ตอนที่แล้วตอนที่ 10
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12

ตอนที่ 11


ตอนที่ 11

ณ คฤหาสน์ของจอมพลเรย์มอนด์ภายในดาวศูนย์กลาง

“นายท่าน! คุณหญิง!”

พ่อบ้านของคฤหาสน์กำลังส่งเสียงตะโกนขึ้นมาด้วยความกระวนกระวายและมันก็ทำให้ดอริสผู้ซึ่งเป็นแม่ของเรย์มอนด์ที่กำลังป้อนน้ำชาให้กับสามีกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าอันคาดหวังว่า

“คุณเจอไซริลไหม”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นพ่อบ้านชราก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะกระซิบตอบกลับไปว่า

“คนที่พวกเราได้ส่งไปให้ข่าวมาว่าคุณไซริลไม่ยอมเดินทางมายังดาวศูนย์กลาง”

“คุณหมายความว่ายังไงอย่างนั้นหรอ?” ดอริสกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“คุณไซริลบอกว่าพวกเราคงจะไม่ชอบเธอ เพราะเธอเป็นคนที่มีฐานะต่ำต้อยและมันก็ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนว่าเธอมีตัวตน ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้จอมพลเรย์มอนด์ก็ไม่อยู่แล้วเธอจึงไม่ต้องการที่จะเดินทางมายังคฤหาสน์ แต่ต้องการที่จะคลอดลูกออกมาและเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียว”

“ไร้สาระ! พวกเราไม่เคยสนใจต้นกำเนิดของเธอเลยแม้แต่น้อย ถ้าไม่ใช่เพราะวิดีโอที่เธอโพสต์บนอินเตอร์เน็ตที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเรย์มอนด์ พวกเราก็คงจะไม่รู้ว่าเธอมีตัวตนอยู่จริง ๆ” ดอริสกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ปนไปด้วยความโกรธอยู่เล็กน้อย

“ไซริลได้บอกอะไรมาอีกไหม” เรนน์กล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ไม่มีแล้วขอรับ เธอแค่ยืนกรานว่าเธอจะไม่เดินทางตามคนของเรามายังดาวศูนย์กลางและตั้งใจจะอยู่ภายในดาวบลูเมอร์คิวรี่ต่อไป พร้อมกับขอให้คนของเราอย่าบังคับเธออีกเลย” พ่อบ้านกล่าวรายงาน

“บังคับอย่างนั้นหรอ?” เมื่อได้ยินเช่นนั้นมันก็ยิ่งทำให้ดอริสรู้สึกโกรธมากขึ้นกว่าเดิม

“เดิมทีฉันต้องการให้เธอเข้ามาวางไข่ภายในคฤหาสน์ของพวกเราเธอจะได้อยู่อย่างสมฐานะ นอกจากนี้พวกเรายังเสนอค่าสินสอดทองหมั้นเพื่อให้เกียรติแก่เธอไปแล้วแต่เธอกลับพูดเหมือนกับว่าพวกเราจะไปขโมยลูกของเธออย่างนั้นแหละ”

ในขณะเดียวกันมันก็ได้มีหุ่นยนต์ตัวหนึ่งค่อย ๆ เคลื่อนที่เข้ามาพร้อมกับหน้าจอสามมิติที่อยู่เหนือหัวของมันได้แสดงภาพบริเวณหน้าประตูของคฤหาสน์จอมพลที่ในเวลานี้กำลังมีออร์คยืนอยู่ทั้งหมด 3 คน

หนึ่งในออร์คทั้งสามคนนี้ค่อนข้างจะมีอายุมากแล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นสีผมหรือหนวดเคราของเขาจึงได้กลายเป็นสีขาวโพลน ส่วนออร์คคนที่ 2 เป็นออร์ควัยกลางคนและออร์คคนสุดท้ายเป็นออร์คหนุ่ม

แน่นอนว่าออร์คเหล่านี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลยนอกเสียจากอดีตเจ้าของคฤหาสน์ลุงและลูกพี่ลูกน้องของเรย์มอนด์นั่นเอง

“พวกเขามาที่นี่ทำไมกัน?” ดอริสกล่าวขึ้นมาด้วยความสับสน

ชายชราที่ยืนอยู่หน้าประตูมีอายุมากกว่า 200 ปีแล้ว ซึ่งโดยปกติเขาจะอาศัยอยู่บนดาวหลู่หยิงซึ่งเป็นดาวสำหรับผู้สูงอายุ

ดาวเคราะห์หลู่หยิงเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างไกลแต่มีพื้นที่ปลูกพืชสูงถึง 30% มันจึงทำให้ดาวเคราะห์แห่งนั้นมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการดูแลผู้สูงอายุเป็นจำนวนมาก และมันก็ทำให้ออร์คเป็นจำนวนมากเลือกที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายภายในดวงดาวแห่งนั้น

แต่ถึงแม้ว่าสภาพแวดล้อมภายในดาวหลู่หยิงจะดีมากแต่มันก็ยังเป็นสถานที่ที่อยู่ห่างไกลจากดาวศูนย์กลางพอสมควร ซึ่งการเดินทางด้วยยานอวกาศระหว่างดาวทั้งสองดวงนี้ก็จำเป็นที่จะต้องใช้เวลานานกว่า 1 วัน

“ผู้อาวุโสคงจะรู้เรื่องเรย์มอนด์แล้ว เขาถึงได้เดินทางมาที่นี่” ดอริสกล่าวอย่างคาดเดา

“แต่ฉันคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องดีนะ” เรนน์คิดต่างออกไป

ในตอนที่เรนน์ยังเป็นเด็กเขาเป็นออร์คเด็กที่มีความสามารถเป็นอย่างมากและมักจะติดอยู่อันดับ 1 ใน 10 ของออร์คภายในอาณาจักรเสมอ มันจึงทำให้แม้แต่คนภายในครอบครัวของเขาก็ยังมีความสามารถเทียบชั้นกับเขาไม่ได้และมันก็ทำให้เขาได้ครองคฤหาสน์ของจอมพล

อย่างไรก็ตามเมื่อ 20 ปีที่แล้วเขาก็ได้ตกอยู่ในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และสูญเสียพลังของเขาไป ซึ่งในตอนนั้นผู้อาวุโสก็ต้องการที่จะให้พี่ชายของเขาได้กลายเป็นเจ้าของคฤหาสน์คนต่อไป

ในช่วงเวลานั้นพี่ชายของเขาได้มีพลังอยู่ในระดับที่ 7 และเรย์มอนด์ก็มีพลังอยู่ในระดับที่ 7 เช่นเดียวกัน เรนน์จึงเชื่อว่าเรย์มอนด์มีความสามารถที่น่าทึ่งและมีอนาคตอันไร้ขีดจำกัดที่รอคอยลูกชายของเขาอยู่

ขณะเดียวกันผู้อาวุโสก็เชื่อว่าเรย์มอนด์ยังคงเด็กจนเกินไปและมีประสบการณ์ไม่เพียงพอ ดังนั้นเขาจึงยืนกรานที่จะให้ลุงของเรย์มอนด์เป็นเจ้าของคฤหาสน์คนต่อไป

หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็อยู่ในสภาวะที่ตึงเครียดกันเป็นอย่างมากและท้ายที่สุดเรย์มอนด์ก็ทะเลาะกับลุงของตัวเอง

ช่วงเวลานั้นพี่ชายของเขามีอายุมากกว่า 100 ปีแล้วและถึงแม้ว่าลุงของเรย์มอนด์จะมีพลังระดับ 7 มานานกว่า 30 ปีแต่เขาก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมานานหลายปี ส่วนทางด้านของเรย์มอนด์เป็นคนที่คอยพัฒนาความสามารถและทักษะการต่อสู้อยู่ตลอดเวลา

ด้วยเหตุนี้เองถึงแม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะเป็นออร์คระดับ 7 เหมือนกัน แต่เรย์มอนด์ก็สามารถเอาชนะลุงของเขาไปได้

ในตอนนั้นลุงของเรย์มอนด์ที่พ่ายแพ้กลับไปไม่ได้ยอมรับความพ่ายแพ้ซะทีเดียว เพราะเขาได้บอกว่าเรย์มอนด์ใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อเอาชนะเขา มันจึงทำให้ตอนนั้นเรย์มอนด์ที่ยังเป็นวัยรุ่นรู้สึกโกรธมากและท้าทายอีกฝ่ายให้ทำการต่อสู้กันอีกครั้ง

แต่ท้ายที่สุดลุงของเรย์มอนด์ก็ไม่อยากที่จะถูกทำร้ายร่างกายอีกแล้ว เขาจึงยอมถอยตามผู้อาวุโสกลับไปด้วยความโกรธแค้น

ช่วงเวลาต่อมาพวกเขาก็ได้ออกมาร้องเรียนอีก 2-3 ครั้งและพยายามกระจายข่าวลือเพื่อใส่ร้ายเรย์มอนด์

แต่อย่างไรก็ตามความสามารถในการพัฒนาของเรย์มอนด์นั่นก็รวดเร็วเป็นอย่างมาก มันจึงทำให้เขาสามารถก้าวเท้าขึ้นไปกลายเป็นออร์คระดับ 8 ได้ในเวลาเพียงแค่ 10 ปีเท่านั้น

แม้ว่าความแตกต่างระหว่างออร์คระดับ 7 กับออร์คระดับ 8 จะแตกต่างกันเพียงแค่ระดับเดียว แต่แรงกดดันจากความต่างชั้นของระดับนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ออร์คที่อยู่ในระดับต่ำกว่าแทบที่จะขยับตัวต่อหน้าออร์คที่มีระดับสูงกว่าไม่ได้

ขณะเดียวกันแม้ว่าเรย์มอนด์จะได้พัฒนาขึ้นไปอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ลุงของเรย์มอนด์ก็ยังคงมีพลังอยู่ในระดับ 7 ขั้นต้นอยู่เหมือนเดิม มันจึงไม่มีใครเชื่อข่าวลือที่พยายามใส่ร้ายเรย์มอนด์อีกต่อไปและทำให้ลุงของเรย์มอนด์พร้อมกับคนที่สนับสนุนเขาหายไปนานนับ 10 ปี

แต่หลังจากที่มันได้มีการประกาศการเสียชีวิตของเรย์มอนด์อย่างเป็นทางการไปเพียงแค่ 1 วัน ลุงของเรย์มอนด์และผู้อาวุโสกลับได้มายืนอยู่ตรงหน้าประตูของคฤหาสน์แห่งนี้อีกครั้ง

“หรือว่ามันจะเป็นเรื่องเจ้าของคฤหาสน์คนใหม่” ดอริสกล่าวขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าอันบิดเบี้ยว

“ไม่น่าจะใช่เรื่องนั้นนะ” เรนน์กล่าวเพราะถ้าหากมันเป็นเรื่องการคัดเลือกเจ้าของคฤหาสน์คนใหม่จริง ๆ มันก็ไม่ควรที่จะมีผู้มาเยียนคฤหาสน์แห่งนี้เพียงแค่ 3 คน

การเลือกเจ้าของคฤหาสน์คนใหม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ภายในครอบครัว ดังนั้นการคัดเลือกแต่ละครั้งจะเป็นการประชุมของคนทั้งครอบครัวเพื่อให้สมาชิกภายในครอบครัวได้เป็นพยานร่วมกัน

“ไปเอารถเข็นมาให้ฉันที” เรนน์กล่าวขึ้นมาพร้อมกับกัดฟัน

“ได้ขอรับ” พ่อบ้านชราตอบกลับก่อนที่จะรีบไปนำรถเข็นของเรนน์มา

หลังจากนั้นเรนน์ก็ได้กลายร่างเป็นงูเหลือมเลื้อยขึ้นไปบนรถเข็นก่อนที่เขาจะได้กลับร่างกลายเป็นมนุษย์อีกครั้ง

ในร่างของสัตว์เรนน์ยังคงสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระแต่ในระหว่างที่เขาแปลงร่างเขาไม่สามารถที่จะพูดออกมาได้ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องออกไปเผชิญหน้ากับผู้มาเยือนทั้งสามคนโดยการนั่งรถเข็นภายในร่างของมนุษย์เท่านั้น

ขณะเดียวกันลุงและลูกพี่ลูกน้องของเรย์มอนด์ก็กำลังประคองผู้อาวุโสเดินเข้ามาภายในห้องโถงของคฤหาสน์โดยมีหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่นำทางพวกเขาเข้ามา

จากนั้นผู้อาวุโสก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้หลักของห้องรับแขก โดยมีลุงและลูกพี่ลูกน้องของเรย์มอนด์นั่งประกบทั้งทางซ้ายและทางขวา

หลังจากได้เสิร์ฟชาร้อนเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วหุ่นยนต์ที่นำทางเข้ามาก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปยังมุมหนึ่งของห้องและเตรียมพร้อมรอรับใช้ทุกคนภายในคฤหาสน์แห่งนี้ตลอดเวลา

ในขณะเดียวกันพ่อบ้านชราก็เข็นรถเข็นพาเรนน์เข้ามาภายในห้องโดยมีดอริสเดินตามมาไม่ห่างมากนัก

“ไม่ทราบว่าท่านผู้อาวุโสเดินทางมาไกลขนาดนี้มีธุระอะไรกับพวกเราหรือเปล่า” เรนน์ที่นั่งอยู่บนรถเข็นกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าอันเรียบเฉย

ในตอนที่พวกลุงของเรย์มอนด์พยายามใส่ร้ายลูกชายของเขา ท่านผู้อาวุโสไม่เคยลุกขึ้นมาปกป้องหรือแก้ต่างให้กับเรย์มอนด์เลยซักครั้ง ดังนั้นเรนน์จึงไม่รู้สึกเคารพผู้อาวุโสคนนี้เลย

หลังจากที่เรนน์พูดออกมามันก็ได้มีแววตาแห่งความไม่พอใจปรากฏขึ้นภายในดวงตาของผู้อาวุโส และเพื่อปกปิดร่องรอยแห่งความไม่พอใจนั้นชายชราจึงยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบเงียบ ๆ

ในช่วงเวลานั้นลุงและลูกพี่ลูกน้องของเรย์มอนด์ก็ได้จ้องมองไปยังแขนขาอันไร้เรี่ยวแรงของเรนน์ด้วยสายตาแห่งชัยชนะอย่างเปิดเผย

แต่อย่างไรก็ตามเรนน์ก็ไม่แม้แต่จะชายตามองตัวประกอบทั้งสองคนนี้เลย ก่อนที่เขาจะได้พูดออกไปว่า

“สรุปว่าท่านผู้อาวุโสเดินทางมาที่นี่ในวันนี้ทำไมอย่างนั้นหรอ?”

“แล้วเจ้าคิดว่าข้าเดินทางมาที่นี่ทำไมล่ะ” ผู้อาวุโสกล่าวโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเขาก็กระแทกถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดัง

“เรนน์! ตอนนี้เจ้ากับดอริสกำลังทำให้ตระกูลไพธอนเสื่อมเสีย”

“ท่านผู้อาวุโสหมายความว่ายังไงกันแน่? เรนน์กับฉันทำอะไรลงไปถึงทำให้ตระกูลของพวกเราต้องเสื่อมเสีย” ดอริสกล่าวออกมา

เพียงแค่คำพูดประโยคแรกที่ผู้อาวุโสพูดออกมาก็ไม่ได้มีการกล่าวถึงเรย์มอนด์ด้วยซ้ำและเขายังมาต่อว่าพวกเธอสองสามีภรรยาอย่างไร้เหตุผลอีกด้วย ดังนั้นน้ำเสียงของดอริสที่ตอบกลับไปจึงแข็งกระด้างเป็นอย่างมาก

ในขณะนั้น ‘คาร์ล’ ผู้ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรย์มอนด์ก็กล่าวขึ้นมาว่า

“พวกคุณอาเจ็ดทำเกินไปแล้ว พวกคุณไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในสตาร์เน็ตเวิร์คบ้างอย่างนั้นหรอ เมื่อมันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่ผู้อาวุโสจะรู้สึกโกรธเกี้ยว”

“พวกเราทำอะไร” เรนน์กล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“นี่คุณอาเจ็ดไม่รู้จริง ๆ อย่างนั้นหรอ” คาร์ลกล่าวพร้อมกับแสร้งทำสีหน้าแปลกใจ จากนั้นเขาก็ได้ใช้นิ้วจิ้มไปที่เทอร์มินอลที่เขาสวมอยู่บนข้อมือเพื่อเปิดใช้วิดีโอสามมิติขึ้นมาบนอากาศ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด