ตอนที่แล้วบทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 7 ใบเรือดำในทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุด (Black sails in endless sea)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 9 เรารู้น้อยแค่ไหน (How little we know)

บทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 8 บ้านของราชสีห์ผู้หยิ่งผยอง (Home of arrogant lion)


บ้านของราชสีห์ผู้หยิ่งผยอง

 (Home of arrogant lion)

ณ สหจักรวรรดิลีโอเนีย นครหลวงลอนดาเดีย

ตึกสูงเรียงรายระหว่างถนนติดกันทั่วทั้งเมือง ตัวเมืองที่อยู่อาศัยมีแม่นํ้าขนาดใหญ่ไหลผ่าน เรือสินค้าจากอาณาจักรเล็กใหญ่ต่างเดินทางเข้าออกนครขนาดใหญ่แห่งนี้ตลอดเวลา กลุ่มควันลอยออกมาจากเขตอุตสาหกรรม ประชาชนชาวเมืองหลากหลายเผ่าพันธุ์เดินทางสัญจรทั่วมหานครสุดวุ่นวายแห่งนี้ แม้ว่าขณะนี้สหจักรวรรดิกำลังทำศึกสงครามแต่ชาวเมืองหาได้กังวลไม่

เสียงตีระฆังดังจากหอคอยสูงที่ยึดติดกับพระราชวังกลางแม่นํ้าบ่งบอกเวลาถึงเวลาสำคัญได้หมดลงแล้ว ตรงข้ามพระราชวังที่สุดของความวิจิตรเป็นตึกอาคารสีขาวขนาดกลางไม่ใหญ่เท่าพระราชวัง ทั้งสองสิ่งก่อสร้างอยู่บนพื้นฐานเกาะกลางนํ้ามีสะพานเชื่อมระหว่างสองฝั่งของเมือง อาคารสภาอันเก่าแก่แห่งนี้มีเต็มไปด้วยราชองครักษ์และขุนนางใหญ่โตจากหัวเมืองต่างๆในดินแดนลีโอ

เหล่าขุนนางแห่งลีโอเนียต่างเดินออกจากสภาสูงหลังเสียงระฆังจากพระราชวังดังก้อง แน่นอนว่าสภาขุนนางแห่งนี้พึ่งหยุดการประชุมไปได้ไม่นาน ทางประตูทางออกก็ได้มีกลุ่มขุนนางยื่นสนทนาพูดคุยกันอยู่ประมาณหกคน ยื่นอยู่โดยมีอยู่2กลุ่มที่มีคนที่ดูเหมือนข้ารับใช้ และขุนนางที่ดูวัยเยาว์เพียงคนเดียวที่แตกต่างกับทั้งสองกลุ่ม

“เอิร์ล ชอมเบิร์ก ช่วยพิจารณาการเลิกสนับสนุนฝ่ายขุนนางภูผาด้วย ข้าเชื่อว่าในอนาคตภูเขาอะควิ (aqui mountain) จะกลายเป็นแหล่งเศรษฐกิจเหมืองที่ยิ่งใหญ่แน่นอน! เพราะงั้นช่วยสนับสนุนฝ่ายขุนนางภูผาต่อไปได้หรือไม่?” ขุนนางชราผู้มีหนวดยาวและร่างกายที่เล็กดูคล้ายคนแคระอายุมาก กำลังขอร้องต่อร้องกับขุนนางหนุ่มที่มีบรรดาศักดิ์เป็นเอิร์ลผู้มีชื่อว่า ชอมเบิร์ก

“คงไม่ได้หรอกบารอนดูรัม ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ต่อให้ขุนนางภูผาเพิ่มเหมืองแร่ก็ไม่ได้ช่วยให้เราชนะในตอนนี้ได้เลย ผมขอสนับสนุนขุนนางเหนือที่มีความสามารถเรื่องยุทธวิธียังจะดีกว่า แล้วต่อให้พวกคุณยกเรื่องนี้ขึ้นมาในที่ประชุมอีกครั้ง ผมจะไม่ยอมสนับสนุนจนกว่าสงครามในครั้งนี้จะจบลง” เอิร์ล ชอมเบิร์กกล่าวด้วยเหตุผลด้านสงครามระหว่างทูเดีย หากจะชนะโดยเร็วพวกเขาต้องชนะด้วยอำนาจการโจมตีและแผนการที่เบ็ดเสร็จ ถ้าเป็นเรื่องเศรษญกิจมันก็เป็นแค่ระยะยาวเท่านั้น

ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่กระสับกระส่ายการปกป้องดินแดนด้วยกำลังสำคัญกว่าการพัฒนา ถึงเวลาปกป้องดินแดนจะหมายถึงรุกรานอาณาจักรอื่นก็ตาม

บารอนดูรัมที่ได้ยินก็ถอนหายใจปนไม่เข้าใจขุนนางหนุ่มตรงหน้า ก่อนที่บารอนดูรัมจะได้พูดต่อ ขุนนางอมนุษย์ร่างกายใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไป เขามีหูและหางของหมาป่าบ่งบอกว่าขุนนางคนนี้เป็นอมนุษย์ ซึ่งขุนนางคนนี้กำลังยิ้มเยาะตรงข้ามของขุนนางชราและกล่าวด้วยความเหยียดหยามดูถูก

“พวกบ้านนอกจากตะวันตกก็คงหวังแต่เพรชทอง อยู่แต่ในถํ่าคงจะไม่มีสมองคิดเรื่องชาวเรา หึ…” สิ้นเสียงขุนนางชราก็เเดือดพล่านแต่ก็เก็บอารมณ์ไว้เพื่อไม่ให้เสียหน้าต่อขุนนางของแต่ละฝั่ง และที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด เอิร์ลตรงหน้าของชาบชรากำลังมองขุนนางอมนุษย์ด้วยสีหน้าที่เกรี้ยวกราดอย่างเห็นได้ชัด

" ระวังคำพูดคำจาด้วยบารอนรอลโล

จะตะวันตกตะวันออก เหนือหรือใต้พวกเราล้วนคือชาวลีโอ ช่วยจำใส่สมองด้วยครับ

เอิร์ล ชอมเบิร์กกล่าวต่อว่าบารอนรอลโลหรือขุนนางมนุษย์หมาป่าด้วยนํ้าเสียงที่ไม่สบอารมณ์ก่อนจะพูดกับทั้งสองต่อ

“การประชุมในช่วงเย็นจะเป็นเรื่องแนวรบทูเดีย ถ้าเป็นไปได้ ก่อนถึงเวลาประชุมช่วยวิ่งเต้น[1]กับผู้สนับสนุนจักรพรรดิให้หน่อยนะ ผมต้องการให้ผู้สนับสนุนเรื่องสงบศึกก่อนที่เราจะถูกไล่ออกจากเขตแดนทูเดีย” เอิร์ลชอมเบิร์กชะงัก “ยังไงก็ตามเสียงขุนนางฝ่ายต่างๆคงมีความเห็นคล้ายๆกันอยู่แล้ว หลังจบศึกพวกท่านคงต้องรีบเลือกคนที่จะรับใช้ได้แล้ว… ผมขอตัวไปพบดยุกแห่งเรย์โนลส์ก่อนนะครับ”

เอิร์ลชอมเบิร์กกล่าวเสร็จก็เดินหันหลังแยกกับขุนนางทั้งสองฝ่าย กลุ่มขุนนางทั้งที่ได้ยินก็ก้มหัวเคารพเอิร์ลชอมเบิร์กก่อนจะแยกตัวไปทำธุระของตนต่อไป

ไม่นานข้ารับใช้ของเอิร์ลก็เดินทางมารับพร้อมรถม้าส่วนตัวของเขาเพื่อเดินทางไปพบดยุกแห่งเรย์โนลส์ รถม้าออกตัวทันทีเมื่อพวกเขาขึ้นมาชอมเบิร์กก็พูดกับสารถีข้างหน้าสั่นๆ “ย่านลาฟาเมย์ ร้านกาแฟโจฮันเนส (Johannes Coffeehouse)” รถม้าเคลื่อนตัวออกจากตัวเกาะหลวงผ่านสะพานข้ามแม่นํ้าไปยังอีกฝั่งของเกาะ

เขามองไปยังนอกรถม้าและถอนหายใจเบาๆด้วยความเหนื่อยล้าจากการประชุมขุนนาง มันเกิดอะไรขึ้นกับจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ ทุกอย่างมันเริ่มติดขัดไปหมด ความก้าวหน้าที่รวดเร็วที่หายไปหลายปี ความแข็งแกร่งที่ถูกทำลายไปในศึกคราวนี้ และเรื่องปัญหาภายในสหจักรวรรดิ

“เฮ้อ… ให้ตายสิ ตั้งแต่จบการศึกษาที่ฟาโรร่าก็มีแต่เรื่องปวดหัว” ชอมเบิร์กส่ายหน้าอย่างหมดหวัง ขณะที่กำลังคิดเรื่อยเปื่อยและนั่งพิงหน้าต่างรถม้าอยู่นั้น เขาก็สบสายตากับหญิงสาวครึ่งนกที่บินผ่านรถม้าของเขาพอดี ทั้งสองจึงเอ่ยออกมาพร้อมกัน

“ลีอา! / ชอม!” หญิงสาวเผ่าฮาร์พีมนุษย์ครึ่งสัตว์ปีกผู้มีนามว่าลีอา เธอบินต่ำผ่านสะพานข้ามแม่นํ้าในแต่ดันเจอกับขุนนางที่รู้จักเสียก่อน ลีอาจึงบินวนกลับไปใกล้ๆรถม้าของชอมเบิร์กเพื่อที่จะคุยกับเขา ซึ่งเธอก็บินอยู่ฝั่งแม่นํ้าและคุยผ่านหน้าต่างรถม้าของชอมเบิร์กด้วยความร่าเริงและตื่นเต้น

“ไม่เจอกันนานเลยชอม! ลีอาไม่เห็นชอมตั้งแต่จบการศึกษาแล้ว! ลีอาคิดว่าชอมจะรับตำแหน่งต่อจากคุณลุงแล้วจะมีเวลาว่างมากขึ้นเสียอีก!  ”

“ก็มันเป็นหน้าที่ของผู้สืบสกุลอยู่แล้ว ไม่มีงานถึงจะแปลกเธอไม่ได้ใช้สมองคิดหรือไง?” ชอมเบิร์กส่ายหน้าเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้จะด่าหญิงสาวอยู่แล้ว กลับกันตัวเขากลับรู้สึกยินดีที่ได้เจอหญิงสาวอีกครั้ง

“มะ ไม่ใช่นะ! ลีอารู้อยู่แล้วว่าขุนนางต้องทำงานเยอะมากๆ!” ไม่… เธอไม่ได้รู้อะไรเลย ทั้งสารถีและนายของเขาคิดในใจ

" ว่าแต่ๆ ชอมจะไปที่ไหนหรือลีอาอยากรู้!? นี่ๆ หรือว่าจะไปเทียว? ถ้างั้นลีอาจะไปด้วยนะ! ” หญิงสาวพูดถามด้วยความนํ้าเสียงขี้เล่นและบินด้วยหมุ่นตัวอย่างร่าเริง

“เธอมีงานต้องทำไม่ใช่หรือไง!? ฉันจะไปร้านกาแฟโจฮันเนส ถ้าเธอเสร็จธุระก็ไปเจอกันได้นะ ท่านหญิงเลโอฮาร์ทก็อยู่เหมือนกัน” เอิร์ลชอมเบิร์กตอบ “แล้วก็อย่าคุยไปบินไปมันบ่อยนัก มันอันตรายและก็ระวังอย่าชนคนใหญ่คนโตจนมีเรื่องละ ยัยสมองนก!”

“บู่วๆๆ! ลีอาไม่ได้โง่นะ! เสร็จงานเมื่อไรลีอาจะฟ้องคุณหญิงให้ดู” เมื่อได้โดนด่าลีอาก็แสดงอาการโกรธสะบัดสะบิ้ง ก่อนจะเตรียมนำเรื่องไปบอกคนอื่นเพื่อหาความชอบธรรมให้ตัวเอง สิ้นเสียงลีอาก็หักบินออกจากรถม้าของชอมเบิร์กเพื่อไปทำธุระของตนทันที

ชอมเบิร์กส่ายหน้าอีกครั้งกับหญิงสาวสมองนกของอีกครั้ง ถึงแม่ว่าชอมเบิร์กจะรู้สึกเหนื่อยกับงานแต่หลังจากที่ได้เจอลีอาเขาก็รู้สึกมีแรงที่จะทำงานอีกครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ? เขายิ้มเล็กยิ้มใหญ่โดยที่ไม่รู้ตัวเลยทิ้งไว้เพียงคำสุขเล็กๆในใจของเขา

รถม้าเคลื่อนตัวเข้าสู่ตัวเมืองนครขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะมองไปที่ไหนก็มีแต่คนมากมาย สมกับเป็นหัวใจของราชสีแดนเหนือ ไม่นานก็เขาสู่ย่านลาฟาเมย์ หากมองดูรอบๆก็จะพบแต่ตึกสูงที่เป็นทั้งบ้านพักและร้านต่างๆ แต่ย่านลาฟาเมย์นั้นไม่ค่อยจะมีคนสัญจรมากนัก แต่มันก็เป็นเสน่ห์ที่เงียบสงบของย่านแห่งนี้ไปด้วยเช่นกัน เมื่อรถม้าหยุดสารถีก็กล่วกับนายของตน“ท่านเอิร์ล ถึงแล้วครับ” ชอมเบิร์กไม่รีรอเปิดประตูเดินลงจากรถม้าส่วนตัวของเขาทันที

ตรงหน้าของเขาเป็นตึกสูงที่มีป้ายไม้เขียนว่าร้านกาแฟโจฮันเนส เป็นร้านที่ไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็กแคบจนเกินไป เขาเปิดประตูไม้เข้าไป พร้อมเสียงกระดิ่งประตูที่ดังหลังเขาเปิดมาได้ครึ่งหนึ่ง ข้างในตกแต่งแบบบาโรกดูสวยสาม ทั้งคิ้วบัวที่มีลายที่ดูมีเอกลักษณ์ ช่างเป็นร้านกาแฟที่หรูหราเกินกว่าร้านทั่วไปแม้แต่ขุนนางยศถาบรรดาศักดิ์เอิร์กแบบเขาก็ยังต้องตั้งคำถามกับร้านกาแฟสุดอลังการแห่งนี้ ชอมเบิร์กสาดส่องตาไปทั่วห้องจนกระทั่งเจอกับหญิงสาวสองคนและชายฉกรรจ์นั่งคุยอยู่บนอีกฝั่งของร้าน เมื่อพบเป้าหมายสำคัญ ชายหนุ่มก็เดินเข้าไปหาทันที

“ถวายคำนับ ดยุกแอนดรูว์ มาร์เชอเนสกาบรีลา คุณหญิงเลโอฮาร์ท  ” ขุนนางหนุ่มถวายคํานับต่อทั้งสามคนผู้มีบรรดาศักดิ์เหนือกว่าตน

“มานั่งด้วยกันสิ ชอมเบิร์ก แอเชอร์ เอิร์ลแห่งริชาร์ดเบิก(Richarberg)” ดยุกแอนดรูว์พยักหน้าก่อนจะกล่าวตอบโดยที่ไม่ต้องการพิธีการอะไรมากมาก

“คงจะเหนื่อยกับสภาสูงสินะ ในยุคของแพนฮอลิสดยุกอย่างข้า คงไม่มีอาจมีที่นั่งในสภาขุนนางได้อีกแล้ว ถึงความสำคัญจะหายไปแต่ก็มีชีวิตที่เรียบง่ายขึ้นเยอะเลย ต้องขอบคุณเด็กคนนั้นจริงๆ” ดยุกแอนดรูว์ไถ่ถามพร้อมบ่นกับยุคของจักรพรรดิปัจจุบันในขณะนี้ไปด้วย

“ต้องขออภัยที่ในเวลานี้ครับ สภาขุนนางตอนนี้ค่อนข้างวุ่นวาย หากเป็นไปได้ผมต้องการที่จะรู้เรื่องขององค์จักรพรรดิที่เป็นข่าวลือในช่วงนี้ก่อนจะได้ไหมครับ?” ชอมเบิร์กนั่งลงพร้อมกล่าว

“หืม… พระองค์ทรงประชวรหนักจริงๆถึงไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เอาเรื่องไปปล่อย” มาร์เชอเนสกาบรีลาตอบกลับชอมเบิร์กพร้อมจิบชาและพูดต่อ “ แต่ในเวลาสงครามแบบนี้ ข้าเชื่อว่ามีคนกำลังจ้องเล่นงานสภาสูงที่มีอำนาจมากขึ้นอย่างแน่นอน ”

“เป็นไปได้ไหมครับ ว่าเรื่องที่องค์จักรพรรดิทรงไม่มีทายาทจะเป็นเหตุให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งต้องการบัลลังก์ลีโอเนีย?”

“ตามจารีตประเพณีการหากไม่มีทายาทสืบต่อ บัลลังก์จะตกไปอยู่กับสายเลือดพี่น้องคนอื่น ยกเว้นเสียแต่ราชวงศ์นั้นจะจบสิ้น ถึงจะเริ่มการเลือกราชวงศ์ใหม่จากดยุกแต่ละตระกูล ขณะเดียวกันดยุกทั้งหลายไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองในปัจจุบันมากนัก  ” หญิงสาวผู้มีผมสีบลอนด์ทองปฏิเสธคำถามของชอมเบิร์กด้วยเหตุผลที่ว่าดยุกไม่ได้มีอำนาจเหมือนสมัยก่อน

ราชวงค์ของลีโอเนียนั้นเกิดมาจากการเลือกของราชาในแต่ละอาณาจักรในช่วงกำเนิดสหจักรวรรดิ แต่ว่าหากไม่มีผู้สืบต่อราชวงค์ หัวเมืองอาณาจักรอื่นก็จะมาแทนที่ด้วยการเลือกออกเสียงของราชาในแต่ละอาณาจักร ปัจจุบันกลายมาเป็นการเลือกของขุนนางผู้ที่มีบรรดาศักดิ์ดยุกขึ้นไป อย่างเช่นราชวงค์แพนฮอลิสของสมเด็จพระจักรพรรดิเฮนรี่ ที่เมื่อก่อนมาจากการบรรดาศักดิ์ดยุก ก่อนจะกลายมาเป็นราชวงค์ลีโอเนีย ณ ปัจจุบัน

“กันไว้ดีกว่าแก้ ข้าจะไล่ลองสนทนากับดยุกทั้งหมดด้วยตัวข้าเอง  ” ดยุกแอนดรูว์ชะงัก “ใกล้เวลาที่ข้าต้องกลับแล้ว เช่นนั้นข้ากับมาร์เชอเนต้องขอตัวก่อน หากจับพิรุธของดยุกผู้อื่นได้แล้วข้าจะมาบอกอีกทีภายหลัง”

“เดินทางโดยสวัสดิภาพครับ” สิ้นเสียงดยุกแอนดรูว์และมาร์เชอเนกาบรีลาก็รุกขึ้นลาขุนนางหนุ่มและหญิงสาวตรงข้ามก่อนจะเดินออกจากร้าน ทิ้งให้ชอมเบิร์กอยู่กับหญิงสาวผู้งดงาม เมื่อไม่มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาโดยไม่สนใจหญิงสาวตรงหน้า ซึ่งดูเหมือนว่าเธอเองก็จะไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

ชอมเบิร์กกดกริ่งเรียกพนักงานร้าน ก่อนที่จะสั่งนํ้าชาสองถ้วย ก่อนที่พนักงานจะรับทราบคำสั่ง ชอมเบิร์กก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนจะกล่าวกับพนักงาน “ขอเค้กที่ดีที่สุดในร้านสำหรับเด็กผู้หญิงหนึ่งคนด้วยครับ” สิ้นเสียงพนักงานก็พยักหน้าก่อนจะก้มหัวกลับไปเตรียมของมาไว้ที่โต๊ะของลูกค้าทันที เมื่อไม่มีพนักงานแล้วชอมเบิร์กก็หันกลับมาคุยกับหญิงสาวตรงหน้าต่อ

“ท่านหญิงแอเรียลเนี่ย… ดูเหมือนคนว่างงานจะทำเอาผมรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเลยนะครับ ฮ่าๆ” ชอมเบิร์กพูดจิกกัดเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้กล่าวแก้แต่อย่างไร

ชอมเบิร์กมองไปยังหญิงสาวที่ชื่อ แอเรียล เลโอฮาร์ท เธอมีผมสีบลอนด์ทองถูกมัดแบบเกล้ามวย ในตาสีแดงฉาน แต่งเครื่องแบบกึ่งทหารกึ่งขุนนางทั่วไป กิริยาท่าทางดูสมขุนนางชั้นสูง แต่บุคลิกของเธอมีแรงดึงดูดที่น่าลึกลับ ทั้งสง่างาม แต่ก็ไม่ได้ดูอ่อนแอ่ มันกลับดูมีอำนาจและทรงพลัง แม้แต่ตัวเขาก็๋ไม่อาจจะทำความเข้าใจได้ หรือเพราะว่าสายเลือดที่สืบกันมาของเธอกันแน่ สายเลืิอดของ

ราชินี อัสลาน เวก้า เดอะ เลโอฮาร์ท

ขณะที่ชอมเบิร์กคิดเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น แอเรียลก็กล่าวขึ้นมา

“ชอมนายควรหยุดพูดจาไร้สาระสักทีเถอะ ทางนี่ก็เตรียมเรื่องผู้สนับสนุนจนปวดหัวยิ่งกว่างานประชุมในสภาสูงเสียอีก ถ้าเป็นนายลูกน้องฉันก็ควรหยุดบ่นได้แล้ว” เธอชะงักสักพัก “และฉันมีงานให้นายได้ทำอีกครั้ง”

“เกี่ยวกับอะไรหรือครับ?”

“ขุนนางที่อยู่ในกองทัพคนหนึ่งเขาเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของฉัน เขากำลังนำกองทหารกลับจากอาณานิคม ถึงบรรดาศักดิ์ของขุนนางคนนั้นจะไม่ได้สูงมาก แต่ความสามารถทางทหารเขาสูงพอสมควร ถ้าว่างแล้วช่วยใช้อำนาจสภาเรียกตัวเขามาที่เมืองหลวงได้ไหม?” แอเรียลกล่าวเป็นเลศนัยพร้อมยื่นจดหมายฉบันหนึ่งให้ชอมเบิร์กและพูดเบาๆกับขุนนางหนุ่ม “เพื่อนฉันบอกว่าศึกที่ทูเดียสังหารนายทหารชั้นสูงไปหลายคน ชายคนนั้นอาจจะได้ตำแหน่งใหญ่ในไม่ช้า”

ชอมเบิร์กเบิกตากว้าง ไม่อาจจะเชื่อกับคำพูดของแอเรียลได้ นายพลที่มีประสบการณ์ของสหจักรวรรดินั้นเสียเนี่ยนะ? มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน? คำพูดของนายหญิงตรงหน้าของเขายากที่จะเชื่อได้ ยิ่งเป็นการต่อสู้ระหว่างอาณาจักรเล็กๆที่อ่อนแอ หรือว่าจะเป็นกองทัพพวกคลั่งศาสนากัน?

ชอมเบิร์กที่ตกอยู่ในห้วงความคิดส่ายหัวสะบัดความคิดที่ฟุ้งซ่านออกไป ก่อนจะรับทราบคำสั่งของ แอเรียล เลโอฮาร์ท

   กริ้งๆ เสียงกระดิ่งประตูดังขึ้นพร้อมเสียงของผู้หญิงสุดคุ้นหู

“คุณหญิง! ลีอามาเล่นด้วยแล้ว!”

“อย่าเสียงดังในร้านสิ ยัยสมองนก!”

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

[1] การวิ่งเต้น(lobby) คือ การโน้มน้าว/ต่อรองสมาชิกสภาหรือผู้มีอำนาจให้ทำหรือไม่ทำ(ตัดสินใจ) เพื่อประสานหาผลประโยชน์ ตัวอย่างเช่น โน้มน้าวให้กฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่ง ผ่าน หรือ ไม่ได้ผ่าน โดยอาจจะใช้วิธีแบบพบปะพูดคุยกับสมาชิกสภา >ถ้าข้อมูลผิดพลาดตรงไหนบอกได้นะคะ<

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด