ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 77 ประมุขนิกายหลัวหยู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 79 พบโดยบังเอิญ

80Y-ตอนที่ 78 องค์หญิงหยูหลิน


หลังจากได้รับคำแนะนำจากประมุขนิกายหลัวหยู แล้ว จักรพรรดิเต๋อ ก็รู้วิธีการพัฒนาตนเองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและเตรียมพร้อมสำหรับก้าวผ่านอาณาจักรพลังต่อไป

เขาพยายามหลีกเลี่ยงการร่วมรักในอีกสามเดือนข้างหน้านี้เพื่อรักษาสถานะสูงสุดของร่างกายของเขา และในที่สุดเขาก็จะสามารถทะลวงผ่านขั้นปราชญ์การต่อสู้ได้

‘ในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ไม่เคยมีปราชญ์การต่อสู้อายุ 18 ปีมาก่อน…’

‘ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิพระบิดาหรือเสด็จปู่จักรพรรดิ พวกเขาทั้งคู่ล้วนเป็นผู้ปกครองที่ชาญฉลาดในรุ่นของพวกเขาเอง ข้อเสียเพียงอย่างเดียวที่พวกเขามีก็คือพวกเขาเสียชีวิตเร็วเกินไป’

จักรพรรดิเต๋อไม่ต้องการเดินรอยตามวิธีเก่าของจักรพรรดิพระบิดาและเสด็จปู่จักรพรรดิของเขา

จักรพรรดิหยวนและจักรพรรดิหมิงล้วนเป็นผู้ปกครองที่ชาญฉลาด

พวกเขาปฏิรูปโลก และ ยังสามารถช่วยเหลือราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาจากการล่มสลาย

ความสำเร็จของพวกเขาไม่มีใครปฏิเสธได้

แต่ทว่า ทั้งจักรพรรดิหยวนและจักรพรรดิหมิงล้วนมีช่วงอายุที่สั้นมาก

การปฏิรูปของพวกเขาเสร็จสมบูรณ์ภายใต้ความพยายามของทั้งคู่

แต่ทว่าแต่ละคนก็มีพระชนม์อายุเพียงแค่ 10 กว่าปีเท่านั้นในฐานะองค์จักรพรรดิ กระทั่งรวบรวมผลงานหลังจากขึ้นครองราชย์พวกเขาก็มีช่วงเวลาไม่เกิน 30 ปี

จักรพรรดิเต๋อ ไม่ต้องการเดินเส้นทางเดียวกับ บิดา และ ปู่ของเขา

ดังนั้นนอกจากศึกษาด้านการบริหารบ้านเมือง เขาก็แสวงหาเส้นทางการบ่มเพาะพลังเช่นเดียวกัน

เขาต้องการเสริมสร้างรากฐานร่างกายที่แข็งแกร่งและมีชีวิตที่ยืนยาว

เขาต้องการที่จะเป็นจักรพรรดิที่มีอายุยืนที่สุดของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา

เขาต้องการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในฐานะจักรพรรดิร่วมกันกับภรรยาของเขา

หลังจากออกจากนิกายเส้นทางสวรรค์ จักรพรรดิเต๋อ ก็กลับไปที่พระราชวังต้องห้ามและส่งจดหมายถึงจักรพรรดินีพระมารดาบอกว่าเขาต้องการปลีกวิเวกในอีกสามเดือนต่อจากนี้ เขาจะไม่ออกไปไหนในช่วงเวลานี้

เขาต้องการทะลวงผ่านขั้นพลังปราชญ์การต่อสู้

ในตำหนักของจักรพรรดินีพระมารดา,จักรพรรดินีของ หลินเทียนหยวน และ ตอนนี้เป็นพระมารดาของ จักรพรรดิเต๋อ

นางอายุเพียงแค่ 30 กว่าเท่านั้น นางดูไม่แก่เลย

นางอยู่ในวัยที่โตเต็มที่ในฐานะสตรีเพศ

ถึงแม้ว่านางจะอายุเริ่มมาก และ โตเต็มที่แล้ว

แต่นางก็มักจะแต่งกายด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย ให้บรรยากาศความรู้สึกแห่งความสง่าและงดงาม

ในฐานะผู้หญิงที่ดูแลงานราชกิจของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวามาตลอดหลายปี ทักษะในการจัดการของนางไม่สามารถหักล้างได้

ครั้งหนึ่งนางสามารถจัดการวังหลังของจักรพรรดิได้อย่างเป็นระเบียบ ถ้าไม่ใช่เพราะเผ่าวิญญาณขุนเขาได้ใช้เล่ห์กลบางอย่าง หลินเทียนหยวน ก็อาจจะมีความสุขไปกับสนมวังหลังของเขาตลอดชีวิต

นี่คือทักษะและความสามารถในการจัดการของนาง

หลังจากการตายของหลินเทียนหยวน นางก็เริ่มดูแลงานราชกิจของราชสำนักแทน

นางจัดการได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ทำให้ได้รับคำชมอย่างไม่รู้จบจากเจ้าหน้าที่ในราชสำนักรอบตัวนาง

“วันนี้ฝ่าบาทเสด็จไปยังนิกายเส้นทางสวรรค์อีกแล้วหรือไม่?”

จักรพรรดินีพระมารดาได้มองไปที่จักรพรรดิเต๋อที่ดูตื่นเต้นและกล่าวถาม

“ขอรับ เสด็จแม่...ข้าพบวิธีที่จะทะลวงผ่านขั้นปราชญ์การต่อสู้แล้ว ในอีกสามเดือนต่อมา ข้าจะกลายเป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นปราชญ์การต่อสู้”จักรพรรดิเต๋อกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

จักรพรรดินีพระมารดาได้กล่าวถามอย่างประหลาดใจ“จริงเหรอ?”

“ขอรับ! เสด็จแม่พูดอยู่เสอมว่าคนของนิกายเส้นทางสวรรค์มีความตั้งใจที่ดี พวกเขาเคยแก้ไขปัญหาให้กับราชวงศ์ของพวกเราอีกทั้งยังสอนสั่งข้า…”

“นอกจากนี้ยังไม่เคยมีปราชญ์การต่อสู้อายุ 18 ปีปรากฏขึ้นในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาของเรามาก่อน”จักรพรรดิเต๋อกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

เขาไว้วางใจประมุขนิกายหลัวหยูเป็นอย่างมาก

อารมณ์แห่งความสุขเดิมของจักรพรรดินีพระมารดาได้ดับลงในทันที

นางอดไม่ได้ที่จะตอบกลับ“ลูกข้า เจ้าคือจักรพรรดิ เจ้าไม่สามารถไว้ใจคนแปลกหน้าทั้งหมดได้ แม้ว่าประมุขนิกายหลัวหยู จะไม่มีเจตนาร้ายต่อเจ้า แต่เจ้าก็ห้ามเชื่อใจใครอย่างเต็มที่!”

ความตื่นเต้นของจักรพรรดิเต๋อได้หายไปทันที

เขาทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมา“เสด็จแม่พูดถูก ข้าเข้าใจแล้ว”

จักรพรรดินีพระมารดาต้องการจะพูดอะไรมากกว่านี้ แต่จักรพรรดิเต๋อได้โค้งคำนับและตอบกลับโดยตรง“ข้าต้องการที่จะฝึกฝนต่อ ดังนั้นงานราชกิจต้องรบกวนเสด็จแม่แล้ว ไม่ว่าจะอย่างไร ท่านก็มีความรู้ความเข้าใจมากกว่าข้า”

จักรพรรดินีพระมารดา เฝ้ามองไปที่จักรพรรดิเต๋อที่จากไปอย่างฉุนเฉียว

นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

“ความดื้อรั้นของเขาเหมือนกับพ่อของเขา แม้แต่ความภาคภูมิใจของเขาก็เหมือนกันทุกประการ…”

จักรพรรดิเต๋อคล้ายกับหลินเทียนหยวนมาเกินไป

โดยเฉพาะอารมณ์และการแสดงท่าที

ทุกอย่างของเขาแทบจะแกะสลักออกมาจากแม่พิมพิ์เดียวกันกับ หลินเทียนหยวน

“พ่อของเจ้ามีเสด็จลุงคอยสนับสนุน แต่เจ้า…”

“ข้าสามารถติดต่อเสด็จลุงได้ แต่เจ้าไม่ นั่นหมายความว่าเสด็จลุงไม่ได้รู้สึกอะไรกับเจ้ามากขนาดนั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเจ้าถือว่าประมุขนิกายหลัวหยูเป็นผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจ้า นี่ช่างเป็นความคิดที่ไร้เดียงสา”จักรพรรดินีพระมารดาได้ถอนหายใจออกมา

นางกังวลเรื่องนี้อย่างแท้จริง

‘เหล่าผู้คนจากที่ราบและชนเผ่าเซียนเป่ย กำลังรวมตัวกันเพื่อสร้างขุมพลังใหม่ที่เรียกว่า กองกำลังเหยี่ยวมังกร!’

“กองกำลังเหยี่ยวมังกรมักจะบุกรุกอาณาเขตของพวกเราอยู่เสมอ หน่วยข่าวกรองได้รายงานมาว่า มีสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวบางอย่างยืนอยู่ข้างพวกเขา ทำให้พวกเขากล้าที่จะเคลื่อนไหว และ มันเป็นขุมพลังที่เราไม่สามารถประเมินได้”

“แต่ทว่าเจ้ากลับไม่เคยกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยจริง ๆ …”

จักรพรรดินีพระมารดา รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย

บางทีลูกชายของนางอาจจะไม่เหมาะสมที่จะเป็นจักรพรรดิแต่ควรเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่แท้จริงมากกว่า

แต่นางไม่มีทางเลือก

นางมีเพียงลูกชายและลูกสาวเพียงคนเดียว

ยิ่งไปกว่านั้นราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาก็ไม่เคยอนุญาติให้สตรีขึ้นครองบัลลังก์มาตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์เมื่อหลายร้อยปีก่อน

ดังนั้นมีเพียงจักรพรรดิเต๋อเท่านั้น

แต่การกระทำของจักรพรรดิเต๋อได้สร้างความเหนื่อยล้าให้กับจักรพรรดินีพระมารดาอย่างมาก

‘ข้าควรจะบอกเขาหรือไม่ว่าเขามีปู่ทวดที่ทรงพลังมากกว่านิกายเส้นทางสวรรค์’ จักรพรรดินีพระมารดาได้ครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ

นางได้ใช้มือหนุนศีรษะของนาง การกระทำอันละเอียดอ่อนของนางและความกังวลบนใบหน้าทำให้เกิดภาพอันงดงามที่ไม่มีใครเคยเห็น

หลินจิ่วเฟิง ปู่ทวดของจักรพรรดิเต๋อ

เป็นเวลากว่าหลายสิบปีแล้วนับตั้งแต่เขามาถึงโลกนี้

หลินจิ่วเฟิง ยังรู้สึกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรมากมาย แต่เขาได้กลายเป็นปู่ทวดไปแล้ว

วันนี้เจ้าแมวขาวได้ถาม หลินจิ่วเฟิง เกี่ยวกับการทำงานภายในราชวงศ์

หลินจิ่วเฟิง ได้กอดเจ้าแมวขาวและอธิบายเกี่ยวกับการทำงานภายในราชวงศ์อย่างช้า ๆ

ขณะที่เขาพูด หลินจิ่วเฟิง ก็ได้ตระหนักว่าตนเองเป็นปู่ทวดไปแล้ว

เขาเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของจักรพรรดิหยวน

จักรพรรดิหมิงเป็นหลานชายของเขา

จักรพรรดิเต๋อเป็นลูกของหลานชายของเขา

พวกเขามีเชื้อสายเดียวกัน

ลูกขององค์ชายคนอื่น ๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ หลินจิ่วเฟิง

แต่สายเลือดโดยตรงของจักรพรรดิหยวนยังมีความใกล้ชิดกับ หลินจิ่วเฟิง อยู่บ้าง

หลินเทียนหยวน มีลูกสองคน ลูกชายและลูกสาวอย่างละคน

ลูกชายของเขาก็คือจักรพรรดิเต๋อ

ส่วนลูกสาวได้รับพระราชทานยศเป็นองค์หญิงหยูหลิน

องค์หญิงหยูหลิน เป็นน้องสาวของจักรพรรดิเต๋อ และ เป็นลูกสาวของ หลินเทียนหยวน เป็นองค์หญิงเพียงคนเดียวของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา

นางมีสถานะสูงส่ง

“เจ้าไม่เคยพบหลานของเจ้าเลย?”เจ้าแมวขาวได้กล่าวถาม

“ทำไมข้าจะต้องไปพบ?พวกเขาต่างก็มีชีวิตเป็นของตัวเองซ้ำข้ายังไม่เคยข้องเกี่ยวกับข้าตลอดชีวิตของพวกเขา เหตุใดข้าจะต้องไปหาพวกเขา?”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

“ชีวิตนั้นยาวนานเกินไป เจ้าดูจะพูดเรื่องพวกนี้เร็วเกินไปหน่อย”

เจ้าแมวขาวได้ปฏิเสธหลินจิ่วเฟิง

“แต่ข้ารู้สึกว่าตนเองอาจจะไม่ไปพบพวกเขาตลอดชีวิต”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวอย่างมั่นใจ

เขาสามารถมีอายุอยู่ได้นานนับพันปี

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งคู่ยังอยู่ในส่วนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของเมืองหลวง ในขณะที่ หลินจิ่วเฟิง ได้อาศัยอยู่ในตำหนักเย็น ที่ไม่มีใครสนใจ

ดังนั้นพวกเขาจะมีการติดต่อกันได้อย่างไร?

เจ้าแมวขาวได้พึมพัมออกมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าอีกไม่นานเจ้าจะได้พบกับหลานของเจ้า”

หลินจิ่วเฟิง ยิ้มและไม่ได้พูดอะไร

เขาเอื้อมมือไปลูบเจ้าแมวขาว และ ไม่ได้หักล้างคำพูดของมัน

ถึงกระนั้นเขาก็ปฏิเสธที่จะเชื่อคำพูดของเจ้าแมวขาว

ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา พระราชวังต้องห้าม

สตรีสาวสวยนางหนึ่งในชุดคลุมผ้าที่งดงามพร้อบกับรอยยิ้มหวาน ๆ ได้เดินเข้าไปยังสถานที่เก็บพระธาตุอันล้ำค่าของจักรพรรดิหยวนและจักรพรรดิหมิง

“ต้องมีสมบัติซ่อนอยู่ในที่เก็บพระธาตุของเสด็จพ่อและเสด็จปู่อย่างแน่นอน!”

“พี่ชายจักรพรรดิ ก็ฝึกฝนทุกวันคืน เขาถึงกลับกล้าเยาะเย้ยข้าและสงสารความสามารถอันน้อยนิดของข้า ช่างเหลวไหลสิ้นดี ข้าจะต้องมองหาสมบัติและแข็งแกร่งขึ้นจนทำให้พี่ชายจักรพรรดิมองข้าใหม่ให้ได้!”

เด็กสาวบริสุทธิ์ได้มองหากองวัตถุขนาดใหญ่อย่างตื่นเต้น

นางก็คือองค์หญิงเพียงคนเดียวของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา องค์หญิงหยูหลิน

นางได้รับความสนใจมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่นางไม่ได้พัฒนาบุคลิกที่เย่อหยิ่งของนาง กลับกันบุคคลิกของนางกลับดูน่ารักน่าเอ็นดูอย่างมาก ทำให้ผู้คนรู้สึกเห็นอกเห็นใจ

นางรู้วิธีที่จะสงสารคนแปลกหน้า

โดยรวมแล้วนางเป็นเด็กสาวที่น่ารักมาก

“หืม อะไรกันเนี่ย เหตุใดมันถึงมาอยู่ในสถานที่เก็บพระธาตุของเสด็จปู่?”องค์หญิงหยูหลินได้ค้นพบกุญแจบางอย่าง

มันดูเก่ามากและไม่น่าจะใช่สำหรับพระราชวังนี้

นางได้มองดูมันอย่างสนใจ

“มันคือกุญแจเปิดพระราชวังของอ๋องเจิ้นเป่ย!”

องค์หญิงหยูหลินขมวดคิ้วแน่นและคิดอย่างรอบคอบ

นางเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

“อ๋องเจิ้นเป่ย นี่คือ ท่านอ๋องที่เสียชีวิตมาตั้งแต่หลายปีก่อนมิใช่หรือ?”

“ท่านอ๋องนี้ถูกคุมขังในพระราชวังของตนเอง หลังจากเขาเสียชีวิต พระราชวังก็ถูกเปลี่ยนเป็นตำหนักเย็นในเวลาต่อมา”องค์หญิงหยูหลิน ได้ขมวดคิ้วแน่น

“เหตุใด เสด็จปู่จักรพรรดิ ถึงเก็บกุญแจนี้ไว้?”

“อีกทั้งเขายังจงใจซ่อนมันอีก?”

ดวงตาของ องค์หญิงหยูหลินค่อย ๆ สว่างขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด