ตอนที่แล้วWS บทที่ 198 การต่อสู้ระยะประชิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 200 สัญลักษณ์ปริศนา

WS บทที่ 199 เขียนเสือให้วัวกลัว


เวทมนต์คาถาอันสิ้นสุดได้ถาโถมเข้ามาใส่ร่างของเมอร์ลิน พ่อมดบาสโลว์และชายชราฮอดจ์ดอนเปิดเผยความรู้สึกอิ่มเอมใจเมื่อพวกเขาเชื่อว่าตอนนี้เมอร์ลินถูกเวทย์มนตร์จำนวนมหาศาลสังหารไปเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะได้ผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์ แสงอ่อน ๆ ได้ห้อมล้อมร่างกายของเมอร์ลินในทันที ในเวลาเดียวกันได้มีบางอย่างปรากฏขึ้นและได้ล้อมรอบเมอร์ลินในทันที

เมื่อได้เห็นเช่นนั้นสีหน้าของฮอดจ์ดอนกับบาสโลว์ก็เปลี่ยนไปทันทีท่าทางอย่างมาก เนื่องจากคาถาทั้งหมดนั้นถูกป้องกันโดยอะไรบางอย่าง มันน่าจะเป็นคาถาหรืออุปกรณ์เวทมนต์

“พวกมันทำอะไรไม่ได้เลยหรือ?”

ชายชราฮอดจ์ดอนไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมอร์ลินไม่ใช่นักเวทย์ระดับสาม พวกเขาเห็นตรงกันว่าเขาเป็นนักเวทย์ระดับเริ่มต้นเท่านั้น

ด้วยจำนวนเวทมนต์อันมหาศาลนี้ ต่อให้เมอร์ลินเป็นนักเวทย์ระดับก็ไม่มีทางป้องกันได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน เว้นเสียแต่เขาจะมีคาถาป้องกันระดับสาม

*หวู่ม!*

ทันใดนั้น แสงสายฟ้าได้ปรากฏขึ้นมาและลูกบอลสายฟ้าขนาดเท่ากำปั้นก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของทุกคนอย่างไม่คาดคิด

ในเวลาเดียวกัน ลูกบอลฟ้าร้องเหล่านี้ก็ปล่อยสายฟ้าแพ่ออกมาโดยรอบซึ่งมันมีพลังรุนแรงมาก

“ลูกสายฟ้า!”

เสียงของเมอร์ลินมาจากภายในกลุ่มควันอันหนาทึบ เบื้องหน้าของเขามีรูปปั้นผู้พิทักษ์เรืองสงออกมา เขาได้ใช้คาถารูปปั้นผู้พิทักษ์แบบเสริมพลังที่ร่ายผ่านอุปกรณ์เวทมนต์

“เขาไม่ตาย! เขาต้องมีอุปกรณ์เวทมนต์แบบเสริมพลังอย่างแน่นอน มันทำให้คาถาระดับหนึ่งที่เขาใช้เทียบเท่ากับคาถาระดับสาม!”

การแสดงออกของบาสโลว์เปลี่ยนไป ถ้าเขาไม่เห็นมันด้วยตาของเขาเอง เขาคงไม่เชื่อว่าจะอุปกรณ์เวทมนต์ที่สามารถทำได้ถึงขนาดนี้ แม้ว่ารูปปั้นผู้พิทักษ์จะเป็นคาถาป้องกันระดับหนึ่งแต่มันเทียบเท่ากับคาถาระดับสาม

นอกจากอุปกรณ์เวทมนต์แล้ว บาสโลว์ไม่สามารถคิดวิธีอื่นที่จะทำให้คาถาดั้งเดิมเพิ่มพลังได้มากขนาดนี้

อย่างไรก็ตามบาสโลว์ไม่คิดจะถอย เขากลับร่ายเวทย์ป้องกันใส่ตัวเองอย่างรวดเร็วและพุ่งเข้าหาเมอร์ลิน สีหน้าของเผยใหเห็นถึงความบ้าคลั่งเยี่ยงเดรัจฉาน

ในขณะเดียวกัน ชายชราฮอดจ์ดอนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุด เขาก็เหลือบมองรูปปั้นผู้พิทักษ์สีเทาซึ่งสร้างขึ้นต่อหน้าเมอร์ลินและส่ายหัว เขารู้ว่าเขาไม่มีความสามารถในการทำลายพวกมัน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจร่ายคาถาธาตุลมและร่างของเขาก็ถอยห่างไปอย่างรวดเร็ว

“หืม? ต้องการจะไปอย่างนั้นเหรอ เสียใจด้วย มันสายเกินไปแล้ว!”

เมอร์ลินหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาได้ร่ายลูกสายฟ้าซึ่งเป็นคาถาโจมตีแบบวงกว้าง พ่อมดพเนจรที่ไม่ใช่นักเวทย์ระดับหนึ่งได้ส่งเสียงกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาน ก่อนที่ร่างกายของพวกเขาจะระเหยกลายเป็นไอในที่สุด

นี่คือการสังหารหมู่ที่แท้จริง แม้แต่โฮมุนครุสก็ทำการสังหารหมู่ได้แบบเมอร์ลิน มันเป็นคาถาที่กว้างและทรงพลัง หากปราศจากความช่วยเหลือจากคาถาป้องกันที่แข็งแกร่งหรืออุปกรณ์เวทมนต์สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็คือความตาย

ในขณะเดียวกันลูกสายฟ้าไม่ได้มีผลมากนักต่อนักเวทย์ระดับสองมากนัก เว้นแต่เมอร์ลินจะใช้ลูกสายฟ้าแบบเสริมพลัง อย่างไรก็ตาม ด้วยความสามารถของพ่อมดบาสโลว์และชายชราฮอดจ์ดอนจึงไม่แปลกเลยที่ลูกสายฟ้าของเขาไม่สามารถอันตรายพวกเขาได้มากนัก

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เมอร์ลินก็จ้องมองพวกเขาอย่างเยือกเย็น เขาจะไม่ยอมโอนอ่อนต่อผู้ที่คิดจะฆ่าเขา

“พลังปีศาจแพนโดร่า ดัชนีเยือกแข็ง!” นิ้วสีขาวของเมอร์ลินที่คล้ายกับผลึกน้ำแข็งชี้ไปที่บาสโลว์แผ่วเบาๆ

*ครึ่ก!*

ด้วยเสียงสายลมอันอ่อนโยน ร่างกายของบาสโลว์ถูกแช่แข็งในพริบตาในขณะที่เขายังคงพุ่งมาหาเมอร์ลิน แม้แต่การแสดงออกทางสีหน้าของเขาก็มีชีวิตชีวาราวกับภาพวาดที่ไร้ซึ่งความเปลี่ยนแปลง

*ครึ่ก เปรี้ยะ!*

ทันใดนั้นผลึกน้ำแข็งแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ร่างของบาสโลว์ได้แหลกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจายไปทั่วพื้นดิน

ดัชนีเยือกแข็งของเมอร์ลินไม่เพียงแต่ทำให้บาสโลว์กลายผลึกน้ำแข็งเท่านั้น สาลมหนาวยังคงล่าไล่ชายชราฮอดจ์ดอนอย่างไม่ลดละ

ชายชราฮอดจ์ดอนพร้อมที่จะเสกคาถาธาตุลมเพื่อหลบหนีทันที เมื่อเขาได้เห็นฉากที่บาสโลว์ถูกแช่แข็งและแตกเป็นชิ้น ๆ นับไม่ถ้วน

แม้แต่ชายชราผู้รอบรู้อย่างฮอดจ์ดอนก็ยังรู้สึกหวาดกลัวในทันที ร่างกายทั้งร่างของเขาสั่นสะท้านอย่างไม่อาจคงความสงบไว้ได้ แสดงให้เห็นว่าในใจเขาหวาดกลัวเพียงใด

“นั่นอะไรน่ะ เวทย์มนตร์หรืออุปกรณ์เวทมนต์?”

ชายชราฮอดจ์ดอนไม่รู้จักพลังปีศาจแพนโดร่าแต่เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะสกัดกั้นการโจมตีหลังจากเห็นสภาพที่น่าสังเวชของบาสโลว์ เขาตั้งใจจะโผทะยานและบินไหนไป

อย่างไรก็ตามดัชนีเยือกแข็งของเมอร์ลินนั้นเร็วกว่า ไอเย็นได้จับชายชราฮอดจ์ดอนเอาไว้และร่างกายของเขาก็เริ่มแข็งทันที

“ไม่ ไม่ เสื้อคลุมของข้า รีบป้องกันการโจมตีนี้…”

ชายชราฮอดจ์ดอนมีเทคนิคมากมายที่จะหลบหนี เขายังมีอุปกรณ์เวทมนต์อยู่สองสามชิ้นแต่เสื้อคลุมของเขาไม่มีพลังที่มากพอจะรับมือดัชนีเยือกแข็ง ตอนนี้ฮอดจ์ดอนถูกห้อมล้อมด้วยลมหนาวอันเยือกเย็นโดยไร้ซึ่งทางป้องกัน

*ครึ่ก!*

ผลึกน้ำแข็งแตกออกและร่างของชายชราฮอดจ์ดอนก็จบลงแบบเดียวกับบาสโลว์ ร่างกายของเขาแตกเป็นผลึกน้ำแข็งชิ้นเล็กชิ้นน้อย

‘ชายชราฮอดจ์ดอนและพ่อมดบาสโลว์ตายแล้ว! ขนาดนักเวทย์ระดับสองยสองคนไม่สามารถป้องกันตัวได้เลย พวกเขาได้ถูกสังหารในชั่วพริบตา’

แม้ว่าการต่อสู้จะไม่นองเลือดแต่ก็ทำให้พวกเขาหนาวสั่นไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะพ่อมดพเนจรที่ตัวชาจากผลกระทบของลูกสายฟ้า

หลังจากที่ได้เห็นเมอร์ลินที่กำจัดพ่อมดบาสโลว์ที่ทรงพลังและชายชราฮอดจ์ดอนที่ทักษะเอาตัวรอดนับไม่ถ้วน ทำให้พวกเขาสูญเสียความตั้งใจที่จะต่อสู้ไปทั้งหมด พวกเขาร่ายคาถาช่วยชีวิตตามลำดับและพยายามหนีจากระยะการโจมตีของลูกสายฟ้า

พ่อมดพเนจรที่ยังไม่ถูกสังหารโดยลูกสายฟ้าในรอบแรก พวกเขาส่วนใหญ่เป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังมีคาถาป้องกันอันทรงพลังหรืออุปกรณ์เวทมนต์ที่ติดตัวมาตลอดจนถึงตอนนี้

เมื่อถึงจุดนี้ พ่อมดพเนจรเหล่านี้เสียใจกับการตัดสินใจของพวกเขา พวกเขาคิดว่าเมอร์ลินอ่อนแอแต่ไม่คิดว่าเมอร์ลินจะมีพลังมหาศาลขนาดนี้ เขายังมีคาถาโจมตีแบบวงกว้างที่สังหารพ่อมดพเนจรไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง

“รีบหนีเร็วเข้า นักเวทย์หนุ่มคนนั้นคือตัวอันตรายอย่างแท้จริง!”

พ่อมดพเนจรหลายคนพยายามดิ้นรนที่จะออกจากระยะโจมตีของลูกสายฟ้าของเมอร์ลิน หลังจากจ่ายราคาจำนวนมาก พวกเขาไม่รีรอที่จะจากไป ในขณะที่พวกเขาวิ่งไปยังทิศทางที่ตรงกันข้ามกับโบราณอสถานอย่างหวาดกลัว พวกเขาไม่กล้าเข้าใกล้ที่นั่นอีกเลย

ในไม่ช้าเมอร์ลินก็หยุดร่ายลูกสายฟ้า เขาหันไปมองศพไหม้เกรียมนอนอยู่บนพื้น

ในตอนแรกสถานที่แห่งนี้มีพ่อมดพเนจรหลายร้อยคนแต่ตอนนี้เหลือเพียงห้าสิบคนเท่านั้นที่สามารถหลบหนีหรือเอาตัวรอดไปได้

“โหดเหี้ยม อำมหิตมาก นักเวทย์หนุ่มคนนี้เป็นใคร เขาน่ากลัวเกินไปแล้ว นอกจากคาถาระดับหนึ่งแล้ว เขายังมีคาถาโจมตีแบบวงกว้างซ฿งไม่ค่อยได้พบเห็นบ่อยนัก”

พ่อมดพเนจรซึ่งสามารถเอาชีวิตรอดได้ เขาหันไปจ้องไปที่ร่างของเมอร์ลินด้วยความหวาดกลัว คาถาแบบวงกว้างนั้นมีค่ามากสำหรับพ่อมดพเนจร พวกเขาหลายคนไม่เคยเห็นคาถาโจมตีในลักษณะนี้มาก่อน

แม้แต่นักเวทย์ระดับสามอย่างพ่อมดแซมเมียรซึ่งถือว่าเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลัง เขามีเพียงคาถาควบคุมแบบวงกว้างเท่านั้นแต่เขาไม่มีคาถาโจมตีแบบวงกว้างเลย

แต่ความสามารถในการโจมตีปแบบวงกว้างนั้น ไม่ได้ทรงพลังเท่าคาถาเป้าหลายเดี่ยว

ด้วยเหตุนี้ นักเวทย์จำนวนมากจึงไม่ต้องการสร้างคาถาโจมตีแบบวงกว้างเพราะท้ายที่สุดแล้วนักเวทย์ส่วนใหญ่เลือกได้แค่สามคาถาเท่านั้น หลายคนเลือกที่จะสร้างคาถาโจมตีเป้าหมายเดียว คาถาป้องกันและคาถาควบคุม

แม้แต่นักเวทย์สี่ธาตุ เวทมนตร์อันที่สี่ของเขามักจะเป็นคาถาเสริมความเร็ว ดังนั้นนักเวทย์ จึงไม่ค่อยเลือกที่จะสร้างคาถาโจมตีแบบวงกว้างอย่างเมอร์ลิน

อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินไม่มีข้อจำกัดดังกล่าว เพราะเขาเป็นนักเวทย์หกธาตุ เขามีคาถามากมาย ดังนั้นเขาจึงสามารถเลือกที่จะสร้างคาถาได้หลายประเภท นอกจากนี้ นี่เป็นครั้งแรกของเมอร์ลินที่ใช้คาถาโจมตีแบบวงกว้างอย่างลูกสายฟ้าและผลลัพธ์ก็ค่อนข้างน่าพึงพอใจ

ฉากที่น่าสยดสยองที่พวกเขาได้ประสบพบเจอในวันนี้อาจถูกจารึกไว้ในความทรงจำของพวกเขา ผู้ซึ่งโชคดีที่สามารถเอาชีวิตรอกออกมาได้

...

พ่อมดเกล็นและกลุ่มของเขาซึ่งซ่อนตัวอยู่นานในมุมเล็ก ๆ ได้เบิกตัวกว้างมองมาทางเมอร์ลิน

การโจมตีด้วยคาถาจำนวนมากทำให้พวกเขาคิดว่าเมอร์ลินไม่มีโอกาสป้องกันตัวเองได้เลย พ่อมดเกล็นยอมรับกับตัวเองว่าเขาไม่สามารถต้านทานการโจมตีจำนวนนั้นได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ก็เกินความคาดหมายมาก เมอร์ลินไม่เพียงป้องกันการโจมตีเหล่านั้นเท่านั้นแต่เขายังสามารถตอบโต้ได้ทันที ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เขาได้กำจัดนักเวทย์ระดับสองที่ทรงพลังอย่างพ่อมดบาสโลว์และชายชราฮอดจ์ดอน

การตายของบาสโลว์เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ในขณะที่เขาถึงแม้จะแข็งแกร่งแต่ก็ด้อยกว่าชายชราฮอดจ์ดอนในแง่วิธีเอาตัวรอด อย่างไรก็ตาม ชายชราฮอดจ์ดอนที่สามารถวิ่งหนีจากนักเวทย์ระดับสามกลับไม่รอดจากเงื้อมมือของเมอร์ลินและตายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว

เมื่อระลึกถึงความตายของพวกเขาและสายลมหนาวพวกนั้น ทำให้พ่อมดเกลนและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างขวัญเสียทันที

“แข็งแกร่ง แข็งแกร่งมาก! พ่อมดเมอร์ลินมีศักยภาพมากกว่าไคลส์เสียอีก! เอเลน่า ได้พบว่าอัจฉริยะที่แท้จริงได้ปรากฏตัวอีกครั้งในดินแดนมนต์ดำ นักเวทย์หกธาตุผู้ซึ่งมีพลังที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้!”

พ่อมดเคนผู้เคยโกรธเคืองกับท่าที "เย่อหยิ่ง" ของเมอร์ลินก่อนหน้านี้ แต่พอเขามานึก ๆ ดูแล้วด้วยศักยภาพของเขา เขามีสิทธิ์ที่จะอวดเบ่งเช่นนั้นได้

ในตระกูลเดลแมน เขาถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะแต่เขาอยู่สังกัดเมืองแห่งอัคคี แน่นอนว่าเขาไม่สามารถเทียบได้กับนักเวทย์หกธาตุที่ทรงพลังอย่างเมอร์ลิน

“พ่อมดเมอร์ลินเติบโตเร็วมาก…”

จู่ๆ เอเลน่าก็อุทานออกมาด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เธอรู้เกี่ยวกับความสามารถของเมอร์ลินมาก่อน ในที่อยู่ในดินแดนมนต์ดำ แม้เขาจะสามารถเอาชนะนักเวทย์ระดับหนึ่งได้แต่พลังของเขาก็ไม่แข็งแกร่งเท่ากับตอนนี้อย่างแน่นอน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมอร์ลินได้พัฒนาความสามารถของเขาจนน่ากลัวภายในระยะเวลาอันสั้นภายในเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น ที่สำคัญที่สุด คาถาที่เมอร์ลินใช้ก่อนหน้านี้คือคาถาระดับหนึ่งทั้งหมด เป็นไปได้สูงที่เมอร์ลินจะกลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง นี่เป็นเงื่อนไขที่จะกำจัดสถานะของสมาชิกชั่วคราวในดินแดนมนต์ดำทิ้งไปและในที่สุดก็กลายเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการในที่สุด เอเลน่ารู้สึกอิจฉา เมอร์ลินมากขึ้นในเรื่องนี้

*ชิ้ง!*

ทันใดนั้นเอง สีหน้าของพ่อมดเกล็นก็เปลี่ยนไป เขามองเห็นได้ชัดเจนว่าสายตาของเมอร์ลินมุ่งตรงมายังตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด