ตอนที่แล้วTHW ตอนที่ 7+8(1/3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTHW ตอนที่ 7+8(3/3)

THW ตอนที่ 7+8(2/3)


THW ตอนที่ 7+8(2/3) ทัวร์พิพิธภัณฑ์เมโทรโพลิทัน + ความแตกตื่นในพิพิธภัณฑ์

“ช่างแม่งวอลล์สตรีท! ตอนนี้ต่อให้พวกแกจะมาคุกเข่าขอร้องให้นายท่านผู้นี้กลับไป นายท่านผู้นี้ก็จะไม่ชายตาแล! ด้วยความสามารถนี้ นายท่านผู้นี้ก็จะสามารถมีชีวิตที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าก่อนหน้านี้นับหมื่นเท่า!”

เมื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง เขาก็ทำการเที่ยวชมโถงจัดแสดงต่อ พร้อมๆ กับทดสอบความสามารถดวงตาของเขา และเพิ่มความรู้เกี่ยวกับของโบราณทั้งหมด

เขาใช้เวลาในโถงจัดแสดงนี้ไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ทำการเรียนรู้จุดต่างๆ อย่างระวัง และจากนั้นก็เดินไปที่โถงจัดแสดงของอเมริกาที่อยู่ไม่ไกล

จากนั้น แสงที่เปล่งออกมาจากของโบราณก็ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง ครั้งนี้ของแทบทั้งหมดเกือบจะเป็นสีแดง มีบ้างที่เป็นสีส้ม และไม่กี่ชิ้นที่เป็นสีเหลืองและสีเขียว

หลังจากออกมาจากโถงจัดแสดงของอเมริกา มันก็ได้เวลาอาหารเที่ยง แต่เย่เทียนก็ยังไม่จากไป แต่เขาได้ไปทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารราคาแพงในพิพิธภัณฑ์ และจากนั้นจะได้เริ่มเยี่ยมชมโถงจัดแสดงอื่นๆ ต่อ

หลังจากเยี่ยมชมโถงจัดแสดงของยุโรป กรีซ และ โรม ที่อยู่ในชั้นแรกแล้ว เขาก็เข้าใจความสัมพันธ์ทั้งหมดระหว่างแสงและอายุของวัตถุโบราณ

ของโบราณที่มีอายุตั้งแต่ 50–100 ปี จะมีสีขาว ขณะที่ของโบราณที่มีอายุระหว่าง 100–300 ปี จะมีสีแดง, 300-500 ปี จะเป็นสีส้ม และ 500-1,000 ปี จะมีสีเหลือง

1,000-1,500 ปี จะเป็นสีเขียว, 1,500-2,000 ปี จะเป็นสีน้ำเงินเขียว, 2,000-3,000 ปี จะเป็นสีน้ำเงิน, 3,000-5,000 ปี จะเป็นสีม่วง และมากกว่า 5,000 ปีขึ้นไปจะเป็นสีดำ

ซึ่งวัตถุโบราณแต่ละชิ้นล้วนแต่เหมือนกัน เพียงแต่ว่าเฉดสีจะเข้มข้นเจือจางต่างกันเท่านั้น ยิ่งมีคุณค่าทางศิลปะสูง ก็จะยิ่งมีสีเข้ม

ทำให้วัตถุประสงค์ที่มายังพิพิธภัณฑ์เมโทรโพลิทันของเขาได้สำเร็จลุล่วง และเขาได้ได้ในสิ่งที่เขาต้องการมา!

ยิ่งกว่านั้น ด้วยความสามารถตาทิพย์นี้ ทำให้เย่เทียนสามารถตัดสินถึงความหายากและที่มาของวัตถุโบราณและงานศิลปะพวกนี้ได้แม่นยำที่สุด ซึ่งความสามารถพวกนี้จะเป็นพื้นฐานสำหรับการใช้ชีวิตของเขา และความสำเร็จในอนาคตข้างหน้า

ถัดมา ก็ได้เวลาสำหรับชื่นชมความงดงามและแก่นแท้จากประสบการณ์ของมนุษย์ในพิพิธภัณฑ์!

ในเมื่อเขาจะต้องมีการทำงานเกี่ยวกับของโบราณในอนาคต ดังนั้นจึงต้องเพิ่มความรู้และความเข้าใจให้กับตัวเอง และไม่ต้องสงสัยเลยว่า พิพิธภัณฑ์เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการเรียนรู้

เย่เทียนตัดสินใจที่จะใช้เวลาว่างในทุกๆ สัปดาห์เพื่อมาหาความรู้จากที่นี่ และ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติที่อยู่ใกล้ๆ รวมถึงท้องฟ้าจำลองเฮย์เดน

ส่วนวันนี้ก็มาผ่อนคลายและเดินเที่ยวเล่นก่อน

ไม่นาน เย่เทียนก็มาถึงโถงจัดแสดง RB ซึ่งอยู่บนชั้น 2

เขาไม่ได้สนใจในงานของ RB แม้ว่าเขาจะเคยมาพิพิธภัณฑ์ แต่ว่าเขาก็ไม่เคยมาที่โถงจัดแสดง RB

เหตุผลว่าทำไมวันนี้เขาถึงมาที่นี่ก็เพราะว่า เขาต้องการจะมาเห็น “ภาพคานาคาว่าเซิร์ฟฟิ่ง” ที่มีชื่อเสียง

ภาพวาดนี้ถูกรู้จักในนามสมบัติของโถงจัดแสดง RB ในพิพิธภัณฑ์เมโทรโพลิทัน นี่เป็นงานภาพ RB ที่นักวาด อูคิโยะ คัตสึชิกะ โอคุไซเป็นผู้วาด และถูกกลุ่มคนรัก RB ยกขึ้นฟ้า สถาปนาเขาให้เป็นดั่งพระเจ้า!

ในขณะที่เขากำลังทำงานในแมนแฮตตันก่อนหน้า เย่เทียนก็ได้พบกับ RB บางคน เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขามาที่นิวยอร์ก พวกเขาก็จะเดินทางมาชื่นชมภาพวาดนี้ พร้อมกับโม้ให้กับทุกคนฟังว่าภาพวาดนี้มันเจ๋งแค่ไหน

ตอนนี้เมื่อเขามาที่เมโทรโพลิตันแล้ว เย่เทียนก็อยากจะเห็นภาพวาดนี้กับตาตัวเอง

เขากำลังใช้วิธีของตนเพื่อเปรียบเทียบภาพนี้กับมาสเตอร์พีสชิ้นอื่นๆ อยากจะรู้ว่าภาพวาดที่ชาว RB บอกกันว่ายิ่งใหญ่และภาคภูมิใจกับมันดีแค่ไหน!

อย่างที่คาด ภาพวาดนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยชาว RB ขณะที่ชื่นชมภาพวาดนี้ คนกลุ่มนี้ก็ต่างพากันสรรเสริญซึ่งกันและกัน สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนต่างราวกับคนพี้ยามาสุดขีด!

เย่เทียนยืนอยู่ห่างจากภาพวาดราวๆ สองหรือสามเมตร ขณะที่มองไปที่ภาพที่แขวนอยู่บนกำแพง พร้อมกันนั้นเขาก็ได้ใช้ความสามารถตาทิพย์ของตนตัดสินภาพวาดนี้ในพริบตา

ภาพนี้เป็นของจริงอย่างแน่นอน พร้อมกับแสงสีแดงที่เข้มปั้ด จากเส้นแสงนี้ เขาประมาณว่ามันอยู่ในต้นศรรตวรรษที่สิบเก้า

ยังไงก็ตาม ตัดสินจากจำนวนชั้นของรัศมีแล้ว คุณค่าทางศิลปะของมันกลับไม่เจ๋งเหมือนอย่างที่ชาว RB โม้เอาไว้

เทียบกับสิ่งอื่นแล้ว ยังมีชิ้นงานที่โดดเด่นอีกมากในพิพิธภัณฑ์ และยังชั้นรัศมีมากกว่าอีก

เย่เทียนยืนดูต่อไป เพราะอยู่ห่างและภาพนี้ก็ค่อนข้างเล็ก ทำให้เขาจ้องมองมันอย่างระวังด้วยสมาธิที่จดจ่อ และภายใต้สมาธินั้น เขาก็ได้ใช้พลังตาทิพย์ของเขาออกไป พร้อมกับมองข้ามช่องว่างเพื่อมองทะลุภาพวาดนี้

นี่เป็นครั้งที่สามที่เขาใช้พลังตาทิพย์ในวันนี้ตั้งแต่ที่เขาใช้มองทะลุมันมี่ไป

ทันใดนั้น ก็ได้มีความรู้สึกสดชื่นอาบไล้ดวงตาของเขา เหมือนกับความสุขที่แผ่พุ่งเข้ามา!

และก่อนที่เขาจะได้ตระหนักนั้น เย่เทียนก็เห็นภาพที่ไม่น่าเชื่อปรากฏขึ้นในดวงตาเขา พร้อมกับทำให้เขาหยุดนิ่งอยู่กับที่ในทันใด!

รัศมีของ “ภาพคานากาว่าเซิฟฟิ่ง” ได้หายไปทีละชั้น!

ชั้นของรัศมีได้ลอยเข้าสู่นัยน์ตาของเขาราวกับม่านหมอก

ซึ่งฉากนี้สามารถมองเห็นชัดได้จากดวงตาของเย่เทียน ถือเป็นเรื่องที่แปลกมาก แต่ว่าคนอื่นๆ กลับไม่สังเกตถึงมัน

เหล่าผู้คนต่างก็กำลังชื่นชมพร้อมกับพูดคุยเกี่ยวกับภาพวาดอย่างเข้มข้น แต่พวกเขากลับไม่รู้เลยว่าภาพวาดที่มีชื่อเสียงตรงหน้าพวกเขาตอนนี้กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ความรู้สึกสดชื่นกำลังหลั่งไหลเข้ามาในตาเขาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับกระจายไปทั่วร่างกายเขาอย่างรวดเร็ว มันเป็นรสชาติที่มหัศจรรย์มาก อีกทั้งยังให้ความรู้สึกเสพติด!

แต่เย่เทียนก็ไม่มีเวลาเพลิดเพลินกับมันทั้งหมด พร้อมกับร้องอุทานขึ้นในใจอย่างบ้าคลั่ง

“ฉันต้องไปแล้ว! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?”

แม้ว่าเขาจะตกใจอย่างมาก หรือกระทั่งหวาดกลัวเล็กๆ แต่สีหน้าของเขาก็ยังไม่เปลี่ยนแต่อย่างใด ยังคงสงบเหมือนดั่งเดิม

หลังจากตกใจกับความเปลี่ยนแปลงในช่วงสองวันที่ผ่าน เย่เทียนก็รู้สึกด้านชากับเหตุการณ์ประหลาดแบบนี้แล้ว และเขาก็ไม่สามารถแสดงความประหลาดใจกับเหตุการณ์นี้ทางสีหน้าด้วย!

แต่ดวงตาของเขาที่อยู่ใต้แว่นกันแดดในตอนนี้นั้น ต่างก็เต็มไปด้วยความรู้สึกสยองอย่างยากหาใดเปรียบ

และที่แปลกยิ่งกว่าคือเขาไม่สามารถมองไปทางอื่นได้ หรือแม้กระทั่งหลับตา เขาทำได้เพียงแค่จ้องไปที่ภาพวาดนั่น มองทะลุมันอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับดูดซับรัศมีของภาพนั้นต่อไป!

รัศมีของภาพหายไปเร็วขึ้นเรื่อยๆ และก็หายไปกว่าครึ่งอย่างรวดเร็ว

แต่ผู้คนในโถงจัดแสดงก็ยังคงไม่สังเกต แต่ในสายตาของเย่เทียนแล้ว ภาพวาดนี้ไม่ได้ดีเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป

ภายใต้ตาทิพย์ เขาสามารถเห็นว่ากรอบไม้ของภาพวาดมีอายุเพิ่มขึ้นพร้อมกับเริ่มผุพัง จากนั้นก็ปรากฏรอยแยกจำนวนมากที่กระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งอีกไม่นานก็จะกระจายมาถึงผิวหน้า

ภาพวาดเริ่มแห้งลงเรื่อยๆ จนแทบจะขาดออกจากกัน! เหมือนว่าจะเกิดขึ้นในอึดใจต่อมา

ซึ่งทั้งหมดนี้ผ่านไปแค่เพียงพริบตา แต่ภาพวาดนี้กลับเหมือนผ่านเวลามานับพันปี!

ดวงตาของเขายังคงดูดซับรัศมีจากภาพวาด หรือจะพูดว่าออร่าและคุณค่าของมัน แต่ว่าความเร็วก็ได้ลดลงจากตอนแรกมาก

รัศมีจาก “ภาพคานากาว่าเซิฟฟิ่ง” ส่วนใหญ่ได้หายไป แม้ว่าอัตราส่วนในการหายไปได้ช้าลง แต่มันก็ยังไม่หยุด

“ฉันไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไปแล้ว เรื่องใหญ่บางเรื่องกำลังจะเกิดขึ้น! นี่คือสมบัติภาพ RB! หากอยู่ๆ มันสลายเป็นขี้เถ้า หรือแห้งกรอบจนขาดออกจากกันเป็นชิ้นๆ ก็ไม่มีใครในที่นี่สามารถหนีไปจากมันได้ พวกเขาจะต้องทำการสืบสวนหาต้นตอทีละคน อย่างงั้นฉันต้องรีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!”

เมื่อคิดได้อย่างนี้ เย่เทียนก็พลันรู้สึกเย็นวาบ! หากสิ่งนี้ถูกตำรวจพบเข้า มันจะต้องเป็นปัญหาอย่างแน่นอน บางทีฉันอาจถูกนำไปผ่าตัดก็เป็นได้!

และในจังหวะนี้ เขาก็พลันรู้สึกถึงความพึงพอใจในดวงตา ราวกับว่ามันได้อิ่มแล้ว พร้อมกันนั้น การดูดซับก็ได้หยุดลง!

จากนั้นเขาก็ได้มองไปที่ “ภาพคานากาว่าเซิฟฟิ่ง” อีกครั้ง!

ตอนนี้รัศมีของมันได้มั่นคงแล้ว แต่ส่วนใหญ่นั้นได้หายไป ภาพวาดทั้งชิ้นอยู่ในสภาพอันตราย พร้อมที่จะสลายไปได้ทุกเมื่อ แต่หากดูจากภายนอกแล้ว กลับไม่มีร่องรอยแม้แต่น้อย

เย่เทียนกระพริบตา ตอนนี้การควบคุมดวงตาของเขาได้กลับมาแล้ว!

“ต้องกลับ!”

ตอนนี้เขาไม่สนใจเรื่องเวลาอีก ทำการออกไปจากที่นี่ทันที ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดของเขาคือต้องออกไปจากที่นี่!

และหลังจากนั้น เขาก็หมุนตัวพร้อมกับออกไปจากโถงจัดแสดง RB อย่างเป็นธรรมชาติ

ไม่มีใครสนใจเขา และไม่มีใครคิดว่าเขาเพิ่งทำลายสมบัติแห่งชาติชิ้นหนึ่งด้วยมือ หรือดวงตาของเขา

“ฟู่….!”

หลังจากออกมาจากโถงจัดแสดง RB เย่เทียนก็พลันถอนหายใจออกมาทันที

จากนั้น คำถามนับไม่ถ้วนก็โผล่ขึ้นมาในสมองของเขา

“ทำไมอยู่ๆ ดวงตาถึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติกัน? แล้วยังจะรัศมีของภาพนั่นอีก? ออร่านั้นมีอยู่จริงไหม? ทำไมดวงตาถึงสามารถมองเห็นพวกมันได้? แล้วทำไมดวงตาถึงได้สูญเสียการควบคุม?

แล้วทำไมเรื่องนี้ถึงไม่เกิดขึ้นตอนที่มองทะลุมัมมี่และโลงหิน? แม้ว่ารัศมีของของทางวัฒนธรรมทั้งสองนั้นจะไม่มาก แต่มันก็ไม่น่าที่จะไม่ตอบสนองหนิ?”

คำถามพวกนี้ทำให้เย่เทียนปวดหัว แต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด