ตอนที่แล้วตอนที่ 261 ฟีนิกซ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 263 สมองสั่งการระบบ

ตอนที่ 262 ตัวตนที่คาดไม่ถึง


ตอนที่ 262 ตัวตนที่คาดไม่ถึง

นอกจากสิ่งนี้แล้วยังมีเรื่องอีกมากมายที่เกิดขึ้น หลังการกลับมาขององค์ชายใหญ่ เขาก็ได้เจอกับข้ารับใช้ชราอีกครั้ง องค์ชายใหญ่ขึ้นเป็นราชาของเหล่ายักษ์เถื่อน ข้ารับใช้ชราถอนตัวออกจากสภาทั้งสามเผ่าพันธุ์เพื่อให้องค์ชายใหญ่เข้ามาทำหน้าที่แทน โดยให้เหตุผลว่าตนเองแก่มากแล้วอยากจะเกษียณตัวเอง

ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับในสภาเช่นกัน หลังองค์ชายใหญ่ผ่านเข้ามาเป็นหนึ่งในเจ็ดสมาชิกสภา ก็ได้เสนอเรื่องแรกขึ้นมานั้นก็คือ การเรียกชื่อเผ่าพันธุ์ของพวกเขา

จากที่มักจะถูกเรียกว่ายักษ์เถื่อน ขอให้กลับไปเรียกชื่อแต่ในอดีตนั้นคือ “เผ่าเทพไททัน”

เรื่องนี้ไม่มีใครปฏิเสธ ทั้งเอวาและนิเรียก็ไม่ติดขัดอะไร แม้คำว่ายักษ์เถื่อนจะมาจากที่เผ่ามนุษย์ใช้เรียกก็ตาม หลายเรื่องเพียงประกาศออกไป และให้เวลาทำหน้าที่มันก็เท่านั้น

3 ปีต่อมาการฟื้นฟูเมืองซานติเกียเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งสามเผ่าพันธุ์ต่างสร้างที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่งให้เหมาะสมกับตัวเอง

อย่างเช่นเผ่าเทพไททันจะอาศัยในสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่กว่าปกติ เผ่าเจ้าสมุทรสร้างที่พักติดริมน้ำ ส่วนมนุษย์นั้นดูจะปรับตัวไม่ยาก ทั้งสามยังสร้างถนนและของส่วนรวมที่ใช้ด้วยกันให้เหมาะสม

แน่นอนว่าการอยู่รวมกันย่อมมีการกระทบกระทั่งบ้าง แม้จะมีตัวอย่างที่ยานขนส่งอวกาศในการอยู่ร่วมกันมาแล้วก็ตาม เซนกลับมารับหน้าที่ผู้บัญชาการตำรวจคอยแก้ปัญหาข้อพิพาทต่าง ๆ

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่ผ่านมาในเวลาสามปีนี้ สิ่งที่สำคัญจริง ๆ คือรูปแบบการปกครอง

พวกเขาก่อตั้ง “สหพันธรัฐดีอ้อนไน” ขึ้นมาเรียกตนเอง ซึ่ง “ดีอ้อน” นั้นแปลว่า “เทพพระเจ้า” ส่วน “ไน” นั้นมาจาก “ไนเรล” แน่นอนว่าคนเหล่านี้ต้องการจะสื่อถึงไนเรล

และที่สำคัญไปกว่านั้นคือการรวมอำนาจปกครองขึ้นมาให้ชัดเจน เพื่อการเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งในสหพันธรัฐดีอ้อนไนจะมีสภาที่เรียกกันว่าสภาสูงคอยกำกับดูแล และตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ

สภาสูงยังคงเหมือนเช่นเคยนั้นคือ มีตัวแทนจากทั้งสามเผ่าพันธุ์ คือเผ่ามนุษย์สองคน เผ่าอสูรสองตนและเผ่าเทพไททันสองตน

ซึ่งรวมกันเป็น 6 บัลลังก์ แต่ยังมีอีกหนึ่งบัลลังก์พวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่านั้นคือบัลลังก์ของไนเรล แต่ส่วนใหญ่แล้วไนเรลไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจของพวกเขามันจึงเหมือนเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความทรงอำนาจซะมากกว่า

10 ปีต่อมาหลังจากใช้เมืองซานติเกียเป็นฐานรวบรวมสิ่งของเข้าไปที่ยานฟินักซ์พวกเขาก็ลงมือสร้างอาณานิคมบนยานฟินิกซ์ได้สำเร็จ

15 ปีต่อมาระบบนิเวศก็สมบูรณ์มากขึ้น แต่ขณะเดียวกันความแห้งแล้งก็แผ่ขยายไปทั่ว แห้งน้ำบนผิวดาวเคราะห์หายไปทั้งหมด โลกกำลังจะตายลงเรื่อย ๆ สัตว์กลายพันธุ์มีความดุร้ายมากขึ้นมีบ่อยครั้งที่สัตว์กลายพันธุ์หิวโซจนไม่มีทางเลือกนอกจากโจมตีพวกเขา

หลายตัวถูกฆ่าแต่มีหลายตัวที่ถูกจับเป็นเนื่องจากคำสั่งของชารอนที่บอกต้องการสายพันธุ์ของพวกมัน

20 ปีต่อมาสถานการณ์โลกเลวร้ายลงจนน่าแปลกใจ ความร้อนสาดส่องสร้างทะเลทรายปกคลุมพื้นที่สองในสามของดาวเคราะห์แห่งนี้จนหมด

เกิดภัยธรรมชาติมากมาย ราวกับดาวเคราะห์ได้กลายเป็นศัตรูกับพวกเขา

30 ปีต่อมายังไม่มีใครตามหาไนเรลเจอ พวกเขาได้แต่เฝ้ารอตอนนี้โลกตายซากไปจริง ๆ และยังรุนแรงกว่าดาวเคราะห์ A000 ถ้าเทียบกับช่วงเวลา ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้โง่ดูเหมือนเหตุการณ์ทั้งหมดจะเป็นแบบที่ไนเรลบอก “ระบบมันมีวิธีการมากกว่าหนึ่งในการทำลายโลกใบนี้”

ไม่มีใครเข้าใจว่ามันทำไปเพื่อสิ่งใด...

40 ปีต่อมาเมืองซานติเกียถูกทิ้งล้างผู้คนทั้งหมดที่มีอยู่ราว ๆ 20 ล้านคนย้ายขึ้นไปบนยานฟินิกซ์ คนส่วนใหญ่นั้นเป็นประชากรที่กำเนิดขึ้นมาทีหลัง หลายคนรู้ว่าสักวันพวกเขาต้องออกไปเผชิญกับชะตากรรมที่ไม่อาจคาดเดา

บนยานฟินิกซ์หน้าอาคารสภาสูงมีนาฬิกาขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นมาคือนาฬิกานับถอยหลัง ตอนนี้เหลืออีก 9 ปี 4 เดือน

ที่นั่นยังมีรูปปั้นไนเรลและรวมเรื่องราวต่าง ๆ ไว้มากมาย

สถานที่แห่งนั้นมีหญิงสาวผู้หนึ่งยืนมองเบื้องหน้ากำลังอ่านเรื่องราวของไนเรลอยู่ ด้านข้างยังมีชายหนุ่มยืนถือร่มให้กับหญิงสาว ทั้งคู่ยืนนิ่งอยู่ใต้สายฝนที่ตกลงมา

สายฝนพวกนี้คือระบบนิเวศจำลองที่ถูกสร้างขึ้นมาบนยานฟินิกซ์

“ทำไมนายยังไม่แต่งงานสักที ทำไมถึงต้องรอฉัน ฉันแก่กว่าเธอตั้งหลายปี เราอาจจะไม่เหมาะสมกันก็ได้ อีกอย่างนายอาจจะแก่ก่อนก็ได้ถ้ารอฉัน” นิเรียที่ตอนนี้เหมือนกับหญิงสาววัย 25 กล่าวออกมา

“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ ยังไงซะถ้านับตามช่วงอายุมนุษย์ชั้นสูงระดับพวกเราตอนนี้เราอาจจะแค่เด็กน้อยก็ได้” เจคอบตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้มันกลายเป็นหนุ่มหล่อ ใบหน้าคมเข้ม และอ่อนโยนไปแล้ว

“พี่ชายไนเรลจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน”

“ฉันรู้ นาเดียบอกว่าเขายังอยู่บนดาวเคราะห์แห่งนี้”

เจคอบยื่นมือไปจับมือของนิเรียไว้ นิเรียไม่ได้ว่าอะไร เธอจับมือของเจคอบไว้เช่นกัน ทั้งสองยืนอยู่เงียบ ๆ ไม่พูดอะไรอีก

ขณะเดียวกันทางด้านสภาสูง หลังจากการหายไปของไนเรล หลายสิบปี นิเรียก็เลือกจะลงจากตำแหน่งและเพื่อจะออกไปตามหาไนเรล

ตอนนี้คนที่เข้ามาแทนที่นิเรียไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นไคโร

สถานการณ์ที่แห่งนี้กำลังดุเดือดอย่างมาก เพราะพวกเขาพบกับบางสิ่งนั้นก็คือ ระบบเหมือนจะเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

“ตอนนี้เราต้องรีบติดต่อท่านไนเรลให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นทุกอย่างอาจจะสายเกินไป” ที ลินดัสด้วยออกมาด้วยความร้อนรน

“ใจเย็นก่อนเรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เรื่องใหญ่จริง ๆ คือการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่เราจะออกไป” เพบีกัสกล่าวด้วยความใจเย็น

“แต่เรื่องนี้น่าแปลก ท่านไนเรลไปไหนทำไมถึงไม่แจ้งพวกเรา หลังจากวันนั้นเขาขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วก็เงียบหายไปเลย”

“เขายังอยู่ในดาวเคราะห์ดวงนี้ แต่อาจจะมาจากสภาวะของเขาก็ได้” องค์ชายใหญ่กล่าวออกมา ขณะยื่นมือไปหยิบชาขึ้นมาดื่ม

“สภาวะ?”

“ในที่นี้พวกเราไม่มีใครไปถึงระดับดวงดาวอีกนอกจากสองคน...อาจจะสาม... เอาเป็นว่าตามที่มีในบันทึกกับที่ข้าได้เข้าไปคุยกับท่านลูน่ามา ช่วงชีวิตของระดับดวงดาวกับ 7 ระดับของขั้นแรกมันต่างกันมาก พวกเจ้าไม่เคยสังเกตเลยอบ่างนั้นเหรอ สี่สิบปีที่ผ่านมา พวกเราคิดว่ามันแค่สองสามปี หรืออาจจะน้อยกว่านั้น สิ่งนี้เรียกว่าการรับรู้ที่ต่างออกไป สำหรับสิ่งมีชีวิตระดับดวงดาวแล้ว การเดินทางในอวกาศที่กว้างใหญ่อาจจะนานนับร้อย ๆ ดังนั้นชีวิตของพวกเขายาวนานกว่าเรามากนัก”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้”

องค์ชายใหญ่วางถ้วยชาลงและกล่าวต่อ “ก็ถ้าเขาแค่งีบหลับไปหรืออาจจะทำอะไรบางอย่างจนหลงลืมเวลาก็ได้ยังไงละ”

“แบบนี้ก็ไม่ดีซะแล้วสิ เราควรจะรีบออกไปหาท่านไนเรลให้เจอ”

“ไม่จำเป็น” เอวากล่าวออกมา เธอหยิบอุปกรณ์สื่อสารออกมา “ซีโร่แจ้งเขามาว่าเจอท่านไนเรลกลับมาเมื่อ 3 วินาทีก่อนแล้ว

.............

ไนเรลกลับมาที่ยานฟินิกซ์แล้วและตรงไปที่สภาสูงในทันที

หลังไนเรลเข้าไปในสภาสูงข่าวเรื่องการกลับมาของเขาก็กระจายออกไปทั่วภายในไม่กี่นาทีและหลังจากนั้น 1 ชั่วโมงก็มีคำสั่งถอนกำลังที่อยู่ด้านนอกยานฟินิกซ์กลับมาทั้งหมด

10 ชั่วโมงหลังจากนั้นก็มีคำสั่งออกเดินทาง นาฬิกาขนาดใหญ่ที่สภาสูงถูกปรับเปลี่ยนจาก 9 ปี 4 เดือน กลายเป็น 60 นาที

ซึ่งเวลา 60 นาทีนั้นสร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนของสหพันธรัฐดีอ้อนไนเป็นอย่างยิ่ง

แต่เวลาถูกกำหนดไว้แล้วไม่ว่าพวกเขาจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ เพราะคนที่สั่งการมาคือไนเรล

ขณะนี้ไนเรลกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าต้นคริลตัลวิวัฒนาการขนาดใหญ่อยู่ซึ่งหลังจากเมืองซานติเกียโดนทำลาย เอิร์ลดาโก้ก็ย้ายมันมาที่ยานขนส่งอวกาศ และตอนนี้มันก็มาอยู่ที่นี่

นอกจากไนเรลที่อยู่ที่นี่แล้ว คนอื่น ๆ ก็มารวมกันที่นี่ด้วย

สมาชิกสภาสูงทั้ง 6 ได้แก่ เอวา ไคโร องค์ชายใหญ่ ที เพบีกีส มะลิ ตามด้วยกลุ่มมันสมองอย่าง ชารอน เมสัน จูเรีย กลุ่มโนแนทและคนระดับสูง อารอน นิเรีย เจคอบ ดามิน โลแกน เซน ดานเต้ นิริน เฒ่าไมเคิล จ่าคูเปอร์ อลิสซ่า ลูน่าที่มากับสเตล่า ข้ารับใช้ชราและมีอีกหลายคนสำคัญที่ยังเหลือรอดอย่างซามูเอลที่ตอนนี้ก็มาทำงานในสหพันธรัฐด้านที่ปรึกษาด้วย

ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้กล่าวถึง แต่ทุกคนมีเหมือนกันนั้นคือ พลังทุกคนมีพลังระดับสีทอง

ไม่มีใครเข้าใจว่าไนเรลเรียกพวกเขามาทำไม

ไนเรลก้าวเดินออกมาข้างหน้าเดินเข้าไปหาต้นไม้คริสตัลวิวัฒนาการ แต่ในตอนนั้นเองหลายคนก็พึ่งสังเกตุเห็นสิ่งหนึ่งนั้นคือ ธีโอ ทั้งสองธีโอยังอยู่ที่ต้นไม้คริสตัลวิวัฒนาการ มันทั้งเก็บใบไม้คริสตัลกินอย่างสบายใจ ไม่สนใจการมาของไนเรลแม้แต่น้อย

เขาหยุดลงห่างออกไปประมาณ 2 เมตรก่อนถึงต้นไม้

“เรามาคุยกันหน่อยเป็นยังไง” เสียงไนเรลยังราบเรียบ สีหน้าและแววตายังนิ่งเฉยเหมือนเช่นเคย แต่มันชัดเจนว่าไนเรลกำลังพูดกับธีโอทั้งสอง

ธีโอทั้งสองหยุดมือ แม้แต่ใบไม้ที่เคี้ยวในปากก็ยังหยุดลง มันมองไปที่ไนเรลอย่างนิ่งเงียบ บรรยากาศในตอนนี้กดดันอย่างรุนแรง จนแม้แต่มนุษย์ชั้นสูงระดับสีทองยังหายใจได้อย่างยากลำบาก

แต่ที่มากไปกว่านั้นคือพลังที่ออกมา มาจากไนเรลและสองธีโอ

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น...เมี้ยวว ๆ”

“ไนเรลมันเกิดอะไรขึ้น” เอวาตะโกนถาม เธอไม่งงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งคำถามที่เธอถามก็คือสิ่งที่คนอื่น ๆ อยากรู้เช่นกัน

ไนเรลหันไปมองเธอ และพูดออกมาว่า “ระวังตัวด้วย”

ก่อนจะหันไปกล่าวกับธีโอต่อ “ธีโอหรือจะให้เรียกว่า ระบบย่อยควบคุมความต่างของเวลาทั้งสองดวงดาว”

ทุกคนได้ยินดังนั้นก็ตกใจจนถึงขั้นไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่มะลิเองก็เช่นกัน สำหรับคนอื่น ๆ แล้วอาจจะคิดว่าเหลือเชื่อ แต่สำหรับเธอแล้ว ทั้งสองถูกเลี้ยงมาด้วยกัน ตั้งแต่ยังไม่เกิดวันโลกาวินาสขึ้น มันอธิบายไม่ถูก

มือของมะลิสั่นเทา มะลิก้าวออกมาด้านหน้า แต่แล้วอยู่ ๆ เด็กสาวก็ตะโกนออกมา

“สุดยอด ธีโอ นายสุดยอดมาก”

การตะโกนของมะลิทำเอาคนอื่น ๆ รู้สึกหมดคำพูด จูเรียรีบดึงมะลิกลับก่อนจะบ่นไปชุดใหญ่ แต่ไม่รู้ว่าทั้งสองพูดอะไรกันจึงมีสาตาที่เป็นประกายแบบนั้น

ทุกคนเลิกสนใจมะลิกับจูเรีอแม้ผ่านไปเกือบ 50 ปี ทั้งสองก็ยังทำตัวเป็นเด็กอยู่เหมือนเดิม

ไนเรลกอดอกจ้องมองไปที่ธีโอ...

ผ่านไปสักพักสองธีโอก็เปิดปากพูดออกมาด้วยเสียงที่ทุ้มกังวานออกมา “ธีโอ ข้าชอบชื่อนี้มากที่สุดนับตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด