยเยี่ยนชะงัก

"เสี่ยวเซี่ย จี้ของนางแกะสลักมาจากไม้มะเกลือ?" หลังจากยื่นหน้ามาดูใกล้ๆพี่หูก็ถามขึ้น

"ครับ" เซี่ยเยี่ยนพยักหน้า ไม้มะเกลือขนาดเท่าไข่นกกระทานี้อย่างมากก็ราคาสองสามร้อย ดังนั้นจึงไม่ได้กังวลว่ามันจะสร้างปัญหาอะไร

"งานแกะสลักชิ้นนี้ยอดเยี่ยมมาก แม้แต่มือสมัครเล่นอย่างฉันก็ยังบอกได้" พี่หูมองอย่างละเอียดก่อนจะเอ่ยปากชม

"เหอๆ ก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับ" เซี่ยเยี่ยนยิ้ม

"ขอดูหน่อยได้มั้ย?" พี่หูถาม

"โทษทีพี่หู นี่เป็นสร้อยที่ผมถอดไม่ได้จริงๆ" เซี่ยเยี่ยนเอ่ยขอโทษขอโพย

"ไม่เป็นไรๆ ฉันแค่อยากดูให้หายสงสัยเฉยๆ!" พี่หูรีบบอก

เซี่ยเยี่ยนเก็บจี้กลับเข้าเสื้อ ในตอนนั้นเอง คนสองคนก็มาหยุดยืนที่เบื้องหน้าของเขา หญิงสาวที่สวมแว่นตากันแดดและหมวกชี้มายังสร้อยหินเรเควี่ยมและถามขึ้นว่า "นี่คืออะไรเหรอคะ?"

"หืม?"