ตอนที่แล้วเล่มที่ 1 : บทที่ 9 – ทิวโทเรียล (7)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่มที่ 1 : บทที่ 11 – ทิวโทเรียล (9)

เล่มที่ 1 : บทที่ 10 – ทิวโทเรียล (8)


SLR - เล่มที่ 1 : บทที่ 10  - ทิวโทเรียล (8)

“ยูล” ชายนักดาบคนหนึ่งที่เป็นหัวหน้ากลุ่มปรากฏตัวพูดขึ้น เขาหล่อ ร่างกายกำยำ และพกดาบหนึ่งเล่มไว้ที่เอว

ยูลมองพวกเขา ปากพับสั่นเล็กน้อย “อะไรอีก? เรายังมีอะไรต้องให้พูดกันอยู่อีกเหรอ?”

“นายออกมา...”

“คงไม่จำเป็นต้องบอกนายหรอกนะว่าฉันออกมาได้ยังไง”

ชายคนนั้นเงียบไป ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน ตัวถ่วงที่พวกเขาทิ้งไว้ข้างหลังในห้องบอสตอนนี้ยังคงมีชีวิตอยู่ เขาคิดไม่ออกเลยว่าต้องรับมืออย่างไรกับสถานการณ์เช่นนี้

ยูลเผยความเกลียดชังออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน แต่เขาก็ฉลาดพอที่จะไม่ทำอะไรสิ้นคิดลงไป แม้ว่าเขาจะโกรธจัด แต่ก็รู้ว่าพลังคือสิ่งที่กำหนดทุกอย่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่มี ณ ตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือเมินคนเหล่านี้ไปเสีย “ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายจะพูดอะไร แต่ขอเถอะ ไสหัวไปซะ การที่เห็นหน้านายมันทำให้ฉันหงุดหงิดเป็นบ้า ช่วยทำเป็นไม่รู้จักกันจนกว่าทิวโทเรียลจะจบลงแล้วกัน ไม่ต้องห่วงหรอกนะ นายก็รู้ว่าฉันไม่มีอำนาจที่จะไปทำอะไรนายได้”

ชายทั้งสี่คนยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ท่าทางลังเล ทั้งสี่ยังไม่มีท่าทีที่จะปล่อยยูลไปง่าย ๆ และต่างก็มองหน้ากันและกัน

“แล้วยังมัวยืนทำอะไรกันอยู่อีก?” ยูลตะคอกใส่พวกเขาพร้อมกับความอดทนที่กำลังหมดลงเรื่อย ๆ

ในที่สุด ชายหัวหน้ากลุ่มก็กัดริมฝีปากและจู่ ๆ เขาก็โค้งตัวลงติดเอว “เราอยากขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น”

สีหน้าของยูลบิดเบี้ยวไปอย่างสมบูรณ์แบบ “ทำบ้าอะไรของนายน่ะ?”

“ฉันมีเรื่องอยากให้นายช่วย?”

“ช่วยงั้นเหรอ?”

“ช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับได้ไหม?”

“อะไรนะ?”

“พวกเรากำลังจะ... ขอโทษนะ ฉันบอกอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ แต่ได้โปรด อย่าบอกใครนะว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเราขอล่ะ”

แล้วอีกสามคนก็โค้งตัวตาม

“ช่วยเราเถอะนะ”

“ขอร้องล่ะ ยูล”

“นึกถึงสิ่งที่ผ่านมาด้วยกันสิยูล”

ยูลยังคงเงียบขณะก้มมองชายทั้งสี่ที่กำลังโค้งคำนับอยู่ตรงหน้า เหตุการณ์เกิดขึ้นราวกับวิดีโอที่กำลังเล่นอยู่ในความคิดเขา ทีมดิ้นรนอยู่หลายวันกว่าจะผ่านห้องบอสมาได้ และเมื่อเข้าตาจน พวกเขาก็บอกยูลว่าเขานั้นไร้ประโยชน์และใช้เขาเป็นเหยื่อล่อ เขาอ้อนวอนและร้องขอให้ช่วยเพื่อให้ทั้งสี่ไตร่ตรองใหม่อีกครั้ง แต่พวกเขาก็ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเอาแต่วิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต

ตอนที่เขาเจอกับทั้งสี่คนครั้งแรกในห้องพักคอยเขตเอ ตอนนั้นเขาคิดว่าได้เจอทีมที่เยี่ยม ทุกคนสุภาพและค่อนข้างเก่ง ถึงแม้ว่าคนในครอบครัวจะเตือนเขาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่าถึงอันตรายที่อาจจะพบเจอได้ในหอคอย แต่เพื่อนใหม่กลุ่มนี้ก็โน้มน้าวใจเขาไปอีกเส้นทางหนึ่ง แต่แล้วความประทับใจแรกของเขาก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ “ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายกำลังพูดบ้าอะไร ไสหัวออกไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าพวกนายอีกแล้ว” ยูลหันหลังเดินจากไปทันที

แคน หัวหน้ากลุ่มเริ่มหงุดหงิดและกัดริมฝีปากอีกครั้ง ‘พอกันที ขืนปล่อยไปแบบนี้ โอกาสของพวกเราคงหายไปกับอากาศ’ เขาต่อสู้กับความรู้สึกที่ซับซ้อนของตัวเอง ตอนที่ทั้งสี่คนออกมาจากเขตเอได้ เขาคิดว่าในที่สุดความชั่วร้ายก็ได้จบลง การใช้ยูลเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหุ่นไล่กาอาจนำมาซึ่งปัญหา แต่เขาก็ยังคงเชื่อมั่นว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกและการปกป้องทุกคนเป็นเรื่องสำคัญกว่า

ข้อพิจารณาสำคัญก็คือยูลทำได้แค่อ่านการไกลของกระแสมานา เขาไม่ได้มีส่วนช่วยทีมมากขนาดนั้นและการไม่มีเขาก็ไม่ได้ส่งผลทำให้ความแข็งแกร่งของทีมลดลงแต่อย่างใด แคนเชื่อว่าการกระทำของเขาเป็นสิ่งที่ให้อภัยได้หากเขาสามารถช่วยคนได้มากขึ้นจากการเสียสละของยูล จากนั้น แคนพาทีมไปตามหาชายที่ชื่อบิลด์ในห้องพักคอยเขตบี

เขาคือผู้เล่นที่รับทั้งสี่คนเขามาในทีมก่อนที่ทิวโทเรียลจะเริ่มขึ้น “พวกเราคือ อารังดัน ฉันชอบแววตาของนาย ปกติแล้วคนที่มีแววตาเช่นนี้มักจะมองโลกในแง่ดี สนใจมาร่วมทีมกับเราไหม? ฉันจะรออยู่ที่ห้องพักคอยเขตบี ถ้าอยากร่วมทีมกับเราก็ตามหาฉันได้ที่นั่น”

ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าชายคนนี้เป็นพวกประหลาดจึงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ต่อมาก็พบว่าอารังดันคือชื่อที่มีอิทธิพลชื่อหนึ่งในทิวโทเรียล อารังดันเป็นแคลนอันดับต้น ๆ ที่ผ่านบททดสอบจำนวนมากในทิวโทเรียลมาเป็นเวลานานแล้วและมีเส้นสายในหอคอย เป็นแคลนศาลเตี้ยที่รวบรวมคนเข้ามาป้องกันความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในทิวโทเรียล พวกเขาคอยป้องกันเล่ห์เหลี่ยมและการโกง ทั้งยังพยายามสร้างสถานที่ที่ซึ่งผู้เล่นสามารถเล่นกันได้อย่างยุติธรรมอีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ การคัดเลือกสมาชิกจึงต้องดำเนินการอย่างเข้มงวด มีการตรวจสอบภูมิหลังของผู้สมัครแต่ละคนอย่างถี่ถ้วนเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่คัดเลือกอาชญากรเข้ามาในแคลน เช่นการขู่กรรโชกหรือปล้นทรัพย์ เป็นต้น

เมื่อเป็นเช่นนี้ การที่จู่ ๆ ยูลก็ปรากฏตัวขึ้นมามันเหมือนกับหอกข้างแคร่ที่รอโอกาสจะกลับมาทำร้ายแคนและเพื่อนร่วมทีมของเขา ‘บ้าเอ๊ย ถ้าเจ้านี่แพร่งพรายความลับให้ใครต่อใครรู้เข้าล่ะก็...’ แคนทำกำลังจะไปพบบิลด์เย็นวันนี้ และพวกเขาดันพูดไปแล้วว่ายูลยินดีที่จะเสียสละตัวเองอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยพวกเขา ‘ถ้าหมอนี่เกิดทำแผนเราเสียขึ้นมาล่ะ? ทุกอย่างก็จะจบ มีข่าวลือว่าอารังดันขึ้นตรงต่อกิลด์ยักษ์ใหญ่กิลด์หนึ่งในหอคอยด้วย ถ้าความลับนี้รั่วออกไป เราเจอทางตันแน่’

บางที่มาบอกว่าอารังดันเป็นแคลนที่กิลด์หนึ่งในหอคอยสร้างขึ้นมาเพื่อเฟ้นหาผู้ที่มีความสามารถ แคนเองก็ไม่อยากพลาดโอกาสนี้ แต่ถึงแม้พวกเขาจะก้มศีรษะขอโทษแล้วก็ตาม ยูลก็ดูเหมือนจะไม่มีท่าทางยกโทษให้

‘ถ้าฉัน...’ แคนกัดฟันแน่น ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย การทรยศครั้งแรกมันมักจะยากเสมอ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองแล้วนั้นย่อมง่ายกว่ามาก แคนส่งสัญญาณทางสายตาให้เพื่อนเพื่อให้พวกเขาช่วยบดบังทัศนวิสัยไม่ให้คนอื่นมองเห็นสิ่งที่เขากำลังจะทำ เป็นการดีที่ไม่มีใครกำลังมองมาทางนี้ ‘ทำลายหลักฐานคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร ถึงยังไงบิลด์เองก็ไม่รู้ว่ายูลหน้าตาเป็นยังไงอยู่แล้ว แค่บอกว่าเจ้านี่ตายจากอาการบาดเจ็บสาหัสในห้องบอสแค่นั้นก็พอแล้ว’

เพื่อนร่วมทีมของเขาต่างสับสนและกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกเพราะแคนส่งสัญญาณให้อย่างต่อเนื่อง แคนค่อย ๆ ขยับมือไปจับด้ามดาบ เขาจะจบเรื่องนี้โดยเร็ว

“เห็นเขาว่าในทิวโทเรียลมีแคลนหนึ่งชื่อว่าอารังดันที่รายงานต่อชองฮวาโด และไม่ใช่แค่นั้นชองฮวาโดกำลังหาสมาชิกใหม่จากแคลนอารังดัน แต่คนนี้พวกนั้นคัดคนแบบเข้มงวดมาก พวกเขาต้องการแค่คนที่ไร้ประวัติด่างพล้อยเท่านั้น แต่น่าตลกที่คนพวกนั้นก็ไม่ได้มีประวัติขาวสะอาดสักเท่าไรนี่” จู่ ๆ เสียงหนึ่งก็พูดขึ้นมาจากข้างหลังเขาทำให้แคนตกใจ “เฮ้ย! อะไรกัน?” เขาพยายามชักดาบออกมาแต่กลับมีเสียงกรีดร้องดังแทรกขึ้นมาแทนจากความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วมือของเขา มือขวาร่วงลงบนพื้น เลือดสาดกระเซ็น “มือฉัน! มือช้าน!” แคนประคองข้อมือพร้อมกรีดร้อง

ขณะนั้นเอง ยูลก็สังเกตว่ามีบางอย่างแปลก ๆ เกิดขึ้นและหันหลังกลับมามองทันที เพื่อนร่วมทีมอีกสามคนที่เหลือชักดาบออกมาหันดาบไปทางยอนอูที่ถือกำลังกริชอาบชุ่มเลือด ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสน “ถ้าแกคิดร้ายมากพอที่จะหักหลังใครสักคน งั้นแกก็เตรียมเสียมือไปข้างหนึ่งได้เลย”

* * * * *

ยอนอูกำลังยืนนิ่วหน้าอยู่ภายใต้หน้ากาก ‘ทำไมต้องเอาตัวเองเข้ามายุ่งกับเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ด้วยเนี่ย? ทำตัวงี่เง่าเป็นบ้า’ เขาเลือกที่จะไม่สนใจและมุ่งหน้าต่อไปยังเขตบีเลยก็ได้ แต่เท้าเขากลับไม่ขยับไปจากที่เดิม ภาพของยูลวนเวียนอยู่ในความคิดเขา และเห็นภาพชายหนุ่มถูกเพื่อนร่วมทีมทรยศ ‘ทรยศ...’ เขาเห็นใบหน้าของยูลซ้อนทับกับใบหน้าของน้องชายตัวเอง

ยูลถูกเพื่อนร่วมทีมด้วยกันเองทั้งทรยศและทิ้งไว้ข้างหลัง เป็นสิ่งเดียวกับที่น้องชายของเขาเจอ และไม่ใช่เพียงแค่นั้น คนที่ทรยศยูลคนเดิมกลับมาเจอยูลอีกครั้ง มาพร้อมกับความตั้งใจที่ชัดเจน ปกติแล้วคนประเภทนี้จะไม่ทิ้งหลักฐานใดที่จะย้อนกลับมาทำร้ายพวกเขาได้อีก ยอนอูรู้เรื่องนี้ดี จึงเป็นเหตุผลที่เขาคอยจับตาดูคนเหล่านี้ว่ากำลังจะทำอะไรและก็ได้เห็นภาพอันน่ารังเกียจ เขาจึงอยากชำระล้างเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

“มือฉัน! มือฉัน! ไอ้เวรเอ๊ย! แกกล้าดียังไงมาทำกับฉันแบบนี้?” แคนร้องไห้ ยังคงประคองมือที่กุดด้วยสีหน้าที่บูดเบี้ยว เขาจ้องยอนอูด้วยสายตาโกรธแค้น “ฉันจะฆ่าแก!”

เพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ ของเขายังคงชี้ดาบมาที่ยอนอู แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามา ในตอนแรกก็ยังไม่มีใครสักเกตอะไรจนกระทั่งเห็นมือข้างหนึ่งของแคนกลิ้งไปบนพื้น

‘หมอนี่ไม่ธรรมดาเลย!’ เหงื่อเย็น ๆ ไหลท่วมหลัง พวกเขารู้เรื่องที่ยอนอูช่วยยูลไว้ แต่คิดเพียงว่าเขาแค่ช่วยเฉย ๆ เนื่องจากอย่างไรเสียเขาก็จะมุ่งหน้าไปเขตบีอยู่แล้ว อีกอย่าง พวกเขาคิดว่าคงรับมือได้ง่าย ๆ เพราะมีจำนวนคนที่มากกว่า แต่พวกเขาคิดผิด

ยอนอูยิ้มแบบเรียบเฉย “ก็ลองดูสิ”

“ไอ้สวะเอ๊ย!” แคนพุ่งไปข้างหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขาชักดาบออกมาด้วยมือข้างซ้ายและเหวี่ยงไปที่คอของยอนอู

“แคน!” เพื่อนร่วมทีมที่เหลือต่างร้องเรียกชื่อเขาด้วยความตกใจ พวกเขาไม่มั่นใจว่ายอนอูเก่งแค่ไหน นอกจากนี้ ถ้าแคนทำร้ายยอนอู การเข้าร่วมกับอารังดันอาจถูกทบทวนใหม่ แต่ท้ายที่สุด เสียงพูดของพวกเขาก็ส่งไปไม่ถึงหูของแคนที่ถูกบดบังด้วยความโกรธแค้น เขาถูกครอบงำจนเสียสติ

ยอนอูก้าวขาแยกจากกันพลางคิดว่าจะรับมือกับคนพวกเขาอย่างไร คนกลุ่มนี้เป็นประเภทที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวแม้จะทรยศใครก็ตาม และคงรับไม่ได้หากจะโดนเสียเอง เขามั่นใจว่ามันต้องเป็นเช่นนั้น

ยอนอูหลบดาบที่ตรงมาหาศีรษะและเคลื่อนที่ไปข้างหลังแคน เขากางแขนออกและโอบรัดรอบแขนแคนในเสี้ยววินาที จากนั้นก็บิดแขนแคนไปข้างหลังเบา ๆ

แกร่ก! แขนซ้ายของแคนบิดในองศาที่จะสร้างความเจ็บปวดมหาศาลให้เขาได้ “อ๊าก!” ยอนอูพลิกแขนแคนในท่าโอบรัดไล่ไปจนถึงหัวไหล่ โดยไม่สนว่าเขาจะทรมานแค่ไหน จากนั้นก็เตะตัดขาจากข้างหลังจนทำให้หัวไล่ของแคนหลุด กึก!

“อ๊ากกก!”

“แคน!”

“กะ แก ไอ้สารเลว!”

“ปล่อยเขานะ!”

แกร๊ง! ดาบหล่นกระทบพื้น แคนไม่อาจทานต่อความเจ็บปวดและคุกเข่าลงบนพื้น เพื่อนร่วมทีมของเขายังคงไม่กล้าเดินเข้ามา ยอนอูเร็วเกินไป และเขามีตัวประกัน

ยอนอูบิดแขนที่หักของแคนไปทางด้านหลัง เขายกขาข้างหนึ่งเหยียบกลางหลังและทิ้งน้ำหนักลงไปเรื่อย ๆ หากมีใครขยับเข้ามาเขาจะหักกระดูกสันหลังของเหยื่อรายนี้ทันที

“อ๊ากกก!” ดวงตาของแคนแดงก่ำ ราวกับจะถลนออกมาได้ทุกเมื่อ

“ขยับเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว บอกได้เลยว่าเพื่อนของพวกแกจะเดินไม่ได้อีกต่อไป” สายตาภายใต้หน้ากากของยอนอูเต็มไปด้วยความเยือกเย็น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด