ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 89 ปฏิกิริยาจากกลุ่มคนหลายด้าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 91 5 ปีต่อมา

80Y-ตอนที่ 90 ความสงบสุขที่กลับคืนมา


คนจากนิกายเส้นทางสวรรค์กำลังมองดูเรื่องนี้ด้วยความสนใจ

โดยเฉพาะประมุขนิกายหลัวหยู

เขาเคยเห็นองค์หญิงหยูหลินเป็นการส่วนตัวเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

ในเวลานั้นองค์หญิงหยูหลินเป็นเพียงแค่ผู้บ่มเพาะพลังขั้นก่อกำเนิด

นางบริสุทธิ์และไร้เดียงสามาก เป็นเหมือนกับน้องสาวในอุดมคติ

ในอดีตองค์หญิงหยูหลินไม่ชื่นชอบการฝึกฝน

นางไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับความแข็งแกร่งเหมือนกับจักรพรรดิเต๋อ

แต่ตั้งแต่นางค้นพบความลับของนิกายเส้นทางสวรรค์นางก็มีความขยันขันแข็งในการฝึกฝนมากขึ้น

จากนั้นด้วยความช่วยเหลือของ หลินจิ่วเฟิง นางได้กลายเป็นปลาคาร์พที่กระโดดข้ามประตูมังกร

คนนอกอาจจะไม่เห็นการมีส่วนร่วมของหลินจิ่วเฟิงเพราะพวกเขาคิดว่าองค์หญิงหยูหลินคืออัจฉริยะหาใดเปรียบที่ซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้ตลอดเวลา

หากไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าเหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนักต้องการเสียสละนางออกไปเพื่อแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ นางคงจะยังซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้

ประชาชนธรรมดาทั่วไปไม่ได้มีช่องทางมองหาข้อมูลมากมายขนาดนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อมั่นในข้อเท็จจริงนี้

ทว่าประมุขนิกายหลัวหยูแห่งนิกายเส้นทางสวรรค์กลับไม่เชื่อ

เขารู้สึกว่ามีคนคอยชี้นำองค์หญิงหยูหลินอยู่เบื้องหลังและคอยเตือนจักรพรรดิเต๋อ

คำถามก็คือ-คนผู้นี้เป็นใคร?

ประมุขนิกายหลัวหยูเชื่อว่าเป็นผู้อาวุโสลึกลับที่ช่วยเหลือเมืองหลวงราชวงศ์เมื่อ 5 ปีก่อน

เขาที่ต้องการจะกลืนกินราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาย่อมต้องตรวจสอบสถานการณ์ทั้งหมดก่อนหน้านี้ของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวามาหมดแล้ว

และยอดฝีมือลึกลับผู้นี้ได้อาศัยอย่างสันโดษในเมืองหลวงและช่วยราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาให้รอดพ้นจากหายนะมาตั้งหลายครั้ง

คนผู้นี้จะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังขององค์หญิงหยูหลินงั้นหรือไม่?”

ดวงตาของประมุขนิกายหลัวหยูได้เย็นชา

เขาเอื้อมมือออกไปและกำหมัดแน่น“ข้าจะหาเจ้าให้เจอ ข้าจะดูว่าตัวตลกที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมีหน้าตาเช่นไร!”

องค์หญิงหยูหลินได้กลับมาแล้ว

นางกลับมาพร้อมกับเกียรติยศ

ภายในหนึ่งวัน สิ่งที่นางได้ทำบนที่ราบและภูเขาหมาป่าได้แพร่กระจายไปทั่วโลก

ทุกคนต่างส่งเสียงเชียร์ให้กับการกระทำของนาง

มันเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจอย่างมาก

แยกภูเขาหมาป่า!

นางเป็นเพียงแค่สตรีคนนึง!

ภูเขาหมาป่าล้วนเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของผู้ชายหลายคนตั้งแต่สมัยโบราณ

ตราบใดที่มีผู้บ่มเพาะพลัง พวกเขาก็จะนึกถึงภูเขาหมาป่าอยู่เสมอ

เมื่อนานมาแล้ว อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่สามารถกระทำการใหญ่ได้สำเร็จ เขาได้รับการยกย่องจากภูเขาหมาป่า เรื่องราวของเขาได้ถูกส่งต่อไปยังคนรุ่นต่อ ๆ ไป แต่มีเพียงไม่กี่คนที่จดจำเรื่องราวได้ในวันนี้

แต่ทว่า เด็กสาววัย 16 ปี กลับประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม

นางบุกไปยังที่ราบเซียนเป่ยเพียงลำพัง ในระยะเวลาสั้น ๆ เพียง 3 วันนางเผชิญหน้ากับการต่อสู้ครั้งใหญ่หลายครั้ง มันเป็นการต่อสู้ที่ทำให้โลกหล้าล้วนตกตะลึง จนกระทั่งนางทะลวงผ่านขั้นเทพมนุษย์

องค์หญิงหยูหลิน ได้กลายเป็นตัวตนอันสูงส่งในใจของสตรีทันที

นางได้ทำสิ่งที่ไม่มีใครสามารถทำได้ให้เป็นจริงได้

ตอนที่นางออกจากเมืองหลวงก็ไม่มีใครส่งนางออกไป

ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนเยาะเย้ยนาง-โดยบอกว่านางประเมินความสามารถของตนเองสูงเกินไป

แต่เมื่อนางกลับมา คนทั้งโลกกลับส่งเสียงเชียร์และตะโกนชื่อของนาง

ประชาชนในเมืองหลวงต่างก็ต้องการที่จะมาพบนางด้วยตัวเอง

ความสำเร็จของนางทำให้มีผู้คนจำนวนมากล้วนชมนาง ทว่าสิ่งนี้เองกลับทำให้องค์หญิงหยูหลินรู้สึกเขินอาย

นางรู้ว่า หลินจิ่วเฟิง มีส่วนช่วยสนับสนุนความเร็จของนางในครั้งนี้

แต่ทว่านางกลับได้รับความดีความชอบเพียงคนเดียว

นางรู้สึกไม่สบายใจจริง ๆ

“ไม่ต้องกังวลไป จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหากเจ้ายืดอกแบกรับความภาคภูมิใจเหล่านี้”

หลินจิ่วเฟิง ได้ปลอบนางทันที

“ท่านอาจารย์ ท่านยังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่?”องค์หญิงหยูหลินได้กล่าวถามทันที

นางได้เมินเฉยต่อคำชมทั่วโลกและเพ่งความสนใจไปที่กล่องเก็บกระบี่

นางไม่ใช่คนโง่

หลินจิ่วเฟิง เคยกล่าวว่าเขาได้รับเชิญจากจักรพรรดิหยวนให้มาสอนนางในโลกแห่งความฝัน เรื่องนี้ องค์หญิงหยูหลิน พอจะเชื่อสนิทใจ

แต่แล้ว หลินจิ่วเฟิง ก็ตามนางไปที่ราบและช่วยนางจัดการพวกศัตรู

ซ้ำอีกฝ่ายยังได้เปิดเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมาด้วย

องค์หญิงหยูหลินมั่นใจมากว่าเขายังมีชีวิตอยู่

เพียงแต่นางไม่เคยพูดถึงมันเลยจนกระทั่งตอนนี้

ตอนนี้พวกเขากลับมาที่เมืองหลวงแล้ว องค์หญิงหยูหลิน ได้รับโอกาสที่จะกล่าวถามคำถามนี้ในที่สุด

หลินจิ่วเฟิงได้หัวเราะออกมา“ไม่สำคัญว่าข้าจะอยู่หรือตาย เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าตนเองได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาไปแล้ว?”

องค์หญิงหยูหลิน ไม่สนใจสิ่งอื่นใด นางปฏิเสธคำพูดของ หลินจิ่วเฟิง ในทันที“หลังจากที่ได้เห็นพลังของท่านอาจารย์ ข้าก็ตระหนักได้ว่าฐานการบ่มเพาะพลังของตนเองยังคงอ่อนแอเกินไป ดังนั้นข้าจึงต้องการรับคำแนะนำจากท่านอาจารย์จริง ๆ”

องค์หญิงหยูหลิน ต้องการให้ หลินจิ่วเฟิง สอนนางต่อไป

เพียงแต่ หลินจิ่วเฟิง ได้ปฏิเสธโดยตรง

“ข้าได้สอนทุกอย่างที่ควรสอนไปแล้ว เจ้าไม่จำเป็นจะต้องให้ข้าคอยช่วยเหลืออีก”

องค์หญิงหยูหลิน ทำได้เพียงปกปิดความเสียใจนี้ไว้

นางได้เข้าสู่เมืองหลวง และ มุ่งหน้าสู่ตำหนักเย็นเพื่อที่จะไปวางกล่องเก็บกระบี่

“หรือว่าจะเป็นที่นี่?”

ด้วยความฉลาดของนาง องค์หญิงหยูหลิน ต้องการทราบว่าร่างกายที่แท้จริงของหลินจิ่วเฟิงอยู่ที่ไหน

นี่เป็นผลให้นางรออยู่ใกล้ประตูอย่างรอคอย

แต่ หลินจิ่วเฟิง ก็ไม่เคยออกมา เขาได้ควบคุมจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ให้กล่องกระบี่ลอยขึ้นและเข้าสู่ตำหนักเย็น

ตั้งแต่ต้นจนจบ ร่างกายที่แท้จริงของ หลินจิ่วเฟิง ก็ไม่เคยปรากฏ

องค์หญิงหยูหลิน ได้มองอย่างช่วยไม่ได้

นางได้กลับไปยังพระราชวังต้องห้ามเพื่อมองหาพี่ชายและแม่ของนาง

โดยไม่คำนึงถึงการรบกวนจากโลกภายนอก จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของ หลินจิ่วเฟิง ได้กลับเข้าร่างกายของเขาทันที

เป็นเวลากว่า 3-4 วันแล้วนับตั้งแต่ร่างกายและร่างพลังของเขาได้แยกออกจากกัน…

ในขณะที่ร่างกายที่แท้จริงของหลินจิ่วเฟิง ยังคงลงชื่อเข้าใช้อยู่ในตำหนักเย็น จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ตามองค์หญิงหยูไปยังที่ราบ

แต่แล้วในที่สุดก็จบลง

หลังจากร่างกายของเขาและจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์รวมกันเป็นหนึ่ง หลินจิ่วเฟิง ก็ถอนหายใจออกมา

เขานอนบนเตียงหยกน้ำแข็ง ร่างของเขายังคงรู้สึกอ่อนแอลงเล็กน้อย

จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาหายไปนานเกินไป เขาไม่คุ้นเคยกับมันในตอนนี้

เขาต้องค่อย ๆ ชินให้กับกับผักกาดอิ่มน้ำจะได้ไม่รู้เน่าเปลื่อย

เจ้าแมวขาวได้เฝ้าปกป้องร่างของ หลินจิ่วเฟิง ตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา

มันกลัวว่าจะมีบางอย่างผิดพลาด

หลายคนที่ส่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ออกจากร่างพวกเขาจะต้องปกป้องร่างกายของตนเองให้ดี

มิฉะนั้น หากจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขายังอยู่ แต่ร่างกายของพวกเขาอาจจะถูกทำลายหรือถูกศัตรูลักพาไป

หากสิ่งนี้เกิดขึ้น มันคงเป็นเรื่องยากที่จะหาร่างกายมาแทน เพราะท้ายที่สุด ผู้บ่มเพาะพลัง จำเป็นจะต้องมีสายเลือดและร่างกายที่เหมาะสม ที่เพียงพอที่จะทนต่อจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาได้

“ในที่สุดปัญหาก็ได้รับการคลี่คลาย ข้าสามารถทำกิจวัตรประจำวันของข้าต่อไปได้อย่างสงบสุข”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวออกมา

หลินจิ่วเฟิง ไม่ชอบแนวคิดเรื่องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ แต่เขาก็เข้าใจเหตุผลเบื้องหลัง

แต่ตอนนี้ องค์หญิงหยูหลิน ได้แก้ไขปัญหาของนางไปแล้ว กองกำลังเหยี่ยวมังกร ก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงอีกต่อไป

หากพวกเขาไม่กลัวการทุบตีล่ะก็นะ!

ความสงบสุขได้กลับมายังตำหนักเย็นอีกครั้ง

หลินจิ่วเฟิง ได้ใช้ชีวิตแบบ ‘โอตะคุที่ปิดกั้นตัวเอง’ ต่อไป

เขายังคงลงชื่อเข้าใช้ถ้ำปีศาจทุกวันเพื่อรับเอาสมบัติ

หากมีสิ่งใดที่เขาต้องการเขาจะใช้งานมันด้วยตัวเอง

“ทิวทัศน์บนที่ราบเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ข้าอาศัยอยู่ในตำหนักเย็นมาโดยตลอดไม่เคยเห็นฉากนี้เลย ข้าแค่สงสัย”

ตั้งแต่เกิดมามันก็ไม่เคยไปยังที่ราบเลย

และยังมีสิ่งที่เรียกว่าภูเขาหมาป่าอีก

“ไม่มีอะไรให้น่าสนใจ มันก็แค่ดินแดนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะบริสุทธิ์ ข้าไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดนอกจากหิมะเหล่านี้ ดังนั้น หากเจ้าสนใจก็สามารถมองดูหิมะในตำหนักเย็นนี้ได้”

หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะ

“ลืมมันไปเถอะ”เจ้าแมวขาวได้สั่นศีรษะอย่างหมดความสนใจ

หลินจิ่วเฟิง ได้กอดมันและลูบมันตามปกติ

เป็นเวลากว่า 1 เดือนได้ผ่านไป

ต้าชุน ได้มาส่งอาหารตามปกติ

เขาได้มาส่งอาหารตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ

และไม่เคยขาดตกบกพร่อง

“องค์ชาย!”

“เมื่อเดือนที่แล้ว ทางราชสำนักต้องการผูกมิตรกับกองกำลังเหยี่ยวมังกร โดยการส่งองค์หญิงหยูหลิน ไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์!”

“แต่ใครจะไปคิดว่าองค์หญิงหยูหลินจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!”

“นางไปที่ราบเพยีงลำพังและทำลายกองกำลังเหยี่ยวมังกรรวมถึงสังหารราชาเซียนเป่ย…”

“ซ้ำนางยังทำลายภูเขาหมาป่าอีกด้วย!”

ต้าชุนแทบจะอุทานออกมาขณะที่อธิบายด้วยความตื่นเต้น

หลินจิ่วเฟิง และ เจ้าแมวขาวได้มองหน้ากันด้านหลังประตู

พวกเขาได้เห็นรอยยิ้มในดวงตาของกันและกัน

พวกเขาไม่ได้หยุดต้าชุนไม่ให้พูด

เพียงแต่พวกเขาได้ฟังอย่างเงียบ ๆ

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ ต้าชุน รู้สึกเขินอาย เพราะหัวข้อที่เขาพูดถึงนี้ หลินจิ่วเฟิง และ เจ้าแมวขาว มีข้อมูลมากกว่าเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด