ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 57 บังคับซากุระบานสะพรั่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 59 ความบังเอิญเหล่านี้คือ?

80Y-ตอนที่ 58 ใครคือท่านหญิงหง?


นักบวชหนุ่มที่คุกเข่าลงกับพื้นร่างกายของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

หยาดเหงื่อได้หยดลงจากหน้าผากของเขาอย่างต่อเนื่อง

เขามองไปรอบ ๆ ด้วยความตกใจ

พลังจิตวิญญาณในอากาศราวกับถูกจุดไฟโดยอะไรบางอย่าง มันได้กระตุ้นให้ต้นซากุระเบ่งบานในทันที และ ดอกซากุระเหล่านี้ก็ลอยละลิ่วไปในอากาศ

จากนั้นพลังปราณแท้จริงอันแข็งแกร่งก็ถูกปลดปล่อยออกมา

เทพมนุษย์ทั้ง 4 ไม่สามารถต้านทานได้เลย

พวกเขาได้คุกเข่าลงที่ตรงหน้าลานที่พัก

พวกเขาไม่แม้แต่จะสามารถเข้าไปในลานที่พักได้แม้แต่คนเดียว

“อะไรกัน?”นักบวชหนุ่มเต็มไปด้วยความตกใจสุดพรรณนา

นักพรตเต๋าสองคนได้มองหน้ากันความสยดสยองได้ปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา ความรู้สึกนี้คล้ายกับกำลังสลักลงบนกระดูกและหัวใจของเขา ทั้งสองคนเข้าใจความคิดของกันและกันทันที

“คลังสมบัติทางปราณแท้จริง!”หลิวหยุนได้ขบฟันอย่างแน่นขณะที่เขาพยายามอดทนต่อแรงกดดันอันไร้ขอบเขต

ทว่าเสียงของเขากลับแหบแห้งอย่างมากราวกับเขาฝืนขับคำพูดออกมาจากลำคอ

ในฐานะนักพรตเต๋าเขาย่อมรู้จักที่มาของพลังปราณแท้จริงโบราณนี้

มีเพียงเทพมนุษย์ที่ทะลวงไปยังช่วงที่ 2 - คลังสมบัติทางปราณแท้จริง เท่านั้นที่จะสามารถใช้ปราณแท้จริงโบราณได้

“มีใครบางคนที่อยู่ที่นี่สามารถปลดล็อคคลังสมบัติทางปราณแท้จริงได้หรือไม่? คนผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป ตอนนี้เขาน่าจะฝ่าไปสู่ช่วงต่อไปแล้ว”หลิวหยุนได้กลืนน้ำลายไปด้วยความกลัว

เขาตระหนักได้ในทันทีว่าพวกตนเองได้บุกรุกสถานที่ที่ยอดฝีมือคนนี้อยู่

“คลังสมบัติปราณแท้จริง? ว่ากันว่าเมื่อปลดล็อคพลังนี้แล้ว ผู้ฝึกยุทธ์จะสามารถใช้พลังปราณแท้จริงโบราณได้ และ ยอดฝีมือที่กำลังปราบปรามพวกเราคือผู้บ่มเพาะพลังที่ปลดล็อคคลังสมบัติปราณแท้จริงเป็นอย่างน้อย!”

ศิษย์น้องไห่หยู ได้กล่าวเสริม เขามีอาการคล้ายกับ หลิวหยุน เขาตัวสั่นไปด้วยความหวาดกลัว

เมื่อนักบวชหนุ่มได้ยินคำพูดของเขา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

“เทพมนุษย์แห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาผู้นั้นแท้จริงแล้วกลับอาศัยอย่างสันโดษในตำหนักเย็นงั้นหรือไม่?”

นักบวชหนุ่มเต็มไปด้วยความหวาดกลัว รอยยิ้มอันขมขื่นได้ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา

คราวนี้เขาได้ไปชนตอใหญ่เข้าจริง ๆ

เส้นเลือดบนร่างของบุรุษร่างใหญ่เองก็เริ่มบูดโปน

เขาพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่ก็ไม่เป็นผล ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากแรงกดดันทางพลังปราณแท้จริงโบราณได้

“ท่านผู้อาวุโส โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย”

บุรุษร่างใหญ่ไม่คิดเลยว่าตนเองจะมาเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้

เขาได้คุกเข่าแผ่ราบลงไปกับพื้นโดยไม่พยายามขัดขืนอีกต่อไปจากนั้นเขาก็ตะโกนขึ้น

เขากำลังร้องขอความเมตตา

นักบวชหนุ่มและนักพรตเต๋าก็ทำเช่นเดียวกัน

พวกเขาได้คุกเข่าลงกับพื้นและอ้อนวอนขอความเมตตา

การถูกปราบปรามโดยพลังปราณแท้จริงโบราณนั้นรุนแรงอย่างมาก พวกเขาเริ่มจะไม่สามารถทนมันได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มร้องขอความเมตตาในเรื่องนี้

ในลานที่พัก บนเตียงหยกน้ำแข็ง หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้สนใจเทพมนุษย์ทั้ง 4 ที่อยู่ภายนอก

เขาได้ปลดปล่อยพลังปราณแท้จริงเพียงเสี้ยวเดียวออกไปเท่านั้น

แต่อีกฝ่ายกลับทนไม่ได้เห็นได้ชัดว่าทั้งสี่คนเป็นเพียงผู้บ่มเพาะพลังที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นเทพมนุษย์

หากเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว หลินจิ่วเฟิง คงจะรู้สึกกังวล แต่ตอนนี้ เพียงแค่เขาสะบัดนิ้วเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะระงับพวกเขาทั้งหมดแล้ว

เขามองไปที่เจ้าแมวขาว

“ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่ว่าข้าไม่ได้คุยโวก่อนหน้านี้”

เจ้าแมวขาวพูดไม่ออก มันทั้งอิจฉาและเต็มไปด้วยความโกรธเคือง

มันอิจฉาความแข็งแกร่งอันน่าเกรงขามของหลินจิ่วเฟิง

และโกรธที่ หลินจิ่วเฟิง กลั่นแกล้งมันอีกครั้ง

แต่ทว่ามันก็ไม่สามารถหักล้างคำพูดของเขาได้เลย

“ไปกันเถอะ…”

“ออกไปดูกันว่าเทพมนุษย์พวกนี้มาทำอะไรที่นี่”หลินจิ่วเฟิงได้เอื้อมมือออกไปอุ้มเจ้าแมวขาวมาไว้ในอ้อมแขนของเขาจากนั้นเขาก็เริ่มลูบมันเบา ๆ

เขากำลังลูบเจ้าแมวขาว!

เจ้าแมวขาวเป็นแมวที่เย่อหยิ่ง ปกติแล้วมันจะไม่ยอมให้ หลินจิ่วเฟิง จับได้สบาย ๆ แบบนี้

แต่คราวนี้ มันไม่สามารถหักล้างคำพูดของ หลินจิ่วเฟิงได้ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้ หลินจิ่วเฟิง ทำทุกอย่างที่เขาต้องการ

หลินจิ่วเฟิง ที่อุ้มเจ้าแมวขาว เขาได้เดินออกจากลานที่พักออกมา

เขาสวมใส่อาภรณ์ยาวสีขาวที่มีลวดลายแกะสลักอันเป็นเอกลักษณ์

เขาได้เดินมาถึงลานที่พัก

นอกลานที่พัก มีคนสี่คนกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น

นักบวชหนุ่ม

บุรุษร่างใหญ่

และนักพรตเต๋าสองคน

พวกเขาทั้งหมดอยู่ในขั้นเทพมนุษย์

ทั้งสี่คนเพิ่งเลื่อนระดับพลังเป็นเทพมนุษย์ได้ไม่นาน

หลินจิ่วเฟิง ได้้เดินออกไปด้วยฝีเท้าที่มั่นคง

เมื่อเห็นพวกเขาคุกเข่าลงบนพื้นและร้องขอความเมตตา เขาก็โบกมืออย่างสบาย ๆ

พลังปราณแท้จริงโบราณที่กดทับร่างกายของพวกเขาค่อย ๆ หายไปในทันที

แรงกดดันอันมหาศาลก่อนหน้านี้ได้สลายหายไปจนหมด

เหล่าคนพวกนี้ได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ

พวกเขารีบเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หลินจิ่วเฟิง

“ผู้อาวโสท่านกลับดูดีอย่างมาก”หลิวหยุน ได้ยกย่องเขาเมื่อเห็น หลินจิ่วเฟิง เทพมนุษย์ ที่แข็งแกร่งผู้นี้

“ผู้อาวุโส พวกเราไม่ได้คิดร้ายต่อท่าน พวกเราไม่รู้จริง ๆ ว่าท่านอาศัยอย่างสันโดษในสถานที่แห่งนี้ โปรดอภัยให้กับความไร้มารยาทของพวกเราหากพวกเราทำให้ท่านขุ่นเคือง”นักบวชหนุ่มได้เพิกเฉยต่อเหงื่อของเขาและรีบอธิบาย

รบุรุษร่างใหญ่ที่มีส่วนสูงกว่า 2 เมตร

ภายนอกของเขาดูองอาจอย่างมาก

แต่ในเวลานี้เขาราวกับเด็กน้อยที่สำนึกผิดในสิ่งที่ทำไม่ดีลงไป

เขาได้ยืนอยู่ด้านหน้าอีกฝ่ายด้วยความเคารพ

“ผู้อาวุโส…”

หลินจิ่วเฟิง มองไปที่พวกเขาอย่างใจเย็นและตอบกลับ“หากคิดว่าทุกอย่างเพียงแค่ขอโทษก็จบ ข้าต้องปล่อยผ่านทุกเรื่องราวหรือไม่?”

ใบหน้าของทั้งสี่คนล้วนแข็งทื่อ

พวกเขาเริ่มประหม่าและคิดว่า หลินจิ่วเฟิง จะโจมตีพวกเขา

เพียงแต่ หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้เคลื่อนไหว

เขาได้มองไปที่ทั้งสี่คนและกล่าวถาม“พวกเจ้าอยู่กลุ่มเดียวกัน?”

“ไม่ใช่”

“เราไม่รู้จักพวกเขา”

“ข้าไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด”

ทั้งสี่คนได้สั่นศีรษะพร้อมกันและแยกตัวออกจากกันอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ต้องการถูกมองว่าทำงานร่วมกัน

หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ พวกเขา นักบวชหนุ่มตัวคนเดียว บุรุษร่างใหญ่ตัวคนเดียว ส่วนนักพรตเต๋าอยู่ด้วยกันสองคน

แม้ว่าพวกเขาจะบุกเข้ามายังตำหนักเย็นพร้อมกัน แต่พวกเขาก็ยังป้องกันซึ่งกันและกัน

มันเป็นภาพที่น่าสนใจสำหรับ หลินจิ่วเฟิง

เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา“ถ้าพวกเจ้าไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน เหตุใดพวกเจ้าถึงมาที่นี่ในวันเวลาเดียวกันแบบนี้?”

“เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ!”นักบวชหนุ่มตอบกลับด้วยความเขินอาย

“ล้วนเป็นโชคชะตา”นักพรตเต๋าทั้งสองคนได้ยิ้มอย่างแช่มช้า

“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขามาที่นี่เพราะจุดประสงค์อะไร เพียงแต่ข้ามีแรงจูงใจของตัวเอง”บุรุษร่างใหญ่ได้ตอบกลับอย่างมั่นคง

“โอ้ บอกข้าทีว่าเจ้ามีแรงจูงใจอะไร?”

หลินจิ่วเฟิง ลูบเจ้าแมวขาวขณะที่เขากล่าวถามด้วยความสงสัย

เขาไม่รู้ว่าสิ่งใดกันที่ทำให้เทพมนุษย์ทั้ง 4 มาที่ตำหนักเย็นแห่งนี้พร้อมกันในวันเวลาเดียวกันได้

นักบวชหนุ่มและนักพรตเต๋ามองไปที่บุรุษร่างใหญ่ด้วยความสงสัย

พวกเขาเองก็ต้องการรู้

“ข้ามาเพื่อตามหาใครบางคน”บุรุษร่างใหญ่ได้ตอบกลับ

“หาใครบางคน?”หลินจิ่วเฟิง เลิกคิ้วทันทีและมองไปที่อีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ

“ไม่มีใครอื่นที่อาศัยในตำหนักเย็นแห่งนี้ เจ้ามาที่นี่เพื่อตามหาใคร?”หลินจิ่วเฟิง กล่าวถามด้วยความสงสัย

“ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาองค์รัชทายาทที่ถูกปลดออกจากบัลลังก์”บุรุษร่างใหญ่ได้ตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา“ข้าได้ยินมาว่าองค์รัชทายาทผู้นี้ถูกคุมขังที่นี่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของเขา”

“มองหาองค์รัชทายาทที่ถูกปลด…”ดวงตาของ หลินจิ่วเฟิง พลันมืดลง

เขาอยากจะถามมากกว่านี้แต่คราวนี้นักบวชหนุ่มก็พูดขึ้น“ข้าก็ด้วย...”

หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ อีกฝ่ายและขมวดคิ้ว“เจ้าเองก็มาตามหาองค์รัชทายาทที่ถูกปลด?”

นักบวชหนุ่มได้พยักหน้า

หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ นักพรตเต๋าทั้งสองและกล่าวถาม“แล้วพวกเจ้าสองคนเล่ามาที่นี่เพื่อตามหาองค์รัชทายาทด้วยหรือไม่?”

หลิวหยุนและไห่หยูทั้งสองคนรีบพยักหน้า

หลินจิ่วเฟิง ยิ้มออกมา

รอยยิ้มของเขาดูเหมือนจะมีความสุข

“องค์รัชทายาทถูกคุมขังที่นี่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ไม่มีบุคคลภายนอกมาตามหาเขาเป็นเวลานานแล้ว แต่พวกเจ้ากลับมาที่นี่ในคืนนี้พร้อมกันทั้งที่บอกว่าไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันแต่เป้าหมายของพวกเจ้าทั้งหมดกลับเป็นการตามหาองค์รัชทายาทผู้นี้นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”

ทั้งสี่คนได้มองหน้ากันอย่างงุ่มง่าม

ในสถานการณ์เช่นนี้ มันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลที่พวกเขาจะบอกว่าไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกัน

“แล้วพวกเจ้าตามหาองค์รัชทายาททำไม?”หลินจิ่วเฟิง กล่าวถามด้วยความสงสัย

มีคนตามหาเขา

อีกทั้งคนผู้นั้นยังส่งเทพมนุษย์ 4 คนมาตามหาเขา

เขาต้องการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง

“ข้ามาเพราะได้รับคำไหว้วานจากคน ๆ นึง!”

“ข้ามาเพราะคำสั่ง!”

“มีคนขอให้ข้าทำ!”

ทั้งสามกลุ่มได้มอบคำตอบที่แตกต่างกัน แต่พวกมันล้วนมีความหมายเหมือนกัน

มีคนสั่งให้พวกเขามาที่นี่

ใบหน้าของ หลินจิ่วเฟิง กลายเป็นเย็นชาเล็กน้อย

เขามองไปที่อีกฝ่ายและกล่าวถาม“ใครสั่งให้พวกเจ้ามาที่นี่?”

ทั้งสี่คนได้ตอบพร้อมกัน“ท่านหญิงหง!”

หลินจิ่วเฟิง ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใครคือ ท่านหญิงหง?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด