ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 2

ผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 1


ผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 1

เซี่ยเยี่ยนหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูทิศเหนือของมหาวิทยาลัยซีเหอ บนหลังสะพายเป้ที่ทำจากผ้ายีนส์ ชุดที่สวมก็เป็นเพียงเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ขาสั้นที่รวมกันหัวจรดเท้ามีราคาไม่ถึงร้อยหยวน

ในกระเป๋าสตางค์มีบัตรเครดิตหนึ่งหมื่นหยวนที่ได้มาจากชาวบ้านสามพันหยวนและอาจารย์อีกเจ็ดพันหยวน

แม่ของเขาเสียชีวิตจากการคลอดบุตรยาก ขณะที่พ่อของเขาเกือบต้องตายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในไซต์ก่อสร้างที่เมืองเฉิงตู บริษัทก่อสร้างเพียงจ่ายเงินค่ารักษามาหนึ่งแสนหยวน จากนั้นก็เงียบหายไป

หลังจากดิ้นรนอยู่บนเตียงนานนับเดือน พ่อของเขาก็เสียชีวิต เงินเก็บของครอบครัวและเงินเยียวยาจำนวนหนึ่งแสนหยวนก็หมดไปกับการรักษา

ในกระเป๋าเป้ของเขามีถุงผ้าใส่หินที่ยังไม่แกะสลักจำนวนยี่สิบก้อนที่ได้มาจากอาจารย์อยู่ แต่หินเหล่านี้ก็ไม่ใช่หินเกรดพรีเมี่ยมอย่างหินโชวชานหรือหินชิงเทียนแต่อย่างใด พวกมันเป็นเพียงหินผลึกธรรมดาที่มีราคาค่างวดราวยี่สิบหยวนต่อก้อนก็เท่านั้น

"ถ้าเงินหมดก็ให้แกะสลักหินสักสองก้อน ทักษะการแกะสลักของเธอยังดีกว่าฉันเสียอีก คงไม่มีปัญหาสำหรับแลกโจ๊กสักถ้วย"

"อ้อยังมีอีกเรื่อง เถ้าแก่ร้านขายวัตถุโบราณที่สะพานซ่งเซียนเหยาชื่อกู่เป็นน้องชายของฉันเอง มีปัญหาอะไรก็ไปหาเขาได้"

"แล้วก็ยังมีอีกคนที่เธอสามารถลองไปหาได้ถ้ามีเวลา ฉันเคยช่วยชีวิตเขาไว้ ถ้าเจอเขาก็ให้ถามเขาว่ายังรักษาคำพูดอยู่หรือเปล่า"

"เขาเคยพูดว่าไงเหรอครับ?"

"เขาบอกว่าจะยกลูกสาวให้แต่งงานกับลูกศิษย์ของฉัน"

".........."

เซี่ยเยี่ยนเริ่มเรียนรู้การแกะสลักหินจากอาจารย์ของเขาตั้งแต่อายุได้แปดปี ตอนนี้ศีรษะของอาจารย์กลายเป็นสีดอกเลาไปแล้ว อีกทั้งนิสัยก็ยังจุกจิกจู้จี้กว่าแต่ก่อน เมื่อวานนี้ยังฉุดดึงมือเซี่ยเยี่ยนนั่งเป็นเพื่อนคุยเสียนานสี่ซ้าห้าชั่วโมง

มีคนจำนวนไม่น้อยที่มารอรับนักศึกษาใหม่อยู่ที่สถานีรถไฟ แต่เซี่ยเยี่ยนพกแผนที่และนั่งรถบัสมา นี่เป็นการเข้าเมืองใหญ่ของเขาครั้งแรก แน่นอนว่าสายตาย่อมสอดส่องดูความศิวิไลซ์ของเมืองใหญ่ไประหว่างเดิน ปีนี้เซี่ยเยี่ยนอายุสิบแปดปีแล้ว ไกด์นำทางย่อมไม่จำเป็นแต่อย่างใด

ชุดเสื้อผ้า รองเท้าและกระเป๋าเป้ของเขารวมกันไม่เกินร้อยหยวน ในถนนสายนี้ย่อมไม่มีใครแต่งตัวซอมซ่อไปกว่าเขาอีกแล้วนอกจากขอทาน สีผิวของเขายังเป็นสีแทน เพียงมองแวบเดียวก็ทราบได้ว่ามาจากชนบทอันห่างไกล

กระนั้นการเปิดตัวของเขาก็นับว่าผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอย่างคาดไม่ถึง ด้วยส่วนสูงที่สูงถึงร้อยแปดสิบเซนติเมตร และหน้าตาที่จัดว่าดูดี ผิวสีแทนบนร่างยังช่วยขับเน้นความเป็นชายชาตรีออกมา บนคอของเขาสวมสร้อยหัวกะโหลกสีดำแวววาวขนาดเท่าไข่นกกระทาที่ร้อยด้วยเส้นเชือกสีแดงเอาไว้

จี้หัวกะโหลกสีดำที่ดูราวกับมีชีวิตนั้นนับเป็นสิ่งโดเด่นเพียงสิ่งเเดียวบนร่างของเซี่ยเยี่ยน โดยทั่วไปแล้วผู้ชายมักจะสวมสร้อยคอรูปเจ้าแม่กวนอิมหรือไม้กางเขน แต่เซี่ยเยี่ยนกลับสวมสร้อยหัวกะโหลกชวนขนหัวลุก ความแปลกแยกนี้เองที่ทำให้ผู้คนพากันติดป้ายเขาว่าเป็นพวกแยงกี้ที่ได้รับอิทธิพลบ้าบอมาจากภาพยนตร์ชาวแก๊งค์

เซี่ยเยี่ยนที่ยืนอยู่หน้าประตูทิศเหนือกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา พวกนักศึกษาก็มองมาที่เขาด้วยสายตาหยานหยัน

"เฉิงตูนี่ใหญ่โตจริงๆน้า คนก็เยอะแยะมากมาย ชุดของผู้หญิงคนนั้นก็เปิดเผยซะเหลือเกิน กางเกงนั่นแทบจะปิดก้นไม่มิดอยู่แล้ว.....ชายคนนั้น....เดี๋ยวก่อนนะ เขาเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันล่ะนั่น?" เซี่ยเยี่ยนดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตเห็นสายตาจากคนรอบข้าง เขามองตามผู้คนที่สัญจรไปมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น นี่นับเป็นการเปิดโลกใหม่ให้เขาอย่างแท้จริง

หลังจากเหล่สาวไปได้สักพัก เซี่ยเยี่ยนก้ปาดเช็ดน้ำลายก่อนจะเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัย

"โยว่สหาย สถานที่ลงทะเบียนนักศึกษาใหม่ของคณะโบราณคดีอยู่ทางไหนเหรอ?"

"เลี้ยวขวาข้างหน้านั่นก็เจอแล้ว"

"แต๊งกิ้วหลาย!"

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เซี่ยนเยี่ยนก็ลงทะเบียนเสร็จสิ้น หลังจากจ่ายค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าหอพักแล้ว ในบัตรของเขาก็เหลือเงินอยู่เพียงสามพันหยวน

หลังจากจ่ายอีกสามร้อยหยวนเพื่อซื้อพวกเครื่องนอนกับของใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว เซี่ยเยี่ยนก็เจ็บปวดใจราวกับถูกมีดกรีด

เซี่ยนเยี่ยนไม่ใช่สาวสวยหุ่นเช้ง ดังนั้นจึงไม่มีบุรุษผู้กล้าอาสาช่วยขนสัมภาระขึ้นหอพัก เขาได้ต้องแบกขึ้นไปเอง

หอพักชายตึกซี ห้องสี่ศูนย์สอง เซี่ยเยี่ยนเป็นคนแรกที่เข้าพัก เขาพบไม้กวาดเก่าๆและผ้าขี้ริ๊วที่แทบไม่อาจเรียกได้ว่าผ้าผืนหนึ่งอยู่ภายในห้อง หลังจากสู้รบปรบมือกับหยากไย่และฝุ่นคลีภายในห้องกว่าครึ่งชั่วโมง ห้องพักแห่งนี้ก็อยู่ในสภาพที่มนุษย์สามารถอยู่อาศัยได้ในที่สุด

สิ่งอำนวยความสะดวกของหอพักนับว่าใช้ได้ อย่างไรเสียหอพักนี้ก็เป็นถึงหอพักของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในมณฑลซีเหอ

มันเป็นห้องพักสำหรับสี่คน มีเตียงสองชั้นที่ด้านล่างเป็นโต๊ะอยู่สองหลัง แต่ละคนมีตู้เก็บของขนาดพอเหมาะเป็นของตัวเอง ที่ต้องทำก็แค่หาซื้อตัวล็อคมาใส่ก็เท่านั้น ห้องพักนี้ยังมีระเบียงพร้อมห้องน้ำในตัว

เซี่ยเยี่ยนพึงพอใจกับสิ่งอำนวยความสะดวกของหอ หอพักตอนมัธยมปลายของเขาเป็นห้องพักแบบแปดคนที่ไม่มีห้องน้ำหรือกระทั่งก๊อกเสียด้วยซ้ำ แต่ละชั้นมีห้องน้ำรวมเพียงสองห้อง และหากอยากจะอาบน้ำก็ต้องหิ้วถังน้ำขึ้นมาเอง ทางเดินของหอก็สกปรกเหม็นคลุ้ง ไม่มีความน่าอยู่เลยสักนิด

เนื่องจากไม่มีคนมาแย่งจองเตียง เซี่ยเยี่ยนจึงเลือกเตียงที่ใกล้กับระเบียงมากที่สุด เมื่อเลือกแบบนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นไปเปิดประตูตอนดึกๆ และการระบายอากาศตรงนี้ก็ยอดเยี่ยมอีกด้วย มองออกไปทางฝั่งตรงข้ามยังมีทิวทัศน์ดีๆอย่างชุดชั้นในผู้หญิงที่ตากไว้ขอหอพักหญิง ช่างเป็นชัยภูมิอันเยี่ยมยอดอย่างที่สุดซะจริงๆ

หลังจากนำกระเป๋าเก็บใส่เข้าตู้และอาบน้ำแล้ว เซี่ยเยี่ยนก็ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่ เขาปีนขึ้่นไปนอนบนเตียงพลางฟังเสียงจากทางเดินและห้องข้างๆ จากนั้นเขาก็หลับตาลงอย่างผ่อนคลาย หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เข้าสู่สภาวะอันมหัศจรรย์ การทำสมาธิ

สองเดือนก่อน ลูกไฟปริศนาจากนอกโลกได้พุ่งชนศีรษะของเซี่ยเยี่ยนเข้าอย่างจัง ลูกไฟนี้ก็คือเศษเสี้ยวดวงวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ของเนโครแมนเซอร์จากต่างโลกที่ฝึกฝนจนถึงขั้นลิช ไฟวิญญาณนี้ได้กักเก็บความทรงจำทั้งหมดของลิชตนนั้นเอาไว้ เพียงแต่ไม่มีจิตสำนึกหลงเหลืออยู่แล้วก็เท่านั้น

ไฟวิญญาณดวงนั้นได้จุดไฟจิตวิญญาณของเซี่ยเยี่ยนขึ้นมา และไม่นานเขาก็ได้ครอบครองข้อมูลทั้งหมด จากนั้นไฟวิญญาณของลิชก็มอดดับลง

ในช่วงเวลาสองเดือนก่อนที่จะเปิดเทอมนี้ ภายในห้วงจิตของเซี่ยเยี่ยน เขาได้สร้างฐานของหอคอยและหอคอยเวทมนตร์ชั้นแรกด้วยเปลวไฟสีน้ำเงินได้สำเร็จ นั่นทำให้ตอนนี้เขากลายเป็นนักเวทฝึกหัดและสามารถใช้เวทมนตร์ระดับต่ำได้แล้ว

โลกนี้มีประชากรอยู่ราวเจ็ดพันล้านคน แต่ละวันไม่รู้ว่ามีคนตายกี่ล้านคน หากคำนวณดูก็จะได้ตัวเลขสะสมที่น่าขนลุกออกมา!

ดังนั้นนี่จึงเป็นยุคทองของเนโครแมนเซอร์!

กุญแจดอกหนึ่งสอดเข้าไปในรูกุญแจและบิดไขเปิดประตู.....

เซี่ยเยี่ยนลืมตาขึ้น เปลวไฟสีน้ำเงินในดวงตากระพริบวูบก่อนจะหายไป

"หืม? ข้างในมีคนเรอะ?....เพื่อน กลางวันแสกๆแบบนี้ทำไมล็อคประตูไว้เล่า คงไม่ใช่กำลังฟิตกล้ามแขนอย่างหนักหน่วงอยู่หรอกใช่มั้ย?" ผู้ที่เข้ามาในห้องเป็นชายหนุ่มล่ำบึ้กเจ้าของส่วนสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนที่ติดสำเนียงทางเหนือ รูปร่างของเขาไม่มีอะไรให้วิจารณ์มากนัก แต่เป็นหน้าตาของเขาต่างหากที่ช่างขัดตาจนแทบเบือนหน้าหนี แม้จะเป็นใบหน้าเหลี่ยมที่องคาพยพของใบหน้าดูดาษดื่นสามัญ แต่จุดสิวที่ขึ้นเป็นผื่นทั่วใบหน้ากลับทำลายทุกอย่างลงเสียไม่มีชิ้นดี

"ฉันนอนอยู่" เซี่ยเยี่ยนเหยียดตัวลุกขึ้นก่อนจะโดดลงมา "เซี่ยเยี่ยนจากซีเหอ"

"จ้าวเฉียงจากปักกิ่ง"

ในเมื่อต่างเป็นคนหนุ่ม หลังจากพูดคุยกันเล็กน้อยพวกเขาก็เริ่มคุ้นเคยกัน ไม่นานจ้าวเฉียงขอตัวไปจัดของและอาบน้ำ อากาศร้อนในฤดูใบไม้ร่วงนับว่าร้อนจนตับแตก อากาศอันอับชื้นของทางตะวันตกเฉียงใต้ทำให้ผู้คนรู้สึกเหนียวตัวตลอดวัน ไม่ว่าใครก็ใคร่อาบน้ำวันละหลายหน

เมื่อมีคนมาแล้ว การทำสมาธิต่อไปก็คงไม่เหมาะนัก เซี่ยเยี่ยนรู้สึกคันไม้คันมือเมื่อได้เห็นโน๊ตบุ๊คที่อยู่บนโต๊ะของจ้าวเฉียง ดังนั้นเขาจึงตะโกนไปทางห้องน้ำ "จ้าวเฉียง โน๊ตบุ๊คนายใช้เน็ตได้เปล่า?"

"ได้ดิ ฉันมีแอร์การ์ดอยู่ แต่เราคงต้องไปหาเราเตอร์มาไว้สักตัวแล้ว จะได้ใช้ไวไฟของมหา'ลัยได้" จ้าวเฉียงตะโกนตอบจากในห้องน้ำ

"ใช้โน๊ตบุ๊คนายได้ปะ?"

"ตามสบาย เออใช่! ในโฟลเดอร์เอกสารประกอบการเรียนในไดร์ฟดีมีโฟลเดอร์ลับอยู่ ถ้าเปรี้ยวปากก็จัดได้เลยพวก ในนั้นมีไฟล์อยู่สามร้อยกิ๊ก!" จ้าวเฉียงหัวเราะหึหึ

เซี่ยเยี่ยนถึงกับปาดเหงื่อ สามร้อยกิ๊ก ไม่แปลกใจทำไมสิวเต็มหน้า!

จากจุดนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าจ้าวเฉียงเป็นคนง่ายๆและเปิดเผยตรงไปตรงมา หลายคนไม่ชอบให้คนอื่นมายุ่มย่ามกับโน๊ตบุ๊คของตน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนแปลกหน้าที่เพิ่งจะรู้จักกันเมื่อห้านาทีก่อน

จ้าวเฉียงใช้โน๊ตบุ๊คยี่ห้อผลไม้ชื่อดังที่ราคาอย่างต่ำก็หนึ่งหมื่นแปดพันหยวน ขณะที่เปิดเครื่อง เซี่ยเยี่ยนก็คิดว่าเขาคงต้องหาซื้อโน๊ตบุ๊คบ้างซะแล้ว แต่หลังนึกได้ว่าทั้งเนื้อทั้งตัวมีอยู่สามพันหยวน เซี่ยเยี่ยนก็แทบจะร่ำไห้

'หรือจะทำตามคำแนะนำของอาจารย์ แกะสลักหินหาเงิน?'

เซี่ยเยี่ยนไม่มีแผนจะหยิบยืมเงินจากผู้อื่น อาจารย์ของเขาก็ไม่ได้พูดถึงอาจารย์อามาเป็นสิบปีแล้ว ชัดเจนว่าคงมีข้อหมางใจกันอยู่ ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ไม่ควรเข้าไปทำให้ความสัมพันธ์มันย่ำแย่ลงไปอีก

ส่วนการตามหาอีกคนนั้น เซี่ยเยี่ยนไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความคิด การหมั้นหมายนั่นเกิดขึ้นตั้งเมื่อสิบห้าปีก่อน ใครจะไปคิดเป็นจริงเป็นจังกันล่ะ! หากไปเคาะประตูบ้านแล้วพูดถึงเรื่องนี้เข้าคงไม่แคล้วถูกกระทืบเข้าให้ ยิ่งกว่านั้นหากว่าคู่หมั้นคนที่ว่าหน้าตาอัปลักษณ์แล้วเกิดพึงตาต้องใจและยืนกรานว่าจะแต่งกับเขาล่ะ? นั่นไม่เท่ากับตายทั้งเป็นเลยเรอะ!

ด้วยความสามารถของฉันแล้ว ไม่ว่าไปที่ไหนในโลกก็ได้ทั้งนั้น