ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 72 ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 74 นิกายเส้นทางสวรรค์

80Y-ตอนที่ 73 ความตายของจักรพรรดิ


จากช่วงเวลาที่เขาปรากฏตัวในค่ายจนกระทั่งสิ้นสุดการเจรจา ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น

เจ้าแมวขาวมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง อย่างตกตะลึง

“พวกเจ้าสองคนตกลงกันง่ายขนาดนี้เลยหรือไม่?”

เจ้าแมวขาวมองไปที่อีกฝ่ายด้วยความสับสน

“แน่นอน ความตั้งใจที่แท้จริงของนางไม่ใช่แค่เพื่อตอบแทนหนี้บุญคุณให้กับข้า ไม่อย่างนั้น นางคงจะทำมันตั้งแต่ช่วง 2-3 ปีแรกที่ข้าถูกเนรเทศไปยังตำหนักเย็นแล้ว”

“แต่นาง…”

“นางเพียงแค่นึกถึงข้าได้ตอนที่นางรู้ว่าจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของนางไม่สมบูรณ์เพราะเป็นหนี้ข้า”

“การชำระหนี้บุญคุณนี้คืนเท่านั้นจึงจะเป็นการแก้ไขปัญหานี้ของนาง ดังนั้นข้าถึงบอกว่านางไม่ได้คิดที่จะแสดงความจริงใจในการตอบแทนบุญคุณข้า”

“นางเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมาก แต่ข้าก็ไม่คิดจะโกรธนางเพราะข้าไม่ได้ใส่ใจ”

“หลังจากที่ปัญหาของนางได้รับการแก้ไข ข้าก็คงได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากยุคก่อนหน้านี้ ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับนางก็ถือเป็นอันสิ้นสุด”

“นี่ไม่ได้เรียกสถานการณ์นี้ว่าการได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่ายหรอกเหรอ?”

หลินจิ่วเฟิง ได้ลูบเจ้าแมวขาวและอธิบาย

“เจ้าสงบสติอารมณ์แบบนี้ได้ยังไงกัน เจ้าค้นพบว่าอีกฝ่ายมีเจตนาซ่อนเร้นในการชำระหนี้บุญคุณ แทนที่เจ้าจะโกรธ เจ้ากลับยังคงรักษาเหตุผลในการคว้าผลประโยชน์ให้กับตัวเอง”

เจ้าแมวขาวรู้สึกประทับใจมาก

“นั่นคือเหตุผลที่เจ้าควรระวังตัวเอาไว้”

เมี้ยว!

เจ้าแมวขาวได้เกาไหล่ของ หลินจิ่วเฟิง ด้วยความโกรธ

แน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย

แต่เป็นเจ้าแมวขาวที่รู้สึกเจ็บที่เล็บของมันแทน

เจ้าแมวขาวที่โกรธเคืองได้หันศีรษะและเพิกเฉยต่อการกระทำของ หลินจิ่วเฟิง

หลินจิ่วเฟิง มองไปที่รูปลักษณ์ที่ไร้เดียงสาของมัน

เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

อารมณ์ของหลินจิ่วเฟิงในเวลานี้ดีขึ้นมาก

อย่างที่คาดไว้ ความสุขในการเลี้ยวแมวเป็นสิ่งที่คนที่ไม่ได้เลี้ยงไม่สามารถเข้าใจได้

หลินจิ่วเฟิง กลับไปที่เมืองหลวงอย่างรวดเร็ว

ในเวลานี้เมืองหลวงได้เริ่มมืดลงแล้ว

ไม่มีใครเดินไปมาบนท้องถนน

หลินจิ่วเฟิง ได้เดินเข้าไปในตำหนักเย็นพร้อมกับเจ้าแมวขาว

เขากำลังจะเข้าไปทันใดนั้น…

ตึง!

ตึง!

ตึง!

ในพระราชวังเสียงระฆังได้ดังขึ้นเก้าครั้งติดต่อกัน

ดวงตาของ หลินจิ่วเฟิง หรี่ลงเล็กน้อยขณะที่เขาหันศีรษะมองไปที่ทางพระราชวังในทันที

เมื่อ 10 กว่าปีก่อนเขาเคยได้ยินเสียงระฆังนี้

มันเป็นการประกาศการสวรรคตของจักรพรรดิหยวน

แล้วเสียงระฆังดังเก้าครั้งนี้มันแสดงถึงอะไร?

หัวใจของ หลินจิ่วเฟิง รู้สึกสั่นเทา

แม้ว่าเขาจะเป็นคนมีเหตุผลและสามารถสงบสติอารมณ์ได้ทุกสถานการณ์

แต่เขาก็ยังมีความรู้สึกเป็นของตัวเอง

หลินเทียนหยวน เด็กหนุ่มที่เขาเฝ้าดูการเติบโตมาตั้งแต่เด็ก ตายแล้วงั้นหรือไม่?

เจ้าแมวขาวมองด้วยความตกใจ

มันได้กระโดดออกจากร่างของ หลินจิ่วเฟิง และพูดออกมา“เจ้าควรจะไปดู”

ร่างกายของ หลินจิ่วเฟิง ได้หายไปในทันที

พระราชวังต้องห้าม ตำหนักจักรพรรดินี…

ในเวลานี้ทุกคนต่างร้องสะอื้นและร่ำไห้

ในขั้นต้น ขณะที่ทั่วทั้งเมืองหลวงของราชวงศ์ทั้งหมดได้ส่งเสียงเชียร์ให้กับ หลินจิ่วเฟิง หลังจากที่จัดการปีศาจ

ไม่มีใครคาดคิดว่า เมื่อหลินเทียนหยวน กลับมายังเมืองหลวง เขาจะเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

และกลับมาในสภาพที่ดูอ่อนแอจนพูดไม่ออก

ขันทีได้มาพบเขาและกำลังจะนำเขาส่งไปหาหมอหลวงเพื่อทำการรักษา

แต่หลินเทียนหยวน ได้ปฏิเสธ

เขาได้ให้อีกฝ่ายพาเขาไปที่ตำหนักจัจกรพรรดินี

ต่อมาเขาก็เรียกเจ้าหน้าที่ในราชสำนักและองค์รัชทายาทเข้ามา

ในตอนท้ายของชีวิต เขาได้ขอให้จักรพรรดินีเข้ามาใกล้และกล่าวกระซิบที่ข้างหูของนาง

“อย่าได้บอกองค์รัชทายาทเกี่ยวกับท่านลุง…”

“ปล่อยให้เขารับรู้ถึงแรงกดดัน เพื่อที่เขาจะได้เติบโตขึ้นด้วยตัวเอง”

“นี่เป็นไพ่ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจ้าจงปกป้องมันไว้ให้ดี ข้าได้เขียนจดหมายหนึ่งฉบับถึงท่านลุงเอาไว้แล้ว หลังจากที่ข้าตาย ท่านลุงย่อมมาหาข้าอย่างแน่นอน ดังนั้นได้โปรดส่งมอบจดหมายนี้ให้กับท่านลุงโดยเร็ว”

หลินเทียนหยวน ได้ใช้ช่วงเวลาแห่งชีวิตที่เหลือทั้งหมดส่งต่อคำพูดสุดท้ายนี้ก่อนที่จะจากไป

ในชีวิตนี้ของเขา เขาเกลียดการแต่งงานแบบคลุมถุงชนมากที่สุด

เขาได้แต่งงานกับภรรยาที่เขาไม่เคยรัก

ครั้งหนึ่งเขาต้องการยกเลิกตำแหน่งจัจกรพรรดินีให้นางกลายเป็นเพียงแค่นางสนม

แต่ตอนนี้เขากลับเลือกที่จะเสียชีวิตบนเตียงของจักรพรรดินี

เขาเลือกที่จะจากไปพร้อมกับการที่มีนางอยู่เคียงข้าง

หลินเทียนหยวน เป็นบุคคชที่ซับซ้อนมาก

ในท้ายที่สุดเขาอาจจะเริ่มตกหลุมรักจักรพรรดินีคนนี้

ดังนั้นเขาจึงทิ้งไพ่ตายใบสุดท้ายไว้ให้กับนาง

เขาไม่ได้ส่งต่อให้กับองค์รัชทายาทเพราะเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นเหมือนกับเขาที่อวดดีในสมัยนั้น

เขาไม่ต้องการให้คนรุ่นหลังคิดว่าตนเองมีไพ่ตายที่ทรงพลัง-จนกระทั่งเกิดความหยิ่งผยองขึ้น

เมื่อ หลินจิ่วเฟิง มาถึง ทุกคนต่างก็ร้องไห้ไม่หยุด

โดยเฉพาะหัวหน้าคณะรัฐมนตรี…

นับจากรุ่นก่อนจนถึงปัจจุบันนี้ เขาได้รับใช้ราชสำนักและองค์จักรพรรดิมาถึง 4 ชั่วอายุคน

จักรพรรดิองค์ที่สามสวรรคตแล้ว แต่เขากลับยังอยู่ที่นี่

และตัวเขายังคงต้องช่วยเหลือองค์รัชทายาท ที่จะเสด็จขึ้นครองบัลลังก์ในไม่ช้านี้ด้วย

หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ร่างของ หลินเทียนหยวน ในตำหนักจักรพรรดินี

มีความเศร้าปรากฏขึ้นในใจของเขา แต่มันก็ไม่ถึงขนาดตอนที่เขารู้สึกถึงการจากไปของจักรพรรดิหยวน

“ข้าบอกให้เจ้าพักผ่อนมิใช่หรือ?”หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ศพของหลินเทียนหยวนและถอนหายใจออกมา

เมื่อเดือนที่แล้ว หลินเทียนหยวน ยืนกรานที่จะจัดการงานราชกิจ

ในช่วงเดือนนั้นเองเป็นเขาที่เผาผลาญพลังชีวิตที่เหลือของตนเองไป

สำหรับ หลินจิ่วเฟิง คนรับใช้ที่วิ่งไปรอบ ๆ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขาเลย

พวกเขาไม่สามารถค้นพบ หลินจิ่วเฟิง และ หลินจิ่วเฟิง ก็ไม่ต้องการให้ใครค้นพบเขา

หลังจากแสดงความเคารพต่อ หลินเทียนหยวน แล้ว หลินจิ่วเฟิง ก็มาพบจักรพรรดินี

ตอนนี้ทั่วราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวามีเพียงจักรพรรดินีเท่านั้นที่รู้ที่มาที่ไปของ หลินจิ่วเฟิง

ดังนั้น หลินจิ่วเฟิง จึงได้ส่งเสียงให้นางไปรอเขาที่ห้องโถงด้านข้างโดยไม่เตือนให้คนอื่น

“เสด็จลุง!”ในห้องโถงด้านข้าง จักรพรรดินีคำนับด้วยน้ำตา

“ก่อนหน้าที่จักรพรรดิหมิงจะจากไป เขาได้ทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้หรือไม่?”หลินจิ่วเฟิงได้กล่าวถาม

“เขาได้ให้หม่อมฉันส่งต่อจดหมายฉบับนี้ให้กับเสด็จลุง”

จักรพรรดินีได้หยิบจดหมายออกมาและยื่นให้กับหลินจิ่วเฟิง

หลินจิ่วเฟิง ได้เปิดมันในทันที

มีถ้อยคำที่จริงใจในจดหมาย อีกทั้งยังขอให้ หลินจิ่วเฟิง ช่วยดูแลองค์จักรพรรดินีและองค์รัชทายาท

เด็กกำพร้าและหญิงม่าย

ในโลกนี้ การปกครองราชวงศ์ขนาดใหญ่ย่อมสร้างปัญหามากมายให้กับพวกเขาอย่างแน่นอน

นี่คือเหตุผลที่จักรพรรดิหมิงขอให้ หลินจิ่วเฟิง ช่วยเหลือพวกเขา

“หากมีปัญหาเกิดขึ้นในอนาคต ให้มาที่ตำหนักเย็นและมองหาข้า สอนสั่งองค์รัชทายาทให้ดี อย่าให้เขารู้สึกถึงการเป็นภาระมากเกินไป ข้าจะคอยสนับสนุนพวกเจ้าทั้งคู่จากข้างหลัง”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับอย่างเคร่งขรึม

“ขอบพระทัยเสด็จลุง”จักรพรรดินีได้ตอบกลับอย่างซาบซึ้ง

นางได้คุกเข่าจนกระทั่งร่างของ หลินจิ่วเฟิง ได้หายไป

เมื่อเห็นสิ่งนี้ นางได้หยุดการกระทำของนางและไปจัดการพิธีศพของ หลินเทียนหยวน ต่อ

ตำหนักเย็น

หลังจากที่ หลินจิ่วเฟิง กลับมาที่นี่ การแสดงออกของเขาค่อนข้างดูมืดมน

เขามองไปที่ต้นซากุระที่ร่วงโรย

จากนั้นเขาก็ปลูกต้นซากุระอีกต้นหนึ่งไว้ข้าง ๆ

หลังจากนั้น หลินจิ่วเฟิง ก็กลับไปยังพระราชวังใต้ดินโดยตรงและเปิดผนึกทางเข้าถ้ำปีศาจใต้โลงศพทองแดง

“เหตุใดถึงเป็นเจ้า?”

ปีศาจในถ้ำปีศาจต่างคาดหวังให้พวกเดียวกันมาเปิดผนึกเพื่อที่พวกมันจะได้มีโอกาสหลบหนี แต่เมื่อพวกมันพบว่าเป็น หลินจิ่วเฟิง พวกเขาต่างก็ตกใจและไม่เชื่อในสายตาตัวเอง

ปีศาจที่มาล้อมเมืองหลวงราชวงศ์ได้หายไป แต่ หลินจิ่วเฟิง กลับมีชีวิตอยู่?

อีกฝ่ายเป็นคนแบบไหนกัน? เป็นเทพอมตะหรือไม่?

ใบหน้าของ หลินจิ่วเฟิง ได้มืดลง

นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เขาเข้ามาที่ถ้ำปีศาจ และ เขารู้สึกโกรธเคืองเช่นนี้ กระบี่สังหารปีศาจในมือได้ชี้ไปที่ปีศาจเหล่านี้“พวกเจ้าเป็นคนเรียกปีศาจข้างนอกให้มาล้อมเมืองหลวงใช่หรือไม่?”

ปีศาจเหล่านี้รู้สึกตกใจและโกรธเคืองกับการกระทำของ หลินจิ่วเฟิง

“เจ้าคิดจะทำอะไร?”เทพปีศาจนภา รู้สึกโกรธจัด ตอนนี้มันอารมณ์ไม่ดี

แผนการทั้งหมดที่มันวางเอาไว้พังไม่เป็นท่า

“ข้าก็จะฆ่าเจ้าไง!”

อารมณ์ของ หลินจิ่วเฟิง ได้กลายเป็นเย็นชา

เขาไม่ต้องการพูดเรื่องไร้สาระ

เขาได้ยกกระบี่สังหารปีศาจขึ้นและพุ่งไปข้างหน้า

กระบี่สังหารปีศาจควบคู่ไปกับความแข็งแกร่งของ หลินจิ่วเฟิง ที่มี่ถ้ำสวรรค์ระดับเทพ ทำให้เขาสามารถฆ่าเทพปีศาจนภาได้อย่างง่ายดาย

ใช่แล้ว…

หนึ่งในผู้ก่อตั้งถ้ำปีศาจ เทพปีศาจนภา ที่มีฐานการบ่มเพาะพลังอันลึกล้ำในยุคก่อนหน้านี้ ได้เสียชีวิตลงภายใต้คมกระบี่สังหารปีศาจ

ปีศาจตัวอื่น ๆ รู้สึกตัวสั่นเมื่อเห็นฉากนี้

หลังจากฆ่า เทพปีศาจนภา เสร็จ หลินจิ่วเฟิง ก็ได้ระบายความโกรธในใจออกไปก่อนที่เขาจะออกจากถ้ำปีศาจ

“ยืนยันการเข้าใช้”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ

[ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับหนังสือวิเคราะห์ถ้ำสวรรค์หนึ่งเล่ม!]

หลินจิ่วเฟิง ได้หนังสือเล่มนึงมา เขาตระหนักได้ว่ามันเป็นหนังสือวิเคราะห์การบ่มเพาะพลังในอาณาจักรถ้ำสวรรค์

“ไม่เลว มันเหมาะกับข้าในตอนนี้มาก”หลินจิ่วเฟิง ได้ปิดผนึกถ้ำปีศาจและจากไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด