ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 34 ข่าวใหม่เกี่ยวกับสตรีศักดิ์สิทธิ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 36 ฝึกฝนบนเตียงหยกและทะลวงผ่าน

80Y-ตอนที่ 35 รอสายฝน


หลินจิ่วเฟิง ได้มองไปที่ หลินเทียนหยวน อย่างเฉยเมย

‘พูดในสิ่งที่ควรพูด’

‘อย่าได้พูดอะไรที่ไม่ควรพูด’

หลังจาก หลินเทียนหยวน แซวลุงของเขา เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเขาทำอะไรลงไป ตอนนี้เขารู้สึกกังวลขึ้นในทันที“ท่านลุง สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งราชวงศ์หยานที่ยิ่งใหญ่นี้แทบจะไม่ได้ละจากหน้าที่ของนางเลยตลอด 25 ปีที่ผ่านมาหลังจากที่นางกลับไป…”

“นางมีหน้าที่รับผิดชอบต่อการเสียสละในประเทศ”

“หลายคนบอกว่านางสามารถสื่อสารกับเหล่าทวยเทพได้”

“มีคนมากมายนับไม่ถ้วนที่บอกว่าตนเองสามารถสื่อสารกับเหล่าทวยเทพได้ แต่คนเหล่านั้นกลับมีความสามารถงั้นหรือไม่?”หลินจิ่วเฟิง  ได้ทำตัวเฉยเมย ภาพของสตรีศักดิ์สิทธิ์นางนี้ได้หายไปจากใจของเขาแล้ว เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านางหน้าตาเป็นอย่างไร

เพราะท้ายที่สุด เขาก็ไม่เคยคิดถึงนางเลยแม้แต่ครั้งเดียวตลอด 25 ปีที่ผ่านมา

มันคงจะแปลกหากเขายังคงจำรูปร่างหน้าตาของนางได้

“ท่านลุง ท่านพูดผิดแล้ว จากข้อมูลที่ข้าได้รับ สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งราชวงศ์หยานผู้ยิ่งใหญ่นี้นางมีความสามารถจริง ๆ”หลินเทียนหยวน ได้อธิบาย

“ความสามารถอะไร?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม

“สตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ได้รับพรจากเหล่าทวยเทพในการให้ความตระหนักรู้แก่ผู้อื่น…”

“มีคนมากมายมาสวดอ้อนวอนด้วยความจริงใจ หลังจากได้รับการตระหนักรู้จากนางแล้ว พวกเขาก็กลายเป็นยอดฝีมือในเวลาต่อมา”

“ปราชญ์การต่อสู้บางคนได้ปรากฏตัวขึ้นก็เพราะความสามารถของนาง”

“คนเหล่านี้ได้กลายเป็นผู้พิทักษ์ที่อุทิศตนให้กับนาง ทำให้ ตอนนี้ ทางราชวงศ์หยานที่ยิ่งใหญ่ไม่สามารถดูแคลนได้”หลินเทียนหยวน ได้อธิบาย

“มอบการตระหนักรู้ให้ผู้คนจนตัดผ่านขั้นปราชญ์การต่อสู้?”

การแสดงออกของ หลินจิ่วเฟิง ค่อนข้าง แปลกๆ

“ถูกต้อง นี่คือข้อมูลที่ข้าได้รับมาจากระบบข่าวกรองของข้า ทุกอย่างมันเป็นเรื่องจริง”

หลินเทียนหยวน ได้พยักหน้า

“หากคิดจะสอนให้ผู้อื่นตัดผ่านเข้าสู่ขั้นปราชญ์การต่อสู้ได้ แน่นอนว่านางจะต้องมีรากฐานการบ่มเพาะพลังที่สูงกว่าขั้นปราชญ์การต่อสู้อย่างแน่นอน”

“แต่เท่าที่ข้าจำได้ตอนที่สตรีศักดิ์สิทธิ์ถูกจับเมื่อ 25 ปีก่อน นางไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นก่อกำเนิดเลยด้วยซ้ำอีกทั้งยังอ่อนแอมาก”

“จะบอกว่านางสามารถกลายเป็นยอดฝีมือที่น่าสะพรึงกลัวหลังจากผ่านไป 25 ปี?”

หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะเขาพบว่ามันยากที่จะเชื่อว่านี่เป็นความจริง

ถ้า หลินจิ่วเฟิง ถูกขอให้เป็นที่ปรึกษาให้กับใครบางคนในการตัดผ่านขั้นปราชญ์การต่อสู้ เขาก็สามารถทำได้โดยใช้ความพยายามเพียงแค่เล็กน้อย

แต่ทว่า ก็ทำได้แค่ช่วงแรกของขั้นปราชญ์การต่อสู้ ช่วงทำความเข้าใจเพียงเท่านั้น

ตอนนี้ หลินจิ่วเฟิง อยู่ในช่วงที่สองของขั้นปราชญ์การต่อสู้ การตระหนักรู้ในชีวิต

และเขาได้มาถึงจุดสูงสุดของช่วงที่สองนี้แล้ว

เขาไม่กล้าจะเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียวในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา แต่เป็นไปได้อย่างไรที่สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งราชวงศ์หยานที่ยิ่งใหญ่ สามารถเปรียบเทียบกับเขาในแง่ของความเร็วในการฝึกฝน?

หลินเทียนหยวน คิดว่า หลินจิ่วเฟิง ไม่เชื่อ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้วางแผนจะอธิบายเพิ่มเติม“ข้าแค่อยากจะบอกท่านลุงเอาไว้ เพราะเห็นว่านางเคยมีความสัมพันธ์กับท่านมาก่อน”

“ถ้าท่านไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ไม่เป็นไร ข้าจะกลับไปจัดการงานราชกิจต่อ”

หลินจิ่วเฟิง ได้มองดูอีกฝ่ายจากไปโดยไม่พูดอะไร

สตรีศักดิ์สิทธิ์ มีความสัมพันธ์กับเขา?

“ครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะมีความเกี่ยวข้องกับนางตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของข้า”

หลินจิ่วเฟิง ได้พึมพัมออกมา

ด้วยลักษณะนิสัยของเขา เขาคิดจะฝึกฝนอยู่ในตำหนักเย็นตลอดไป และ มันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เขาจะออกไปพบกับสตรีศักดิ์สิทธิ์คนนี้

หลังจากที่ หลินเทียนหยวน จากไป เจ้าแมวขาวก็เดินเข้ามาหาอย่างช้า ๆ

มันได้กล่าวถาม หลินจิ่วเฟิง ผ่านการเขียน

“บอกข้าเกี่ยวกับสตรีศักดิ์สิทธิ์คนนี้”

“เอาเวลาไปฝึกลายมือที่แย่ยิ่งกว่าสุนัขคลานก่อนเถอะ”

หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้สนใจมัน

เจ้าแมวขาวได้มองไปที่ หลินจิ่วเฟิง

มันรู้สึกอับอายอย่างมากและกระแทกอุ้งมือลงที่พื้นด้วยความโกรธ

หมายความว่าอย่างไรที่ว่าลายมือของมันแย่ยิ่งกว่าสุนัขคลาน?

ลองมองดูว่าลายมือของมันนั้นน่าเอ็นดูขนาดไหน

หลินเทียนหยวน ได้ยุ่งกับการเตรียมการรับมือกับนิกายพุทธ และ ทางราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาก็เช่นเดียวกัน

ในตำหนักเย็น หลินจิ่วเฟิง ได้อยู่ตรงกลางลานที่พัก เขากำลังทำความเข้าใจในช่วงที่สามของขั้นปราชญ์การต่อสู้ ‘ข้ามผ่าน’

เขากำลังสร้างความก้าวหน้า

‘ข้าต้องฝ่าฟันไปยังช่วงที่สามโดยเร็วที่สุด จากนั้นก็เริ่มพยายามทำความเข้าใจในช่วงที่ 4 ของขั้นปราชญ์การต่อสู้ เพราะเป้าหมายของข้าคือการก้าวไปสู่ขั้นเทพมนุษย์โดยเร็วที่สุด และ หวังว่าจะบรรลุจุดสูงสุดของการฝึกฝน…’

‘นี่คือเป้าหมายของข้า’หลินจิ่วเฟิง ได้ครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ

ถ้าไม่จำเป็นเขาก็ไม่คิดจะออกจากตำหนักเย็นเลย

เขามีอายุที่ยืนยาวอย่างน่าเหลือเชื่ออยู่แล้ว

เมื่อฤดูหนาวผ่านไป น้ำแข็งและหิมะในเดือนสิบสองก็ละลายในที่สุด

ฤดูใบไม้ผลิได้มาถึง โลกทั้งใบมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย

ในตำหนักเย็น หลินจิ่วเฟิง ได้มองดูท้องฟ้ามาสองสามวันแล้ว

เขาได้ขมวดคิ้วแน่นทุกครั้งที่ทำอย่างนั้น

เขากลับไปยังพระราชวังใต้ดินและเคาะประตูด้วยนิ้วเท้าของเขา

หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าแมวขาวก็เดินออกมาพร้อมกับมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง ด้วยความประหลาดใจ

หลินจิ่วเฟิง ไม่เคยมาที่นี่เพื่อมองหามันมาก่อน

“เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามีบางสิ่งเกิดขึ้นกับโลกใบนี้”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม

เจ้าแมวขาวได้ครุ่นคิดอยู่ครู่นึงและเขียนตอบกลับด้วยความสงสัย“ข้าไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย?”

หลินจิ่วเฟิง เหลือบมองไปที่คำนั้น

ลายมือยังคงน่าเกลียดเหมือนเดิม

เมื่อเห็นว่าแมวขาวไม่ได้สังเกตุเห็นความผิดปกติ หลินจิ่วเฟิง ก็หันหลังและกลับไปสังเกตุท้องฟ้าเหมือนเดิม

เมี๊ยว!

เจ้าแมวขาวได้ตะโกนร้องเรียกและเขียนคำสองสามคำขึ้นอย่างรวดเร็ว

“เจ้าพบอะไร?”

หลินจิ่วเฟิง ได้หยุดเดินเขาได้มองดูคำเหล่านั้นก่อนที่จะตอบกลับ“พลังงานทางโลกเริ่มไม่ค่อยเสถียรความเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นในช่วง 1-2 ชั่วยามก่อนรุ่งสาง”

“พลังงานทางโลกที่มีอยู่พวกเราสามารถดูดซับมันได้อย่างปกติเหมือนเดิม แต่มีพลังงานทางโลกมากมายบนท้องฟ้าที่ราวกับกำลังก่อตัวเป็นพายุขึ้นบ้างบน”

หลินจิ่วเฟิง ได้อธิบายสิ่งที่เขาสังเกตุเห็นให้กับเจ้าแมวขาวฟัง

ปราชญ์การต่อสู้ทั่วไปคงจะไม่สามารถสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้

มีเพียง หลินจิ่วเฟิง ที่นอนไม่หลับในตอนกลางคืน และมีดวงตาที่เฉียบคมพอที่จะมองเห็นฉากดังกล่าวในตอนกลางคืน

เจ้าแมวขาวก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความสับสน

แต่มันก็ไม่ได้ค้นพบอะไร

แต่มันเชื่อในคำพูดของ หลินจิ่วเฟิง ดังนั้นมันจึงได้ตามเขาไปในขณะที่เขาเดินไปทั่วรอบตำหนักเย็นตั้งแต่เช้าจรดค่ำ

ทว่ามันก็ยังไม่ค้นพบอะไร

ในตอนกลางคืน เจ้าแมวขาวได้นอนอยู่บนกำแพงลานที่พัก ขณะที่ หลินจิ่วเฟิง ได้ยืนสังเกตุท้องฟ้า

รูปลักษณ์ภายใต้แสงจันทร์ของอีกฝ่ายยังคงเหมือนกับเมื่อ 25 ปีที่แล้ว

หลินจิ่วเฟิง ได้มองขึ้นไปบนท้องฟ้า

สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าหลายพันเมตร

มีพายุพลังงานจำนวนมากปรากฏขึ้น

เจ้าแมวขาวไม่สามารถมองเห็นสิ่งเหล่านี้ได้

มันได้สังเกตุอย่างระวังแต่ก็ไม่พบอะไร

เมื่อ หลินจิ่วเฟิง มองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาก็นึกขึ้นได้ว่ามีบางอย่างในใจขณะที่เขา“ฝนในฤดูใบไม้ผลิยังไม่มาใช่หรือไม่?”

เจ้าแมวขาวมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง ด้วยความประหลาดใจ

ทำไม จู่ ๆ เขาถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา?

เจ้าแมวขาวไม่ใช่ชาวนา

ฝนฤดูใบไม้ผลิเกี่ยวข้องอะไรกับเขา?

หลินจิ่วเฟิง ได้พึมพัมออกมา“คืนนี้จะมีฝนตกหนักและส่งผลกระทบต่อโลกทั้งหมด”

เจ้าแมวขาวมองไปที่ หลินจิ่วเฟิง ด้วยความสงสัย

เขาไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูดเลยแม้แต่น้อย

หลินจิ่วเฟิง ได้หยุดพูดและกลับไปที่ห้องของเขา

เขาได้เปิดประตูและหน้าต่างขณะที่เขานอนอยู่บนเตียงหยกน้ำแข็ง

จากนั้นเขาก็รออย่างสบายใจ

ในวัดพุทธ มีนักบวชอาวุโส 7-8 คน ยืนล้อมรอบ นักบวชที่มีร่างชราและเหี่ยวเฉา

“พลังงานทางโลกกำลังจะฟื้นตัวกลับมาแล้วจริง ๆ คืนนี้จะมีฝนตกหนัก และ ฝนนี้จะเป็นสัญญาณของการมาถึงของยุคสมัยใหม่”นักบวชที่ชราภาพ ได้พึมพัมออกมา การหายใจของเขาลดลงอย่างมาก แต่ดวงตาของเขากลับดูสดใส

ดูเหมือนจะมีภาพจำนวนนับไม่ถ้วนแวบเข้ามาในดวงตาของเขา

“พระองค์ท่านมองเห็นอะไร?”นักบวชคนนึงได้กล่าวถาม

“วัดเส้าหลินกำลังจะประสบภัยพิบัติ อย่า-”ขณะที่นักบวชชราภาพกำลังกล่าวพูดด้วยความยากลำบาก แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็หยุดหายใจและจากไปเสียก่อน

นักบวชคนอื่น ๆ ได้มองดู นักบวชชราที่ไร้ลมหายใจ จากนั้นพวกเขาก็มองหน้ากัน

“มารอดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น พระองค์ท่านได้ทรงใช้ญาณชีพในการสอดแนมอนาคต และ เตือนพวกเราว่า วัดเส้าหลินกำลังจะประสบภัย”นักบวชผู้เที่ยงธรรมได้ตอบกลับ

“ถูกต้อง พระองค์ท่านตรัสเช่นนั้นก่อนจะสิ้นใจก็จริง แต่พวกเราไม่มีความจำเป็นจะต้องกลัว เส้าหลิน สามารถยืนหยัดอยู่ได้มานานนับพันปีเป็นเพราะความสามัคคีของพวกเรา”หัวหน้านักบวช ได้กล่าวพูดอย่างหนักแน่น

หลังจากนั้นพวกเขาก็เตรียมพิธีศพของพระองค์ท่านและรอฝนตกหนักที่กำลังจะมาถึง

ราชวงศ์หยานที่ยิ่งใหญ่

มันเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาที่กว้างใหญ่และมีตำนานมากมายอยู่ล้อมรอบ ต่างจากที่ราบภาคกลางตรงที่มันมีบรรยากาศแปลกใหม่

วิหารศักดิ์สิทธิ์!

นี่เป็นวิหารที่มีความสำคัญสูงสุดของราชวงศ์หยานที่ยิ่งใหญ่ เหล่าประชาชน ได้เรียกขานที่นี่เป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์ เพราะมันเป็นที่พำนักของสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถสื่อสารกับเหล่าทวยเทพได้

ในห้องโถงใหญ่ของวิหารศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงสตรีคนเดียงที่อาศัยอยู่ข้างใน นางสวมชุดสีแดงได้แว่งไปมาได้ง่าย ผนวกกับใบหน้าที่สวยงามของนางค่อนข้างให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่อย่างมาก ทุกการเคลื่อนไหวของนางช่างดูน่าหลงใหล

อย่างไรก็ตาม นางก็ไม่ได้ทำอะไรไร้สาระดังกล่าว

เสน่ห์ที่น่าดึงดูดเหล่านี้ล้วนมาจากการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของนางเอง และ สิ่งนี้เองที่ทำให้ บุรุษนับไม่ถ้วนต่างตกหลุมรักนาง

แต่ทว่าหลังจากนางกลับมาเมื่อ 25 ปีก่อนก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้นางเลย

คืนนี้นางได้มองดูท้องฟ้าและพึมพัมออกมา

“โลกกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง โอกาสของข้าใกล้จะมาถึงแล้ว”

นางกำลังเฝ้ารอฝนแห่งยุคสมัยใหม่ที่กำลังจะมาถึง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด