ตอนที่แล้วเล่มที่ 1 : บทที่ 10 – ทิวโทเรียล (8)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่มที่ 1 : บทที่ 12 – เส้นทางสีดำ (1)

เล่มที่ 1 : บทที่ 11 – ทิวโทเรียล (9)


SLR - เล่มที่ 1 : บทที่ 11 - ทิวโทเรียล (9)

ทันทีที่พวกเขาสบสายตาอันชั่วร้ายของยอนอู ก็ทำให้พวกเขาถึงกับตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ เพียงมองสายตาที่ไร้ซึ่งอารมณ์ขาทุกคู่ที่หยัดยืนอยู่ก็สั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ “ทะ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย? เขาไปทำอะไรให้นาย! ทำไมถึงต้องเข้ามายุ่งด้วย?” หนึ่งในกลุ่มรวบรวมความกล้าและตะโกนออกมาใส่ยอนอู

ในทิวโทเรียลไม่มีกฎที่บอกไว้ว่าห้ามผู้เล่นเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุระของผู้อื่น ทุกคนต่างมีจุดยืนและพฤติการณ์ที่ต่างกันออกไป จึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้เล่นจะไม่ชอบที่คนที่เข้ามาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ในทางเทคนิค ยอนอูไม่มีเหตุผลที่จะต้องเข้าไปแทรกแซง แต่เขากลับพูดอย่างตรงไปตรงมาเพียงแค่ว่า “ฉันไม่ชอบหมอนี่”

“อะ อะไรนะ?”

“ฉันบอกว่าฉันไม่ชอบหมอนี่ พวกนายมีปัญหาเหรอ?”

ชายสองคนไม่ตอบกลับ และยอนอูก็พูดกวนประสาทออกมา “ทีพวกนายยังทำอะไรตามใจชอบได้เลย แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้บ้างล่ะ?”

พวกเขาอยากจะโวยวายออกมากับเรื่องไร้สาระที่ได้ยิน แต่ด้วยดวงตาอันดุร้ายใต้หน้ากากคู่นั้นขู่ไม่ให้พวกเขาสามารถพูดอะไรออกไปได้ พวกเขามีลางสังหรณ์ว่าหากยังดึงดันพูดต่อไปทุกอย่างจะยุ่งเหยิงมากไปกว่านี้

ยอนอูพูดต่อ “ทิ้งอาวุธซะ” กลุ่มชายฉกรรจ์ไม่ได้พูดอะไร

แกร่ก! “อ๊ากกก!”

“ทิ้งอาวุธสิโว้ย”

“ทิ้งไปซะ! ทิ้งไปเลย! ขอร้องล่ะ!” แคนไม่อาจทนไหวอีกต่อไปและเริ่มกรีดร้อง

ทั้งสามคนเริ่มทิ้งอาวุธทีละชิ้นขณะมองหน้ากัน แกร๊ง! แกร๊ง!

“อะ โอเค ทีนี้ก็ปล่อยแคนได้แล้ว” หนึ่งในกลุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ยังคงตื่นตัวอยู่ตลอด

ขณะนั้นเอง ยอนอูก็พูดกวนประสาทออกมาอีกครั้ง “พวกโง่” เขาเหยียบเท้าลงเพื่อพักหระดูกสันหลังของแคน แกร่ก! ดวงตาของแคนเหลือกขึ้นข้างบนขณะร่วงราบลงบนพื้น เขายังหายใจอยู่ แต่ชัดเจนแล้วว่าเขาไม่สามารถขยับแขนขาได้อีกต่อไป

“กะ แก ทำไมไม่ทำตามที่พูด! ว๊าก!” ใบหน้าของหนึ่งในกลุ่มเริ่มถอดสีและหายใจเฮือกในความตกใจ เขาไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่ากริชของยอนอูกำลังบินตรงเข้ามา และเกือบปัดทิ้งไม่ทัน ขณะที่เขาถูกเบนความสนใจ ยอนอูก็พุ่งเข้าหาเขาและใช้ฝ่ามือกระแทกเข้าที่คอ จากนั้นยอนอูก็ขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นและชกอกด้วยข้อศอก แทงเข่าเข้าที่กระดูกสันอก และต่อยหน้าท้อง ปั้ก!

กล้ามเนื้อของชายคนนั้นได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง เสียงกระดูกที่แตกหักดังขึ้นจนสามารถได้ยินชัดเจน กรามแตก ฟันหลุดออกมาสองสามซี่ ฟึ้บ! เขาร่วงไปกองบนพื้น โชกไปด้วยเลือด หายใจโรยรินคล้ายกับจะหยุดหายใจได้ทุกเมื่อ

“ฉันจะฆ่าแก!”

“ตายซะ!”

อีกสองคนที่เหลือวิ่งตรงมาจากทางด้านหลังและเหวี่ยงดาบตรงไปยังคอและเอวของเขาในความพยายามที่จะโจมตีครั้งสุดท้าย ทั้งคู่เห็นเพื่อนร่วมทีมลงไปกองกับพื้นโดยไม่มีแม้แต่โอกาสเดียวที่จะทำให้ยอนอูบาดเจ็บได้ และเนื่องจากพวกเขาวิ่งหนีไม่ได้ จึงเลือกที่จะลองสู้กลับสักตั้ง ยอนอูหลบหลีกการโจมตีและชักกริชที่เอวออกมาฟันชายสองคนที่อยู่ตรงหน้า ฟึ้บ! ฟึ้บ!

“อ๊ากกก!”

“อ๊ากกก! เท้าฉัน!”

ทั้งคู่ล้มลงกับพื้นเพราะเอ็นร้อยหวายและหลอดเลือดแดงบริเวณข้อเท้าถูกตัวขาด ปั้ก! ปั้ก! กำปั้นของยอนอูพุ่งตรงเข้าที่ใบหน้าของชายทั้งสอง จนศีรษะสะบัดกลับ ปากฟูมน้ำลายผสมเลือด

ยูลอ้าปากค้างขณะมองเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตรงหน้า ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ถึงแม้คนพวกนี้จะเลวทราม แต่ผู้เล่นก็ต้องผ่านเขตเอด้วยตัวเอง ยอนอูไม่เพียงโค่นแค่สองคนแต่โค่นทั้งหมดสี่คนในคราวเดียว เขารู้ว่ายอนอูแข็งแกร่ง แต่ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้

แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะกลับมาใช้ชีวิตได้ เว้นแต่จะพาคนกลุ่มนี้ไปหาหัวหน้าคณะผู้รักษาหรือหายารักษาขั้นสูงสุด มิฉะนั้นพวกเขาจะตายหรือพิการไปตลอดชีวิตซึ่งมีความเป็นไปได้สูง ยูลรู้สึกโล่งใจอย่างมากเมื่อคิดว่าคนพวกนั้นจะต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่แบบนั้นตลอดไป และเขาก็อยากแสดงความขอบคุณ

ยอนอูนิ่งสงบราวกับเขาเพิ่งออกไปเดินเล่น เขาสลัดเลือดที่ติดอยู่กับกริชออก เก็บเข้าปลอกอย่างใจเย็น และมองยูล “อ้าปากค้างจนน้ำลายไหลหมดแล้ว”

ยูลรีบเช็ดปากด้วยแขนเสื้อ มีเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นและยูลก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ยอนอูสวมหน้ากาก ดวงตาทั้งคู่ของเขาดูเฉยเมยที่สุดตั้งแต่ที่เคยเห็น เขาจึงเชื่อแล้วว่ายอนอูไม่มีอารมณ์ร่วมกับอะไรทั้งนั้น เขามักจะได้ยินแต่พวกคำพูดกวนประสาท แต่ไม่เคยได้ยินเสียงหัวเราะจริง ๆ ของยอนอู

ยอนอูหันกลับมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ดูแลตัวเองด้วยนะ จากนี้ไปก็ระวังตัวจากคนที่อยู่ตัวมากขึ้นด้วยล่ะ”

“เอ่อ...อื้อ...เดี๋ยวสิ!” ยูลตะโกนออกไปโดยไม่คิดอะไร แต่ยอนอูก็เดินต่อโดยไม่หันหลังกลับมามอง ยูลตะโกนอีกครั้ง “ขอบคุณนะครับ! พี่! สักวันผมจะเป็นอย่างพี่ให้ได้!” ยูลคิดว่าเขาต้องเอาชนะความอ่อนแอของตัวเองให้ได้และกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้น

จู่ ๆ ยอนอูก็หยุดเดินและหันกลับมา ยูลขมวดคิ้วเล็กน้อย สงสัยว่าเขาทำอะไรพลาดไปหรือเปล่า “ลองไปที่สวนดอกฟรีเซียดูสิ”

“ครับ?”

“ที่นั่นอาจช่วยนายได้” ยอนอูโบกมือลาโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ

ยูลยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับท่าทางงุนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเข้าใจความหมายที่ยอนอูสื่อถึงและกำหมัดแน่น ‘สวนดอกฟรีเซียสินะ?’ เขาหันไปมองอีกฟากหนึ่งของห้องราวกับตั้งปฏิญาณให้ตัวเองสำเร็จแล้ว

* * * * *

“โอ้! เห็นนั่นไหม?” ท่ามกลางเหล่าผู้ยอมแพ้จำนวนมาก มีชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งยองอยู่ตรงมุมและหาวครั้งแล้วครั้งเล่า อุทานออกมาด้วยความชื่นชม ผมของเขายุ่งเหยิง เสื้อผ้าเก่า ๆ และมีท่าทางที่น่าสงสัย แน่นอนว่าไม่ใช่คนที่สร้างพลังเชิงบวกให้กับผู้อื่นแน่ ๆ แต่ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปเมื่อเขาเห็นบางสิ่งที่เกิดขึ้นใกล้ ๆ กับประตู เหมือนกับเด็กที่เจอของเล่นที่น่าสนใจ “นี่ นี่ เลิกนอนและตื่นได้แล้ว”

“โอย! พี่นี่ไม่เคยให้ผมได้หลับสบาย ๆ เลยนะ มีอะไร?”

ชายที่มีผมยุ่งเตะเด็กหนุ่มที่พลิกตัวไปมา เด็กหนุ่มลุกขึ้นและขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับขยี้ตา แม้ว่าผมของเขาจะชี้ฟูและดวงตาเซื่องซึม แต่ใบหน้าของเขาน่ารักเกินกว่าที่จะทำให้ใครกลัวได้ ถ้าไม่รู้จัก ใคร ๆ ก็คงคิดว่าเขาเป็นผู้หญิง

“เห็นนั่นหรือเปล่า?”

“เห็นอะไร?”

“ก็เจ้าพวกที่โอ้อวดไปทั่วว่าได้เข้าแคลนอารังดันนั่นไง โดนเล่นงานซะแล้ว”

เด็กหนุ่มหาว “เกิดขึ้นได้ไง?” เขากำลังจะพูดว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดเพราะว่าทั้งสี่คนนั้นเดินไปมาแสดงท่าทางเย่อหยิ่ง เขายังคิดให้ใครสักคนมาจัดการคนพวกนี้ที่แสดงท่าทางแบบนั้นออกมา และนอกจากนี้ พวกเขาก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นด้วย อย่างไรก็ตาม ประโยคที่ชายผมยุ่งเสริมขึ้นมานั้นทำให้ดวงตาของเด็กหนุ่มถึงกับเบิกโพลง “ทั้งหมดถูกเล่นงานโดยคน ๆ เดียว”

“หา?” ดวงตาเซื่องซึมของเขาพลันเป็นประกาย “คนเดียว?”

“ใช่ คิดว่าผ่านเขตเอทั้งหมดมาได้คนเดียวด้วย”

เด็กหนุ่มอุทานออกมา “เฮ้ย!” รอยยิ้มเล็ก ๆ น่ารักที่แม้แต่ผู้ชายด้วยกันก็ยังต้องแอบหวั่นไหวปรากฏบนใบหน้าขณะที่เขากำลังมองไปยังประตูของเขตเอ “จริงเหรอ? เวลานี้เนี่ยนะ? เยี่ยมไปเลย! ผมคิดว่าคงไม่มีใครแล้วซะอีก พี่รู้ไหม คนที่ชื่อแคนอะไรนั่นน่ะเก่งนะ” เด็กหนุ่มเอียงศีรษะอย่างน่ารัก “พี่บอกว่าพวกนั้นเข้าร่วมกับอารังดันนี่ ป่านนี้ชองฮวาโดไม่คลั่งแย่แล้วเหรอ?”

ชายผมยุ่งหัวเราะอย่างสะใจ “ไม่หรอก พวกนั้นก็พอมีศักยภาพอยู่บ้าง ฮ่า ๆ ฉันมาที่นี่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากอยู่แล้ว แต่พอได้เห็นอะไรสนุก ๆ เมื่อกี้ นายคิดว่าไง?”

“คิดอะไร?”

“ก็เรื่องที่จะชวนผู้ชายคนนั้นมาร่วมทีมไง ว่าเขาโอเคไหม? หมอนั่นตัวคนเดียว หมายความว่าเขายังไม่มีทีม ฉันคิดว่าคงไม่มีใครเหมือนเขาคนนี้อีกแล้ว”

“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกชองฮวาคงเป็นเรื่องที่น่ารำคาญน่าดู”

“เหอะ! นายสนเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?”

“ฮ่า ๆ ก็จริงของพี่”

“ถ้างั้น ไปตรวจสอบหมอนั่นดูกันหน่อยดีกว่า ตามไปเลยดีไหม?”

“พี่นี่นิสัยไม่ดีเลยนะ”

“แล้วไง? หรือจะไม่ไป?”

เด็กหนุ่มยิ้มแก้มปริตอบชายผมยุ่ง “ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ไปนี่” จากนั้นเขาก็ยิ้มหวานอีกครั้ง “พี่ก็รู้ว่าผมเองก็ชอบเรื่องแบบนี้มากกว่าพี่ซะอีก ฮ่า ๆ”

* * * * *

‘เขาพูดขอบคุณ’ ยอนอูยิ้มเล็ก ๆ ขณะกำลังนึกถึงคำพูดของยูล เขายังต้องไปอีกไกล ฉะนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจความสัมพันธ์เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ นอกจากนี้ เขายังแอบดูความสามารถทางสายเลือดของยูลด้วยดวงตามังกรแล้วด้วย เขาเป็นผู้เสกเวทมนตร์ ‘เป็นความสามารถที่จะทำให้เขาเติมเต็มมานาให้กับบุคคลหรือสิ่งของได้ ไม่คิดว่าจะได้เจออะไรแบบนี้ที่นี่’ เขารู้สึกสนใจความสามารถพิเศษนี้ซึ่งเป็นความสามารถที่หาได้ยากแม้จะอยู่ในหอคอยก็ตาม ‘ถ้าดึงตัวเด็กนั่นมาช่วยได้ คงเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่มากในอนาคต คงได้เจอกันถ้าเด็กนั่นเอาชีวิตรอดไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย’

ยอนอูยิ้มไม่หุบเมื่อนึกถึงท่าทางจริงจังของยูล ‘มันทำให้ฉันนึกถึง...’ ยอนอูหยุดเดินและมองไปรอบ ๆ ‘ไหนเส้นทางไปเขตบี?’

เขาไม่รู้ว่าเป็นที่เพราะเขาสู้กับกลุ่มของแคนหรือเปล่าถึงรู้สึกได้ว่าผู้เล่นต่างกำลังจ้องมองเขา เขาไม่สนใจและเดินผ่านศูนย์กลางของห้องพักคอยไป ประตูสี่บานเรียงกันสุดกำแพงทางด้านขวามือของเขา เมื่อเขาเดินข้ามเส้นสีเหลืองที่บ่งบอกถึงจุดเริ่มต้นของเขตบี ข้อความหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าเขาอัตโนมัติ

[การท้าทายของเขตบีเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้]

[เขตบีมีทั้งหมด 4 เส้นทาง โปรดเลือกหนึ่งประตูเพื่อเคลียร์เส้นทาง]

ประตูทุกบานล้วนเหมือนกันยกเว้นสี มีสีขาว น้ำเงิน แดง และดำ ‘ฉันจะเลือก...สีดำ’ ยอนอูตรวจสอบแต่ละประตูและมุ่งตรงไปยังประตูที่อยู่ทางขวาสุดอย่างไม่ลังเล

ห้องพักคอยในเขตบีเต็มไปด้วยคนที่ยอมแพ้กลางคันมากมาย แต่ฉันจะยอมแพ้เหมือนพวกเขาไม่ได้ ฉันสัญญากับเพื่อน ๆ ไว้แล้วว่าจะออกไปจากที่นี่ด้วยกันอย่างปลอดภัย ที่นี่ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องลำบากและดิ้นรน ฉะนั้นฉันจะล้มเลิกไม่ได้ คำสั่งบอกว่าให้เลือกหนึ่งในสี่ประตู ฉันก็เลือก แต่ต่อมาต้องมาเสียใจกับสิ่งที่เลือกไป

‘จองอูเลือกประตูสีฟ้า’ ประตูแต่ลำบานเปิดไปสู่ห้องที่ต่างกันออกไปโดยมีระดับความยากที่กำหนดไว้แล้ว ระดับความยากจะเรียงจากมากไปน้อย จากทางซ้ายไปทางขวา

น้องชายของเขาเลือกประตูบานที่ง่ายเป็นอันดับที่สอง เขตเอนั้นยากเกินไป ดังนั้นเขากับเพื่อนร่วมทีมจึงตัดสินใจเลือกประตูที่มีระดับง่ายขึ้นเพื่อให้ได้พักหายใจหายคอกันบ้าง แต่ต่อมา หลังจากที่จองอูคุ้นเคยกับหอคอยและเรียนรู้เกี่ยวกับความลับของทิวโทเรียลแล้ว เขาก็รู้สึกเสียใจที่เลือกประตูสีฟ้า รางวัลที่จะได้รับนั้นแตกต่างกันไปตามระดับความยากง่ายของความท้าทาย

เส้นทางหลังประตูสีดำเรียกว่า เส้นทางสีดำ มอสสีขาวและมนุษย์กินคนกำลังรออยู่ด้านใน

เขตเอสร้างขึ้นเพื่อทดสอบความสามารถทางกายภาพของผู้เล่น แต่เขตบีสร้างขึ้นเพื่อทดสอบปัจจัยอื่น เช่น การตัดสินใจ ความรู้ ความสนใจ การมีสติ ความเด็ดขาด เป็นต้น ผู้เล่นจะได้รับการประเมินตามตัวเลือกที่ได้เลือกและรวมทั้งการตระหนักถึงสถานการณ์ด้วย เค้นศักยภาพเพื่อตามหาชิ้นส่วนลึกลับที่ผู้พิทักษ์ได้ซ่อนเอาไว้ให้เหมือนกับว่าพวกเขาได้สร้างการล่าขุมทรัพย์ที่จะมีเพียงผู้ที่คู่ควรเท่านั้นที่จะได้ไป ‘ฉันจะได้ดาบดูดเลือดของบาโธรีจากประตูบานนี้’ ขณะยอนอูคิดถึงจุดที่ซ่อนชิ้นส่วนลึกลับในเขตบีอยู่ เขาก็ค่อย ๆ ยกมือขึ้นมาแนบกับบานประตูสีดำ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด