ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 36 ฝึกฝนบนเตียงหยกและทะลวงผ่าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 38 วาดเทพมนุษย์

80Y-ตอนที่ 37 ทัศนคติของเหล่านิกายพุทธ


โลกได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเพียงชั่วข้ามคืน

เหล่ามหาอำนาจที่เก่าแก่ในอดีตได้ถือกำเนิดขึ้นใหม่อีกครั้ง และ พรสวรรค์ของคนรุ่ยเยาว์ได้พัฒนาขึ้นนับไม่ถ้วนและทะลวงขั้นการบ่มเพาะพลังของพวกเขา

แต่ทั้งหมดนี้ล้วนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ หลินจิ่วเฟิง

เขายังคงลงชื่อเข้าใช้อยู่ในตำหนักเย็นตามปกติ

[คุณต้องการลงชื่อเข้าใช้ดินแดนแห่งการเกิดใหม่ของพลังงานทางลบหรือไม่]

คำพูดได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของ หลินจิ่วเฟิง

เขารู้สึกประหลาดใจ

“ดินแดนแห่งการเกิดใหม่ของพลังงานทางลบ?”

คำเหล่านี้หมายความว่าอย่างไร

ดินแดนพลังงานทางลบดั้งเดิมตั้งอยู่ใต้ตำหนักเย็น ซึ่งถูกสร้างเป็นพระราชวังของจอมมารเมื่อ 1,500 ปีก่อน และ นิกายซากศพ ก็ได้มาทิ้งร่องรอยการค้นพบเอาไว้เมื่อ 7-8 ร้อยปีก่อน

หลินจิ่วเฟิง เคยลงชื่อเข้าใช้สถานที่แห่งนี้ไปก่อนแล้ว

แต่เขาไม่ได้รับประโยชน์อะไรมากขนาดนั้น

เพราะดินแดนพลังงานทางลบได้อยู่อาศัยมานานหลายพันปี

นอกจากนี้ จอมมารยังสร้างแค่พระราชวังเดียวเอาไว้ ขณะที่ นิกายซากศพ ได้ใช้สถานที่แห่งนี้มาฝังบรรพบุรุษของพวกเขา ส่งผลให้พลังงานด้านลบเหล่านี้ถูกใช้ไปหลายส่วน ก่อนที่ หลินจิ่วเฟิง จะมาถึง

ถ้าไม่เช่นนั้น ด้วยวิญญาณอาฆาตของสนมเจียที่อาศัยอยู่ในดินแดนพลังงานทางลบ นางคงไม่อ่อนแอจนถึงขนาดไม่แม้แต่จะฆ่า หลินจิ่วเฟิง ที่เพิ่งเริ่มบ่มเพาะพลังในตอนนั้น

“มันควรจะเป็นฝนแห่งยุคสมัยใหม่ ที่ทำให้ดินแดนแห่งพลังงานทางลบกลับมาทรงพลังมากขึ้นอีกครั้ง”

หลินจิ่วเฟิง ได้คิดอย่างรอบคอบและอนุมาน

ในอนาคตจะมีสถานที่ที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นมากมายทั่วโลกนี้อย่างแน่นอน

ดังนั้นเขาจึงต้องการจะพัฒนาความแข็งแกร่งขึ้น

หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับในทันที“ยืนยันการเข้าใช!”

[ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับทักษะ กำปั้นหกวิถีแห่งการจุติ]

ในช่วงเวลาต่อมา ความเข้าใจในเต๋าที่ยิ่งใหญ่ และ เจตนากำปั้นก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา รวมถึงความหมายที่แท้จริงของ หกวิถีแห่งการจุติ ใหม่

หลินจิ่วเฟิง รู้สึกตกตะลึง

“การทำให้หกวิถีแห่งการเกิดใหม่ปรากฏขึ้นในหมัดเดียว ทักษะนี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ”

โลกนี้ยังคงเป็นโลกที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ ความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของ หลินจิ่วเฟิง ก็คือเขาสามารถใช้ปราณดาบสังหารศัตรูที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยเมตรจากตัวเขาได้

แต่หลังจากฝนแห่งยุคสมัยใหม่มาถึง เขาก็ได้รับ กำปั้นหกวิถีแห่งการจุติ หลังจากลงชื่อเข้าใช้ตามปกติในวันนี้

กำปั้นหกวิถีแห่งการจุติ คือการใช้พลังชกออกไปเพื่อกลืนกินและทำลายศัตรู

โลกนี้ได้กลายเป็นโลกแฟนตาซีโดยสมบูรณ์

“จุดสุดยอดของเส้นทางการต่อสู้ได้เพิ่มขึ้นในโลกใหม่นี้ แต่ทว่าตอนนี้ยังมีหลายขั้นพลังที่ข้าจะต้องฝ่าฟันไปให้ได้”หลินจิ่วเฟิง ได้อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

ไม่มีใครรู้ว่ามีปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่กี่คนที่เข้าสู่ขั้นปราชญ์การต่อสู้ และ ขั้นปราชญ์การต่อสู้ในช่วงทำความเข้าใจกี่คนที่เข้าสู่ช่วงตระหนักรู้ในชีวิต

แม้แต่เจ้าแมวขาวที่นอนอยู่ตรงขอบหน้าต่างก็ยังส่งเสียงและกลิ่นอายที่น่าเกรงขามออกมา

มันได้กา้วหน้าอย่างมากในการบ่มเพาะพลัง

แต่ทันใดนั้น กลิ่นอายพลังในร่างกายของเจ้าแมวขาวก็ปะทุรุนแรงขึ้น

พลังงานสีดำได้โผล่ออกมาจากร่างกายจากนั้นมันก็เริ่มร้องเสียงหลงออกมาด้วยความเจ็บปวด

มันทำผิดพลาดในขณะฝึกฝนหรือไม่?

หลินจิ่วเฟิง ขมวดคิ้วแน่น

เจ้าแมวขาวรีบเร่งเกินไปในการบ่มเพาะพลัง มันไม่สามารถควบคุมพลังปราณจำนวนมหาศาลที่สะสมไว้ในร่างกายของมันได้

หลินจิ่วเฟิง ได้เอื้อมมือออกไปอย่างเด็ดขาดและดึงเจ้าแมวขาวมาไว้ใส่มือของเขา ขณะที่เขาใส่พลังปราณแท้จริงเข้าไปในร่างกายของมัน

ภายใต้การควบคุมของ หลินจิ่วเฟิง ในที่สุด อาการของมันก็สงบลง

มันค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

และพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่ในฝ่ามือของ หลินจิ่วเฟิง

มันได้เงยหน้ามองไปที่เขา

เมี้ยว!

เจ้าแมวขาวรีบกระโดดออกจากตัวของ หลินจิ่วเฟิง

มันมองเขาไปด้วยความโกรธก่อนที่จะเยีนสองสามคำด้วยอุ้งเท้าของมัน

“เจ้ามาจับข้าทำไม?”

“เจ้าทำผิดพลาดในขณะฝึกฝน”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวอย่างตรงไปตรงมา

ความโกรธของเจ้าแมวขาวได้ลดลง

หลินจิ่วเฟิง ก็แค่ช่วยมัน

เพียงแต่ว่า เจ้าแมวขาวได้เขียนลงบนพื้นอย่างอ่อนโยน“เจ้าไม่ได้รับอนุญาติให้แตะตัวข้า”

“เจ้าได้พัฒนาขั้นพลังใหม่อีกครั้ง แต่เจ้าก็ยังไม่สามารถพูดได้ เจ้านี่ค่อนข้างโง่จริง ๆ”หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะถูกตัวเจ้าแมวขาวเลย

เขาเพียงถูมือที่รู้สึกดีก่อนหน้านี้ไปมา

“ข้าทะลวงขั้นพลังแล้ว แต่เหตุใดข้ายังไม่สามารถสัมผัสพลังของเจ้าได้เลย?”เจ้าแมวขาวได้เขียนถามเขา

“เพราะข้าได้ทะลวงขั้นพลังใหม่เช่นเดียวกัน และ ระดับพลังของข้าก็อยู่ไกลเกินกว่าที่เจ้าจะเข้าใจ”

มุมปากของ หลินจิ่วเฟิง ได้ขดตัวขณะที่เขาพูดด้วยรอยยิ้ม

ผู้คนทั่วโลกต่างพูดกันอย่างกระตือรือร้นเกี่ยวกับฝนที่ตกลงมาเมื่อคืน

ไม่กี่วันผ่านไป ฝนก็ยังตกไม่หยุด

ในที่สุดมันก็ตกนานเป็นเดือน

ภายในเดือนนี้ มีรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์จำนวนมากปรากฏตัวขึ้นที่หนแห่ง

นอกจากนั้นยังมีผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งเมื่อหลายร้อยปีก่อนได้เริ่มปรากฏตัวขึ้นในโลก การปรากฏตัวของพวกเขาได้ทำลายความสงบขั้นต้นของโลกโดยสมบูรณ์

อัจฉริยะรุ่นเยาว์ และ ยอดฝีมือรุ่นเก่า ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันและแข่งขันกันเอง เหล่ามหาอำนาจนับไม่ถ้วน ต่างได้ทยอยปรากฏตัวขึ้นในโลกใบใหม่นี้

พลังส่วนบุคคลเองก็พัฒนาอย่างต่อเนื่อง อำนาจของราชสำนักและราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ลดลงอย่างมาก เนื่องจากมีการละเมิดกฏหมายต่าง ๆ และ บุคคลที่กระทำผิดก็เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีสิ้นสุด

ในที่สุด หลินเทียนหยวน ก็ตัดสินใจมุ่งเป้าไปที่นิกายพุทธ

เขาได้ออกราชโองการออกมา

โดยมีคำสั่งรื้อถอน อาราม และ วัด กว่า 80,000 แห่งที่เป็นของ วัดซวนคงและวัดเส้าหลิน แน่นอนว่า สิ่งปลูกสร้างเดิมของนิกายพวกเขาได้รับการยกเว้น

อย่างไรก็ตาม เหล่านักบวชหลายล้านคนได้รับคำสั่งให้ละทิ้งความศรัทธาและเข้าสู่โลกฆราวาส

ในหมู่พวกเขา เหล่าคนบาปที่ทำกรรมไว้ก่อนหน้านี้ต่างถูกเจ้าหน้าที่พาตัวไปพิจารณาคดีอย่างยุติธรรมและรับการลงโทษสำหรับกรรมที่พวกเขาก่อ

ราชโองการนี้ต่างทำให้โลกตกตะลึง

ยุคสมัยใหม่ได้มาถึง

นี่เป็นยุคที่ผู้บ่มเพาะพลังจะกลายเป็นผู้ที่ตัดสินทุกอย่างโดยไม่ต้องสงสัย

ทั้งวัดเส้าหลินและวัดซวนคงต่างมีมรดกตกทอดมานานนับพันปี

ด้วยรากฐานของพวกเขา พวกเขามีทั้งรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์และรุ่นเกาที่แข็งแกร่ง

เมื่อ 400 ปีก่อน ตอนที่ ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ก่อตั้งขึ้น มีเพียงปราชญ์การต่อสู้ไม่กี่คนภายใต้ร่มธงของพวกเขา แต่ตอนนี้ทางราชสำนักกลับกล้าที่ดำเนินการกับกองกำลังที่ทรงพลังเหล่านี้หรือไม่?

โลกทั้งใบพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

ทุกคนต้องการดูว่า วัดเส้าหลิน และ วัดซวนคง จะตอบสนองอย่างไร

เจียงหนาน!

บนทิวเขาสูงตระหง่าน มีนักบวชจำนวนมากทุกหนแห่ง บนยอดเขาที่สูงที่สุดก็คือวัดเส้าหลิน ทุกวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้น แสงสีทองจะส่องสว่างบนยอดเขาแห่งนี้ทำให้มันดูเหมือนกับอาณาจักรของพระเจ้า

นี่คือฐานหลักของ วัดเส้าหลิน มันตั้งอยู่ที่ ภูเขาเส้าฉี

มันถูกเขียนในราชโอดงการของ หลินเทียนหยวน ยกเว้น วัดบนภูเขาลูกนี้ วัดน้อยใหญ่หลายแห่งนอกภูเขาจะต้องถูกรื้อถอน

หลังจากที่วัดเส้าหลินได้รับราชโองการพวกเขาก็เริ่มเรียกตัวกันมาหารือในทันที

ในห้องโถงใหญ่เหล่านักบวชอาวุโสหลายร้อยคนได้นั่งเรียงกันเป็นแถว

บูม!

หัวหน้านักบวชอาวุโส ได้ตบโต๊ะด้วยความโกรธในทันที“นิกายพุทธของเราเป็นอิสระตลอดระยะเวลาหลายพันปีมานี้ ไม่มีราชวงศ์ใดกล้ามาแทรกแซงพวกเรา และ ไม่คิดจะทำลายพวกเรามาก่อน”

“พวกเราได้เผยแพร่ศาสนาไปทั่วเพื่อให้ผู้คนตระหนักรู้ในชีวิตและมีความสุข…”

“แต่ตอนนี้ทางราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาคิดจะทำอะไรกับพวกเรา?”

“ถูกต้องราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา อาจหาญมากเกินไป”

“เป็นแค่ราชวงศ์ที่ถูกก่อตั้งเมื่อ 400 ปีก่อน แต่กลับอาจหาญมากขนาดนี้เลยหรือไม่?”

“การสั่งรื้อถอน อารามและวัดของพวกเราก็เท่ากับการทำลายรากฐานของวัดเส้าหลิน…”

“เราจะต้องคัดค้านราชโองการนี้ให้ถึงที่สุด”

“ในที่สุดข้าก็เข้าใจความหมายถึงภัยพิบัติที่พระองค์ท่านหมายถึง ปรากฏว่าที่แท้จริงแล้วนี่มันมาจากราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา”

เหล่านักบวชอาวุโสได้พูดคุยกัน

เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินได้ยกมือขึ้นและกล่าวอย่างใจเย็น“ไม่ต้องตื่นตระหนกไป”

“นี่คือยุคสมัยใหม่ เหล่าผู้อาวุโสของวัดเส้าหลินเราต่างก็ได้ค้นพบเส้นทางในความก้าวหน้าของพวกเขา…”

“ขอบเขตขั้นปราชญ์การต่อสู้ไม่ยากที่จะเข้าถึงอีกต่อไป”

“บางคนได้ไปถึงช่วงที่ 2 ของขั้นปราชญ์การต่อสู้แล้ว ยังมีผู้อาวุโสบางคนที่พยายามจะทะลวงผ่านไปยังขั้นที่ 3 ‘ข้ามผ่าน’”

“ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา เป็นราชวงศ์ฆราวาส พวกเขาคิดอาศัยปราชญ์การต่อสู้ที่ทรงพลังที่หลบซ่อนตัวในเมืองหลวงในการจัดการพวกเรา เพียงแต่ เขาคิดว่าคน ๆ เดียวจะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ลำพังงั้นหรือไม่?”

“ไม่จำเป็นจะต้องรอให้วัดเส้าหลินของเราตอบโต้เป็นการส่วนตัว พวกเราเพียงแค่มองหายอดฝีมือที่มีความเกลียดชังต่อราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา และ รวบรวมพวกเขาเข้าด้วยกัน ข้าคิดว่าด้วยกำลังของพวกเขาก็เพียงพอแล้วที่จะบดขยี้ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา”

เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินได้ยิ้มออกมา รอยยิ้มของเขาได้เผยท่าทีเหยียดหยาม“นี่คือยุคสมัยใหม่ของผู้บ่มเพาะพลัง มันไม่ใช่ยุคของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาอีกต่อไป ในเมื่อพวกเขาไม่ไว้หน้าเราขนาดนี้ พวกเราก็มาเปลี่ยนราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์นี้กันเถอะ!”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา นักบวชของวัดเส้าหลินต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

วัดเส้าหลินสืบทอดต่อกันมานับพันปี อย่างน้อยพวกเขาก็เป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่

พวกเขาจะปล่อยให้ตนเองถูกรังแกโดยราชวงศ์ที่เพิ่งก่อตั้งได้เพียงแค่ 400 ปีได้อย่างไร?

ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่านักบวชจากวัดเส้าหลินต่างก็ไม่พอใจในเรื่องนี้

พวกเขาทำราวกับว่าพวกเขาไม่สนใจราชโองการเหล่านี้

ไม่มี อาราม และ วัดใดภายใต้วัดเส้าหลินที่ถูกรื้อถอน

พวกเขาไม่สนใจ!

วัดเส้าหลิน ได้เพิกเฉยต่อราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา และ ราชโองการของจักรพรรดิหลินเทียนหยวนโดยตรง

อย่างไรก็ตาม วัดซวนคง กลับมีความตรงไปตรงมามากกว่า

หลังจากเห็นราชโองการแล้ว พวกเขาก็ประกาศว่าจะสร้างวัดอีก 100 แห่งในมณฑลเจียงหนาน โดยหวังว่าเหล่าผู้ศรัทธาจะบริจาคเงินกันอย่างแข่งขันเพื่อช่วยเหลือในการหล่อเลี้ยงพระพุทธองค์ขึ้น

ในทางกลับกันพวกเขาได้รับอิทธิพลอย่างมาจากการบริจาคเหล่านี้

ทั้งสองนิกายต่างก็ไม่สนใจราชโองการของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา

บางคนเริ่มสงสัยว่าเหตุใด ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา จึงมีการปฏิบัติต่อสามนิกายทางพุทธเหล่านี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แม้ว่าข้อเท็จจริงต้นกำเนิดของพวกเขาจะเหมือนกัน

ยกตัวอย่างเช่น เหตุใดราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา จึงไม่มุ่งเป้าไปที่วัดต้าหลินด้วย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด