ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 47 ความรักของหลินเทียนหยวน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 49 ทักษะกายหล่อเลี้ยง

80Y-ตอนที่ 48 ความรักพังทลาย


คืนพระจันทร์เต็มดวง แสงจันทร์ได้ส่องระยิบระยับไปทั่วพระราชวังต้องห้าม

ในวังหลังของจักรพรรดิ ตำหนักของจักรพรรดินี สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างงดงามยิ่งใหญ่และกว้างขวาง

ตอนนี้มันกลายเป็นของ เหมยเหนียง แล้ว

หลังจากสั่งให้ บ่าวรับใช้และขันทีจากไป นางก็นั่งอยู่คนเดียวในตำหนักจักรพรรดินี

นางมีสีหน้าที่เรียบเฉยขณะที่มองไปที่กระจกอย่างใจเย็น

เงาสะท้อนในกระจกคือใบหน้าที่เรียบเนียนและสวยงามราวกับบุพผา

มันเป็นใบหน้าที่สามารถสร้างรักแรกให้กับบุรุษได้ง่าย

อีกทั้งยังเป็นใบหน้าที่จับ หลินเทียนหยวน และ ทำให้เขาตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเห็น

ใบหน้านี้ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง

และ นี่อาจจะเป็นใบหน้าที่สตรีนับไม่ถ้วนล้วนต้องการ

แต่ในวินาทีต่อมา นางได้เอื้อมมือออกไปและลอกใบหน้านี้ออก

นางได้ดึงสิ่งที่เรียกว่า ‘ใบหน้ารักแรกพบของบุรุษ’ นี้ออกราวกับกำลังลอกผิวหนังส่วนเกิน

ที่ซ่อนอยู่หลังใบหน้านี้คือ วิญญาณขุนเขา ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยขนสีขาว

ดูแปลกและน่าเกลียดอย่างยิ่ง

“หึ่ม ข้าชักจะเอือมระอากับหน้ากากมนุษย์นี้เต็มที ข้าต้องใส่มันทุกวัน ทำให้ข้าแทบจะหายใจไม่ออก มันค่อนข้างอึดอัดอย่างมาก”เหมยเหนียง ได้บ่นพึมพัมออกมา

หลังจากดึงใบหน้านั้นออก นางก็เริ่มถอดผิวพรรณที่ขาวสะอาดของนางราวกับกำลังถอดเสื้อผ้าออก

วิญญาณขุนเขา-เรือนร่างที่ดำสนิทได้เผยให้เห็นออกมาในเวลานี้

“ฝ่าบาททรงบอกข้าแล้วว่าจะไม่เสด็จมาในวันนี้ ในที่สุดข้าก็ได้พักผ่อนเสียที”นางหายใจออกมาอย่างอิสระราวกัลกำลังเพลิดเพลินอิสระที่หาได้ยากนี้

สิ่งที่นางไม่รู้คือในตอนนี้กลับมีคนอื่นอยู่ในห้องเดียวกันกับนาง

จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของ หลินจิ่วเฟิง

วิญญาณขุนเขา ไม่สามารถสังเกตุเห็นเขาได้เลย

“เป็นอย่างที่คิด หลินเทียนหยวน กำลังถูกใครสักคนบงการอยู่เบื้องหลัง”ดวงตาของ หลินจิ่วเฟิง ได้กลายเป็นเย็นชา

เขาไม่ได้เสียเวลาอยู่ที่นี่ รีบออกจากตำหนักจักรพรรดินีและมุ่งหน้าไปที่ห้องโถงใหญ่แทน

ในขณะนี้ หลินเทียนหยวน กำลังคร่ำครวญความรักของเขาที่มาถึงสายเกินไป

มันเพิ่งมาตอนเขาอายุย่าง 30 ปีไปแล้ว

เขาต้องการเริ่มต้นความสัมพันธ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เขาอยากจะมีความรักในวัยเด็ก แต่มันก็สายเกินไปแล้ว

ในห้องโถงใหญ่ หลินเทียนหยวน ยังคงยิ้มกรุ้มกริมให้กับความรู้สึกของเขา

หลินจิ่วเฟิง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงเหล่านี้

บูม!

หลินจิ่วเฟิง ได้ผลักประตูห้องโถงใหญ่ในทันที

หลินเทียนหยวน รู้สึกตกใจ

“ท่านลุง!”

หลินเทียนหยวน มองไปที่ หลินจิ่วเฟิง ด้วยความประหลาดใจ เขารีบทักทายด้วยความเคารพในทันที

“หึ่ม ตามข้ามา”หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้พูดอะไร

เขาหันหลังและจากไปในทันที

หลินเทียนหยวน รู้สึกตกตะลึง

เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะพาเขาไปไหนแต่เขาไม่กล้าล่าช้า

เขาทำได้เพียงติดตาม หลินจิ่วเฟิง จากทางด้านหลังเท่านั้น

จนกระทั่งเขาค่อย ๆ ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปคือตำหนักจักรพรรดินี

ที่นั่นมีเพียงคนเดียวที่อาศัยอยู่ในขณะนี้

เหมยเหนียง - สนมหมิง ผู้เป็นที่รักของเขา

“ท่านลุง! เหมยเหนียง เป็นเพียงสตรีไร้เดียงสา!”

“ถ้าท่านโกรธ ได้โปรดมาลงที่ข้า อย่าได้ทำร้ายนาง”หลินเทียนหยวน ได้กล่าวอย่างเร่งรีบ

“หึ่ม ถึงข้าจะไม่ทำร้ายนาง แต่เกรงว่าจะมีใครบางคนไม่แสดงความเมตตาในภายหลัง”

ฝีเท้าของ หลินจิ่วเฟิง ได้หยุดลงขณะที่เขากล่าวเยาะเย้ย

“ท่านลุง ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ท่านไม่เคลื่อนไหว คนอื่นข้าล้วนหยุดพวกมันได้ทั้งหมด”

หลินเทียนหยวน ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ในฐานะจักรพรรดิ คนเดียวที่เขาหวาดกลัวก็คือ หลินจิ่วเฟิง

หลินจิ่วเฟิง ได้เดินไปข้างหน้าพร้อมกับ หลินเทียนหยวน

ระหว่างทางพวกเขาได้พบ บ่าวรับใช้สาว องค์รักษ์ และ ขันทีมากมาย

แต่ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะไม่สังเกตุเห็นพวกเขาด้วยเหตุผลบางอย่าง

แม้ว่าทั้งสองคนจะผ่านไปที่นั่นอย่างชัดเจน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถสังเกตุเห็นใครเดินผ่านมาแถวนี้

ไม่นานพวกเขาก็มาถึงหน้าตำหนักของจักรพรรดินี

ตำหนักทั้งหลังได้ถูกปิดแน่นมีองค์รักษ์เฝ้าด้านหน้าอยู่ทุกหนแห่ง

ข้างในตำหนักมีเพียงแสงไฟสลัว เผยให้เห็นเงาจาง ๆ เพียงเท่านั้น

หลินเทียนหยวน ได้ยิ้มออกมา

เงาร่างที่สง่างามเช่นนี้จะต้องเป็นสนมหมิงสุดที่รักของเขาอย่างแน่นอน

“แต่ปิดประตูและหน้าต่างทั้งหมดแบบนี้ อากาศจะสามารถถ่ายเทได้สะดวกหรือไม่?”หลินเทียนหยวน ได้พึมพัมออกมา

“ถ้านางไม่ปิดประตูและหน้าต่างทั้งหมด นางจะผ่อนคลายและเปิดเผยสถานะของตัวเองได้อย่างไร?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวพูดอย่างเย็นชา ขณะที่เดินผ่านประตูตำหนักเข้าไปพร้อมกับ หลินเทียนหยวน โดยตรง

ประตูที่ปิดสนิทไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเทพมนุษย์

เขาพา หลินเทียนหยวน เข้าไป และ หลินเทียนหยวน ก็มองไปที่ สนมหมิงอันเป็นที่รักของเขา

แต่สิ่งที่เขาเห็นคือ วิญญาณขุนเขาในรูปร่างมนุษย์

มันมีขนสีขาวทั่วตั้งเต็ม มีเล็บที่แหลมคมและผิวหนังที่เหี่ยวย่น

จะบอกว่ามันเป็นสัตว์อสูรก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริง

สัตว์อสูรชนิดนี้ ถูกชาวบ้านเรียกว่า วิญญาณขุนเขา

ร่างกายของ หลินเทียนหยวน ได้สั่นเทา

การแสดงออกของเขาได้กลายเป็นน่าเกลียดอย่างมาก

เขาตกใจจนพูดไม่ออก

เขาเหลือบมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง และ สั่นศีรษะ

“ท่านลุง...ไม่นี่ไม่ใช่ความจริง”ในขณะนี้ หลินเทียนหยวน ตัวสั่นอย่างรุนแรงขณะที่กล่าวออกมา

ความรักของเขาล้วนพังทลายลงอย่างสมบูรณ์

เขาไม่ได้โง่ แต่แค่ตาบอดเพราะความรัก

เขาปราถนาให้คนอื่นรักเขา และ ปราถนาที่จะรักคนอื่นในลักษณะเดียวกัน

นอกจากนี้ เขายังถือตนอวดดีตาบอดและลุ่มหลงในอำนาจของจักรพรรดิ

ในเวลานี้ จิตใจของเขาแทบจะพังทลายทั้งหมด เขากำลังตั้งคำถามให้กับตัวเองในใจ

หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้พูดอะไร

เขาได้เงยหน้าขึ้นและชี้ให้ หลินเทียนหยวน มองดูต่อไป

เหมยเหนียง ไม่กล้าเปิดเผยตัวเองนานเกินไป

นางได้เปิดเผยตัวเองไม่กี่ลมหายใจก่อนที่จะเริ่มแปลงกายกลับ

วิญญาณขุนเขา ค่อนข้างน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง ในเวลานี้มันได้สวมผิวหนังของเด็กสาวต่อหน้าต่อตาของ หลินจิ่วเฟิง และ หลินเทียนหยวน

จากนั้นนางก็หยิบสิ่งที่เรียกว่า ‘ใบหน้ารักแรกพบของบุรุษ’ ขึ้นมาและใส่มัน

เหมยเหนียง ในลักษณะที่ ดึงดูด หลินเทียนหยวน ได้ปรากฏขึ้นในเวลานี้

อีกทั้งนางยังขยิบตาให้กระจก

หลินจิ่วเฟิง ได้มองไปที่ หลินเทียนหยวน อย่างเฉยเมย

ในเวลานี้ ใบหน้าของ หลินเทียนหยวน ล้วนเปลี่ยนเป็นสีแดงร่างกายของเขาสั่นสะท้านไม่หยุด

มันเป็นความโกรธและความอับอายที่สุดในชีวิตของเขา

รักแรกพบของเขา!

ความรักของเขา!

เขาเสียสละมากมายเพื่อสตรีนางนี้…

เขาคิดว่าตนเองได้รับพรจากสวรรค์ เขาไม่ได้คาดหวังให้มันเป็นแบบนี้

เขาโกรธจนพูดไม่ออก

ภายใต้การจ้องมองอย่างไร้อารมณ์ของ หลินจิ่วเฟิง เขาได้กระอักโลหิตออกมา

“นางแพศยา ข้าจะฆ่าเจ้า!”

ทันใดนั้น หลินเทียนหยวน ก็ชักกระบี่จักรพรรดิของเขาออกมาและตะโกนดังลั่น

เขาได้พุ่งไปข้างหน้าโดยตรง

หลินจิ่วเฟิง ได้ปล่อยทักษะปกปิดตัวตนของเขาออก

เหมยเหนียง รู้สึกตกตะลึง

นางมองไปที่ หลินเทียนหยวน ที่ตอนนี้สีดวงตาได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความโกรธ

หัวใจของนางรู้สึกเต้นระรัว นางรู้ว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับปัญหา

“ฝ่าบาท เหตุใดพระองค์ถึงเสด็จมาที่นี่”เหมยเหนียง ได้ฝืนยิ้มและหลบเลี่ยงกระบี่นั้น

ร่างกายของนางค่อนข้างว่องไว เผยให้เห็นว่าแท้จริงแล้วนางได้ฝึกฝนการบ่มเพาะพลัง

“ข้าจะฆ่าเจ้า!’หลินเทียนหยวน ได้บ้าคลั่งไปแล้ว

สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นความอัปยศอย่างมาก เขาถูก วิญญาณขุนเขาหลอก

เขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะผ่าร่าง นางแพศยา นี้เป็นชิ้น ๆ แล้วเปลี่ยนนางให้กลายเป็นเนื้อสับ

หลินจิ่วเฟิง ได้เฝ้ามองอย่างสงบ ความรักของหลินเทียนหยวนได้กลายเป็นความเกลียดชัง

ความรักของอีกฝ่ายได้พังทลายลงโดยสมบูรณ์

“อย่าเพิ่งฆ่านาง พยายามจับตัวนางเพื่อที่จะได้สอบสวนอย่างระวัง ต้องมีใครชักใยอยู่เบื้องหลังของนางแน่ ดังนั้น ค่อยมองหาว่าคนผู้นี้เป็นใคร”หลินจิ่วเฟิง ได้มองไปที่ หลินเทียนหยวน ที่บ้าคลั่งและออกคำสั่งให้กับเขา

หลินเทียนหยวน ที่ ไล่ตาม เหมยเหนียงไป เขาได้หยุดลงทันที

จากนั้นเขาก็คำรามออกมาด้วยความโกรธ“จับบ่าวรับใช้และขันทีของนางทั้งหมด! สอบปากคำพวกมันทุกคนอย่างเคร่งครัด! ข้าต้องการหาตัวผู้บงการที่อยู้เบื้องหลัง หากข้าได้พบมัน ข้าจะไม่ละเว้นพวกมันแน่!”

ทันใดนั้น ไร้นามก็ปรากฏตัวขึ้น อีกฝ่ายอยู่ในขั้นปราชญ์การต่อสู้เท่านั้น แต่การปรากฏตัวครั้งนี้ทำให้สีหน้าของ เหมยเหนียงซีดไปด้วยความตกใจ นางไม่กล้าหันหลังกลับมาและพยายามวิ่งหนี

นางเก่งในด้านทักษะการล่อลวงไม่ใช่การต่อสู้

ดังนั้นนางจะต่อกรกับปราชญ์การต่อสู้ได้อย่างไร?

เพียงการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว นางก็ถูกจับ

มือของหลินเทียนหยวน ที่ถือกระบี่ได้สั่นเล็กน้อย

ในความคิดของเขาตอนนี้แทบจะอดไม่ได้ที่อยากจะฟันศีรษะของนางให้ขาดสะบั้น

รักแรกพบของเขา ความรักของเขา ล้วนพังทลายลงทั้งหมด

“ท่านลุงขอบคุณท่านมาก ไม่เช่นนั้นข้าคงรู้สึกสาปแช่งในความโง่เขลาของตัวเอง”

หลินเทียนหยวน พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อสงบสติอารมณ์ของเขาและกล่าวขอบคุณต่อ หลินจิ่วเฟิง

“การแก้ไขข้อผิดพลาดทั้งหมดที่เจ้าได้ทำไปในช่วงเวลานี้ก็นับเป็นการแสดงความกตัญญูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เจ้าสามารถทำให้ข้าได้แล้ว ในเมื่อเจ้าคิดว่าตนเองโง่เขลา เจ้าคงรู้ดีว่าลำพังตัวเองคงไม่สามารถจัดการปัญหาเหล่านี้ได้ทั้งหมด”หลินจิ่วเฟิง ได้ดุด่าเล็กน้อย

หลังจากการดุด่าของเขา เขาก็หันหลังจากไปพร้อมกับคำแนะนำสองสามคำ“ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ละเอียดถี่ถ้วน จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา จะถูกเล่นงานโดยพวกบัดซบเช่นนี้ได้อย่างไร”

“ค้นหาพวกมันและทำให้พวกมันต้องชดใช้ด้วยเลือดซะ!”

สายตาของ หลินเทียนหยวน ได้เปลี่ยนไปขณะที่เขาตอบกลับ“ขอรับ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด